หลังออกัสฟื้นขึ้นมา ก็เจอกับมังกรปีกครามเข้าพอดี ด้วยเหตุนี้จึงสำแดงเดชครั้งใหญ่ ชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ใบแรกในการประลองนี้ให้กับกลุ่มได้สมใจหวัง

ทั้งสามกำลังจะออกเดินทาง กลับเจอกับพวกชิงจือที่รีบเร่งเหาะมาพอดี จึงอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้

“พวกเจ้ามาสายไปแล้ว” เชอรีลยิ้มตาหยี ใบหน้าเจือความลำพอง

หลังเงียบงันอยู่นาน พอออกัสฟื้นคืนชีพ สวนเอเดนของพวกเขาย่อมมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา เริ่มไล่ล่าอย่างฮึกเหิม

“บัดนี้หอสร้างโลกหมดหวังแล้ว มีเพียงสรวงสวรรค์กับเมืองพุทธและเราเท่านั้นที่ต้องสู้กันสักตั้ง ตอนนี้ตัวแทนของเมืองพุทธมาเยือนถึงที่แล้ว ก็จัดการได้ง่ายดี” ออกัสเอ่ยเสียงเรียบ

เมื่อหงโต้วกับตงเยี่ยนได้ยินคำพูดของออกัสก็อัดอั้นในใจ กำลังจะอ้าปากด่า กลับพบว่าชิงจือกับชิงซินถอยหนีไปแล้ว…

“ให้ตายสิ พวกเจ้ายังมียางอายอยู่อีกไหม ถึงได้วิ่งเร็วขนาดนี้!” หงโต้วตะโกนเสียงกร้าว

“ต้องขออภัย จอกศักดิ์สิทธิ์ถูกชิงไปแล้ว สวนเอเดนพยายามจัดการอาตมา จึงล่าถอยมาตั้งหลักก่อน!”

ชิงจือพูดประโยคนี้ในขณะที่วิ่งหนีไปด้วย ไม่ห่วงภาพลักษณ์เลยแม้แต่นิด

แต่คิดๆ ดูแล้วก็ถูก หากมัวแต่ห่วงภาพลักษณ์พูดคุยอีกสักประโยคสองประโยค พวกเขาคงหนีไม่พ้นแน่

“หยุดนะ!”

ออกัส เชอรีลและอาเธอร์กางปีกพุ่งลงมา ร่างกายกลายเป็นลำแสงสีขาว ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ!

หงโต้วกับตงเยี่ยนมองร่างของทุกคนที่หนีไปไกล ตกอยู่ในภวังค์ความเงียบ

หงโต้วบันดาลโทสะ “ให้ตายสิ ถูกมองข้ามไปจริงๆ ด้วย! ดูถูกกันเกินไปแล้ว!”

ตลอดการแข่งขัน สามคนจากสวนเอเดนไม่แม้แต่จะมองพวกมันเลยด้วยซ้ำ ท่าทีที่ดูถูกเย้ยหยันเช่นนี้ ทำให้หงโต้วจวนจะเหลืออดแล้ว

ส่วนตงเยี่ยนกลับไม่แสดงทีท่าว่าโมโหมากนัก เพียงพ่นลมหายใจอย่างทุกข์ระทม พูดเอื่อยๆ ว่า “ข้าคำนวณดูแล้ว ตอนนี้คะแนนรวมของพวกเราคือเจ็ดสิบสองคะแนน แต่คะแนนของสรวงสวรรค์สูงที่สุด ได้เจ็ดสิบหกคะแนน ตอนนี้ในเทือกเขาจงหลงมีจอกศักดิ์สิทธิ์โลหะอีกสองใบ และจอกศักดิ์สิทธิ์ทองอีกหนึ่งใบ ซึ่งหมายความว่า…พวกเราต้องชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมาให้ได้ ถึงจะมีโอกาสคว้าที่หนึ่ง…”

มุมปากหงโต้วกระตุกเมื่อได้ยิน รู้สึกว่าอนาคตช่างยากเย็น มันเป็นภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถึงว่าก่อนหน้านี้ออกัสจึงได้บอกว่าพวกมันหมดหวังแล้ว

แต่มันยังคงไม่พอใจ ทำท่าราวกับ ‘ข้าจะพลิกฟ้า แม้นฟ้าถล่มมาทับข้า’ พูดเสียงเกรี้ยวว่า “หึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราก็ชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือทั้งหมดมาให้ได้!”

