บทที่ 144
“ใช่ เฉินไต้ซือ คุณต้องช่วยพวกเรานะ ตระกูลหลินรังแกคนได้รุนแรงมาก!” ผู้มีอิทธิพลอีกคนพูดอ้อนวอน
เซวียเชียนเหอก็ประสานมือคำนับเฉินโม่ แล้วพูดว่า “เฉินไต้ซือ อำนาจตระกูลหลินยิ่งใหญ่ ถึงพวกเรามีอำนาจในถิ่นเรา แต่ยังไงก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่สามารถต้านทานตระกูลหลินได้ มีเพียงคุณที่สามารถต้านทานตระกูลหลินได้ ไม่ว่าอย่างไร ได้โปรดช่วยด้วยเถอะครับ!”
“เฉินไต้ซือ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”
ตอนนี้พวกผู้มีอิทธิพล เหมือนสะใภ้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรม กลับไปขอความช่วยเหลือจากฝั่งแม่
เฉินโม่พยักหน้า พูดอย่างเย็นชาว่า “ทุกท่านวางใจเถอะ ฉันบอกแล้วว่าจะปกป้องพวกคุณ พูดคำไหนคำนั้น ตระกูลหลินกล้าฆ่าฉินเยว่ซาน ฉันกล้าเอาเลือดล้างตระกูลหลินของเขา!”
ถึงเสียงของเฉินโม่จะเบา แต่ไม่มีใครกล้าสงสัยความน่าเชื่อถือในคำพูดเขา พวกผู้มีอิทธิพลรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ตอนนี้เหมือนเฉินโม่ที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นเทพสังหารไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ในใจของพวกผู้มีอิทธิพล มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “เลือดล้างตระกูลหลิน เขากล้าทำแบบนี้จริง!”
ในบรรดาทุกคน เซวียเชียนเหออายุมากที่สุด นิสัยก็รอบคอบมากที่สุด เขามองเฉินโม่ แล้วพูดอย่างกังวลว่า “เฉินไต้ซือ พละกำลังที่หลินเจี้ยนเฟิงแสดงออกมาวันนี้ ไม่ธรรมดา เราสงสัยว่า จริงๆแล้ว ตระกูลหลินเป็นตระกูลบู๊ คุณต้องระวัง!”
“ตระกูลบู๊งั้นเหรอ” เฉินโม่ไม่มีความกังวลสักนิด กลับเกิดความสนใจ หลังจากกลับมาเกิดใหม่ คนที่เก่งที่สุดซึ่งเขาเคยเจอมา คือผางซื่อหยวน ยังไม่เคยต่อกรกับตระกูลบู๊ที่แท้จริง
“ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าตระกูลบู๊ในประเทศหัวเซี่ย จะมีพละกำลังอย่างไร”
สุดท้าย เฉินโม่มองทุกคน แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ฝากแจ้งคนตระกูลหลินแทนฉัน อีกสามวัน ฉันจะทำตามนัด เรียกร้องความยุติธรรมแทนฉินเยว่ซาน!”
กลับมาในพื้นที่ของลานชุมชนเมือง เฉินโม่ไม่มีท่าทีเหมือนใกล้จะเจอสงครามใหญ่ ยังคงฝึกฝน ทานข้าว สอนเฉินซงจื่อฝึกหมัดเหมือนปกติ
ผลการฝึกตนของเฉินซงจื่ออยู่ในแดนในชั้นสมบูรณ์ เพราะวิชาที่ฝึกฝน แข็งแกร่งกว่าโลกบู๊ดาวไอกามาก พลังทิพย์ในตัวเฉินซงจื่อ เทียบได้กับนักบู๊แดนในชั้นสูงสุด อีกทั้งยังเหนือกว่าระดับหนึ่ง ถ้าบวกกับหมัดสามท่าเทียนเสวียน เฉินซงจื่อสามารถกวาดล้างนักบู๊ในระดับเดียวกันได้ทั้งหมด
เวลาสามวัน เฉินซงจื่อสามารถใช้ท่าที่หนึ่งของหมัดสามท่าเทียนเสวียน บุกเขาได้จริง 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ความเข้าใจและความขยันของเขา เป็นที่ยอมรับของเฉินโม่
ผ่านไปสามวัน หลังทานข้าวเย็นเสร็จ เฉินโม่พาเฉินซงจื่อ เอียนชิงเฉิงและซังซัง นั่งแท็กซี่ไปยังทะเลสาบกลับคืนรัง
ช่วงค่ำใกล้เข้ามา ทะเลสาบกลับคืนรังเต็มไปด้วยความเงียบ ภายใต้ไฟของคฤหาสน์บนยอดเขาที่ส่องลงมา ทำให้น้ำในทะเลสาบเป็นประกาย ราวกับภาพฝัน
ข้างทะเลสาบกลับคืนรัง สร้างจุดชมวิวไว้แห่งหนึ่ง กว้างมาก ถูกเรียกว่าลานทะเลสาบกลับคืนรัง ฝั่งทะเลสาบกลับคืนรังที่คนชอบเรียกกัน หมายถึงจุดชมวิวแห่งนี้
เฉินโม่ตอบรับการท้ารบของหลินเจี้ยนเฟิง และกำหนดเวลาไว้ 4 ทุ่ม พยายามไม่ทำให้คนทั่วไปตื่นตระหนก หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตเกินไป จนทำให้ทางการเข้ามาก้าวก่าย
เวลา 2 ทุ่ม ผู้มีอิทธิพลจากถิ่นต่างๆ ที่ถูกตระกูลหลินเชิญในวันนั้น พากันมาที่ทะเลสาบกลับคืนรัง รออย่างเงียบๆ
คุกรุ่นอยู่สามวัน อำนาจอื่นๆ บริเวณรอบๆ รู้ข่าวเรื่องตระกูลหลินจะยึดครองอำนาจบริเวณรอบๆ หากสิ้นริมฝีปากเสียแล้ว ฟันก็ย่อมเหน็บหนาว ผู้มีอิทธิพลอำนาจใหญ่บริเวณรอบๆ ต่างพากันมา บางคนอยากฉวยโอกาสเกาะตระกูลหลิน บางคนอยากคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
ครั้งนี้ เกือบจะรวมบุคคลอันดับต้นๆ เกือบครึ่งของมณฑลฮ่านหยาง ถ้าเอาคนพวกนี้มาเป็นพวกทั้งหมด กลุ่มอำนาจที่สร้างใหม่ขึ้นมา กลัวว่าจะสามารถต้านทานตระกูลจินได้เลย!
เวลา 3 ทุ่ม 50 นาที เฉินโม่กับคนตระกูลหลิน ไม่มีใครมาสักคน ทุกคนรอจนร้อนใจ
ฉู่เหวินสงมองเจี่ยจิ้งอาน แล้วถามว่า “นายโทรหาเฉินไต้ซือหรือยัง แน่ใจว่าคืนนี้เฉินไต้ซือจะมาใช่ไหม”