บทที่ 145 เฉินไต้ซือมาแล้ว
เจี่ยจิ้งอานส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม “ฉันโทรหาเฉินไต้ซือตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงโทรไม่ติด”
ฟางปู้ถงที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน รีบถามอย่างตระหนกว่า “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ถ้าเฉินไต้ซือไม่มา เราทำได้เพียงยอมจำนนต่อตระกูลหลิน!”
เซวียเชียนเหอพูดด้วยเสียงครึม “อย่าเพิ่งใจร้อน คนตระกูลหลินก็ยังไม่มาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ รออีกเดี๋ยว บางทีเฉินไต้ซืออาจกำลังมาก็ได้”
3 ทุ่ม 55 นาที รถเบนซ์ MPV สีดำสองคันจอดลงข้างถนน ลูกน้องตระกูลหลินสิบกว่าคน รีบเดินไปที่จุดชมวิว ยืนแยกเป็นสองแถวไปทางทะเลสาบกลับคืนรัง เหมือนกับกำลังจะต้อนรับใคร
พวกผู้มีอิทธิพลต่างพากันสงสัย คนตระกูลหลินเล่นอะไรกัน อย่าบอกนะว่ามีคนใหญ่คนโตของตระกูลหลินนั่งเรือมา ไม่งั้นพวกเขาจะจัดแถวไปทางทะเลสาบกลับคืนรังทำไม
ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงง เสียงหัวเราะอย่างสบายใจ ดังขึ้นฝั่งตรงข้ามทะเลสาบกลับคืนรัง
จากนั้นทุกคนเบิกตาโต มองภาพอันน่าตกตะลึงตรงหน้า
เห็นเพียงเงาใครคนหนึ่งเหาะมาบนน้ำ หลังผ่านไปไม่กี่นาที ข้ามผิวน้ำทะเลสาบกลับคืนรัง ได้เป็นพันเมตรแล้ว และลอยลงมายังจุดชมวิว
ลูกน้องตระกูลหลินรีบโค้งทำความเคารพ “ยินดีต้อนรับผู้อาวุโสสาม!”
หลินเจี้ยนเฟิงสวมชุดคลุมยาวดำทั้งตัว มองทุกคนอย่างยโส พูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่ต้องมีพิธีรีตอง!”
ได้ยินการเรียกของลูกน้องตระกูลหลิน พวกผู้มีอิทธิพลยิ่งตกใจใหญ่ ยืนยันการคาดเดาของตัวเอง การเรียกว่าผู้อาวุโสที่ยังคงไว้ในสังคมปัจจุบัน มีเพียงพวกตระกูลบู๊ ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานเท่านั้น
ตระกูลหลิน เป็นตระกูลบู๊ลึกลับตามคาด!
หลินเจี้ยนเฟิงกวาดตามองไปทั่ว พูดเสียงกังวานว่า “เจ้าเด็กน้อยเฉินโม่ล่ะ ตกใจบารมีของตระกูลหลิน จนหนีไปแล้วหรือไง”
ได้ยินการเรียกของลูกน้องตระกูลหลิน พวกผู้มีอิทธิพลยิ่งตกใจใหญ่ ยืนยันการคาดเดาของตัวเอง การเรียกว่าผู้อาวุโสที่ยังคงไว้ในสังคมปัจจุบัน มีเพียงพวกตระกูลบู๊ ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานเท่านั้น
เมื่อหลินเจี้ยนเฟิงกวาดตามองไป พวกผู้มีอิทธิพลทั้งหมด พากันก้มหน้าลง ไม่มีใครกล้าสบตาเขาสักคน
“หึ แค่พวกมด ในเมื่อเฉินโม่ไม่กล้ามา งั้นจะจัดการพวกนายก่อน!”
เมื่อได้ยิน ทุกคนพากันหนักใจ
สายตาของหลินเจี้ยนเฟิงกวาดมองทุกคนช้าๆ สุดท้ายหยุดลงที่ผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งทางด้านซ้าย
“เริ่มจากนายละกัน! ยอมจำนนต่อตระกูลหลินของฉัน เป็นสุนัขรับใช้ตระกูลหลิน หรือ……ตาย!”
คนนั้นคือฉางซูซิน ผู้มีอิทธิพลแห่งเจียงโจว สมชื่ออันดับหนึ่งของเจียงโจว ในมือมีทรัพย์สินเป็นหลายพันล้าน พัวพันถึงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน อสังหาริมทรัพย์ บันเทิง เป็นต้น
แต่ถึงฉางซูชินจะต้านทานประเทศได้ แต่ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เห็นภาพอันน่าตกตะลึงที่หลินเจี้ยนเฟิงเหาะมาบนน้ำ เขาตกใจไปตั้งนานแล้ว!
ได้ยินหลินเจี้ยนเฟิงเอ่ยถาม ถึงคำพูดจะดูหมิ่นแค่ไหน ฉางซูชินก็ไม่กล้าต่อต้าน รีบยอมจำนน “ฉางซูชินแห่งเจียงโจว ยอมจำนนต่อตระกูลหลิน ต่อไปจะทำตามตระกูลหลินเท่านั้น!”
หลินเจี้ยนเฟิงหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ ดี ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ ต่อไปตระกูลหลินไม่มีทางบกพร่องต่อคุณฉาง! ”
“คนต่อไป ยอมจำนน หรือ……”
ไม่รอให้หลินเจี้ยนเฟิงพูดจบ หูเหวินหวา ผู้มีอิทธิพลแห่งหูโจว สีหน้าสอพลอทันที ยิ้มให้หลินเจี้ยนเฟิง แล้วพูดว่า “ผมยอมจำนน ต่อไปถ้าตระกูลหลินให้ทำอะไร ผมไม่มีทางคัดค้านแน่นอน”
หลินเจี้ยนเฟิงสีหน้าได้ใจ “เถ้าแก่หู ตรงไปตรงมา ตระกูลหลินไม่บกพร่องต่อคุณอยู่แล้ว!”
จากนั้นหลินเจี้ยนเฟิงก็มองคนต่อไป
5-6 คนติดต่อกัน ไม่มีใครกล้าคัดค้านหลินเจี้ยนเฟิงสักคน ทั้งหมดยอมจำนนต่อตระกูลหลิน แต่ในบรรดาคนพวกนี้ ส่วนใหญ่ล้วนได้ข่าว จึงมาที่นี่ เพราะอยากเกาะตระกูลหลิน ไม่มีผู้มีอิทธิพล ที่สาบานว่ายอมจำนนต่อเฉินโม่สักคน
ฉู่เหวินสงและคนอื่นแอบร้อนใจขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเฉินไต้ซือยังไม่มาถึงเลย”
บทที่ 144