หากจะบอกว่าหงโต้วพูดประโยคนี้กับหงเยี่ยน สู้บอกว่าให้กำลังใจตัวเองจะดีกว่า

“ยินดีด้วย สรวงสวรรค์ได้ไปหนึ่งคะแนน”

เสียงประกาศดังขึ้นในอากาศอีกครั้ง

ตงเยี่ยน “…”

หงโต้วอ้าปากกว้าง บัดนี้นัยน์ตาแดงก่ำดุจเลือดเลื่อนลอยอย่างยิ่ง

“การประลองนี้ แข่งต่อไม่ได้แล้ว…”

ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง

ที่นี่เต็มไปด้วยค่ายกลอำพรางกลิ่นอาย

นักบวชสองรูปกำลังนั่งหายใจหอบอยู่บนพื้น

ชิงซินปาดเหงื่อบนหน้าผาก ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเจื่อนๆ ก่อนหน้านี้ยังห่วงว่าจะถูกมังกรปีกครามไล่กวดอีกครั้งหรือไม่ คราวนี้เยี่ยมเลย มังกรไม่ตามล่า กลับมีมนุษย์วิหคสามคนตามล่าจนหนีกระเจิดกระเจิง…

บนท้องฟ้า ออกัส อาเธอร์กับเชอรีลได้ยินสรวงสวรรค์ได้ไปอีกคะแนนก็พากันถอนหายใจ

ตอนนี้คะแนนของสวนเอเดนอยู่ที่เจ็ดสิบสี่จุดสองคะแนน เมืองพุทธได้เจ็ดสิบสี่จุดหนึ่ง สรวงสวรรค์เจ็ดสิบเจ็ดจุดเจ็ดคะแนน เทือกเขาจงหลงเหลือจอกศักดิ์สิทธิ์โลหะกับจอกศักดิ์สิทธิ์ทองอย่างละใบ หากจะชิงที่หนึ่ง ใครได้จอกศักดิ์สิทธิ์โลหะไปก็ไม่มีปัญหา เพราะหากกลุ่มไหนได้จอกศักดิ์สิทธิ์ทองไปต่างหากจึงจะเป็นกลุ่มที่ได้คะแนนสูงสุด

“จอกศักดิ์สิทธิ์โลหะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เราค้นหาเบาะแสของจอกศักดิ์สิทธิ์ทองกันเถอะ” ออกัสพูดนิ่งๆ

เชอรีลกลับเห็นต่างออกไป “ข้าคิดว่าควรจะลองชิงจอกศักดิ์สิทธิ์โลหะสักหน่อย อย่างน้อยก็เอาตำแหน่งอันดับสองให้อยู่ก่อนเถอะ!”

ในขณะเดียวกัน หงโต้วกับตงเยี่ยนจากหอสร้างโลกก็มีบทสนทนาเช่นกัน

“ตงเยี่ยน ข้าคิดว่าถึงเราจะคว้าที่หนึ่งไม่ได้ แต่จะปิดฉากการประลองด้วยศูนย์คะแนนไม่ได้หรอกกระมัง หากจะชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ทองความสามารถของพวกเราอาจจะไม่พอ แต่ชิงจอกศักดิ์สิทธิ์โลหะสักใบ ให้คะแนนสวยงามสักหน่อยก็น่าจะมีโอกาส”

ปกติหงโต้วเลือดร้อนหงุดหงิดง่าย กระทำการวู่วาม แต่เมื่อถึงยามเข้าตาจน ความคิดสู้ยิบตาไม่ยอมถอยของมัน ก็ปลุกเร้าใจได้ดีเหมือนกัน

เห็นได้ชัดว่าตงเยี่ยนถูกกระตุ้นแล้ว พยักหน้ารัวๆ แล้วพูดว่า “ได้! แม้เราจะชิงที่หนึ่งไม่ได้ แต่ก็ต้องแสดงฝีมือให้ดี สำแดงเดชของหอสร้างโลกสักหน่อย!”

ด้วยเหตุนี้ หงโต้วกับตงเยี่ยนจึงออกจากความห่อเหี่ยว ลุกขึ้นสู้ใหม่ เริ่มออกค้นหาต่อไป

แต่ทว่าไม่นาน เสียงประกาศก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ยินดีด้วย สรวงสวรรค์ได้ไปหนึ่งคะแนน”

หงโต้ว “…”

ตงเยี่ยน “…”

ร่างของหงโต้วโอนเอน เปลวเพลิงตรงหน้าอกใกล้จะมอดดับ พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำเดียว

ไม่ง่ายเลยกว่าตงเยี่ยนจะฮึดสู้ แต่กลับถูกประโยคนั้นกระทบกระเทือนจนเซื่องซึมลงถนัดตา ทำได้เพียงมองฟ้าแล้วรำพันว่า “สรวงสวรรค์กะไม่ไว้หน้าใครเลยหรือ…”

ละแวกที่มีเปลวไฟลุกโชนแห่งหนึ่งในเทือกเขาจงหลง ภูตพฤกษาสูงสิบจั้งล้มลง หมดลมหายใจเสียแล้ว

หลิวเชียนฮ่วนวางจอกศักดิ์สิทธิ์ลงบนพื้นอย่างยิ้มแย้ม ทั้งกระหยิ่มใจและตื่นเต้น ราวกับอวดของเล่นอันเป็นที่รักให้คนอื่นดูอย่างไรอย่างนั้น

จอกศักดิ์สิทธิ์โลหะสี่ใบ จอกศักดิ์สิทธิ์เงินหนึ่งใบ…

“ฮ่าๆ ๆ ตอนนี้อย่างน้อยๆ พวกเราก็ได้ที่สองแล้ว พวกเรานอนนิ่งๆ ที่นี่ ก็อาจจะได้ที่หนึ่งก็ได้” อันหลินทำหน้าผ่อนคลาย ประหนึ่งยกภูเขาออกจากอก

ตอนนี้เหลือจอกศักดิ์สิทธิ์ทองอีกหนึ่งใบ และความยากในการชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ทองกับจอกศักดิ์สิทธิ์เงินไม่ใช่ระดับเดียวกันเป็นแน่ ไม่แน่ว่าขณะที่อิทธิพลอื่นชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ทอง อาจถูกปีศาจที่ยิ่งใหญ่ทำตกรอบ อัตราการเกิดเรื่องแบบนี้ไม่ต่ำแน่นอน

ฉะนั้นทั้งสี่อิทธิพลนี้ ตอนนี้แรงกดดันของสรวงสวรรค์น้อยที่สุด

แน่นอนว่าอีกนัยหนึ่ง แรงกดดันของหอสร้างโลกก็น้อยมากเช่นกัน เพราะไม่มีหวังแล้ว…

“สหายอันหลินอย่าเพิ่งทะนงตนไป เราถือโอกาสในตอนนี้ ชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ทองมาให้ได้ในอึดใจเดียว แสดงความทรงพลังของสรวงสวรรค์เรา!” หวังเสวียนจ้านพูดด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม

อันหลินได้ฟังก็พยักหน้า ความจริงแล้วเขาก็อยากจะสัมผัสเหมือนกันว่า จอกศักดิ์สิทธิ์ทองที่จะชิงมานั้นรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะมันมีมูลค่าถึงห้าคะแนน มันเป็นคะแนนของจอกเงินกับจอกโลหะรวมกันเชียวนะ

เขาคิดในใจ หากปีศาจของจอกศักดิ์สิทธิ์เงินห้าตนรวมตัวกัน เช่นนั้นพลังของพวกมันก็เหนือกว่าอิทธิพลใดอิทธิพลหนึ่งอย่างสิ้นเชิง ต่อให้สี่อิทธิพลร่วมมือกันก็ไม่เพียงพอ

แล้วอย่างนั้น…จอกศักดิ์สิทธิ์ทองที่มีมูลค่าห้าคะแนน ต้องเป็นความยากที่วิปริตขนาดไหนกัน มันช่างทำให้คนคาดหวังยิ่งนัก

เมื่อเทียบกับความคาดหวังของอันหลิน ตัวแทนของสวนเอเดนกับเมืองพุทธกลับตึงเครียดและกดดันอย่างมหันต์ การช่วงชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ทองเป็นทางเลือกหนึ่งเดียวของพวกเขาแล้ว ตอนนี้จำต้องออกตามหาเบาะแสทั่วทุกสารทิศอย่างร้อนใจ

หลิวเชียนฮ่วนที่กำลังศึกษาจอกศักดิ์สิทธิ์สูดหายใจเข้าลึก จู่ๆ ก็ถือกิ่งไม้ขีดๆ เขียนๆ บนพื้น

อันหลินสงสัย “ท่านกำลังวาดอะไรอยู่”

หลิวเชียนฮ่วนพูดอย่างไม่ยี่หระว่า “ค่ายกลร้องเรียก”

“เรียกอะไร”

“จอกศักดิ์สิทธิ์ทอง”