บทที่ 249 คุณชายฉินผู้ดูแปลกไป

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 249 คุณชายฉินผู้ดูแปลกไป

หลังจากจางต้าหูกลับเข้ามาในห้องแล้วก็ได้ยินแม่โจวเอ่ยขึ้น “ข้าหิวน้ำ ข้าอยากกินน้ำหวาน”

จางต้าหูอึ้ง นี่แม่โจวใช้ให้เขาไปรินน้ำหรือนี่ แบบนี้ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่พอนึกถึงเรื่องที่ช่วงนี้แม่โจวยังลงจากเตียงไม่ได้ จางต้าหูจึงยังเข้าใจอยู่

แต่น้ำหวานเล่า?

น้ำตาลแพงออกขนาดนั้น…..

ในขณะที่จางต้าหูกำลังจะบอกปฏิเสธ แม่โจวก็ปริปาก “วันนี้ท่านยังรับปากพ่อแม่ข้าอยู่เลยไม่ใช่หรือว่าจะดูแลข้าดี ๆ?”

จางต้าหูชะงักไปพักใหญ่กว่าจะนึกได้ว่าตอนกินข้าวกันเขารับประกันไปแบบนี้จริง ๆ

พอคิดได้ดังนี้ จางต้าหูจึงไปที่ห้องครัวโดยไม่พูดจาเพื่อหาน้ำหวานมาให้แม่โจวดื่ม

ตอนนี้แม่โจวคิดได้แล้ว ว่าเด็กที่ร้องเป็นต่างหากถึงจะได้กินลูกกวาด!

ก่อนหน้านี้นางยอมคนอื่นเกินไป คนตระกูลจางถึงรังแกนางเพียงนี้!

ตอนที่จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถาเดินเข้ามาในป่าผีสิง ก็เห็นเงาคนผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างหน้า

จางชุนเถาดึงมือจางซิ่วเอ๋อไว้ทันที “พี่ เหมือนตรงนั้นจะมีคนอยู่!”

จางซิ่วเอ๋อก็กังวลขึ้นมา “มีพี่อยู่ เจ้าไม่ต้องกลัว!”

จางซิ่วเอ๋อถามเสียงดัง “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?” นางเคยเสียเปรียบให้จางเป่าเกินแล้ว ตอนนี้จึงกลัวว่าจะมีคนมาหาเรื่องอีก

โดนหาเรื่องในป่าผีสิงเรียกได้ว่าเรียกหาฟ้าฟ้าไม่สน เรียกหาดินดินไม่ตอบ! คราวก่อนถ้าไม่ใช่ว่าหนิงอันกลับมาพอดี นางต้องโดนทำร้ายแน่ ๆ

เงาข้างหน้าขยับ แล้วเสียงที่สองพี่น้องคุ้นเคยดีก็ดังขึ้น “เห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้วพวกเจ้ายังไม่กลับมากัน ข้าไม่ค่อยสบายใจ จึงมารับพวกเจ้า”

เนี่ยหย่วนเฉียวพูดพลางเดินเข้ามาใกล้

จางซิ่วเอ๋อระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอก ลูบหน้าอกตัวเองพลางกล่าว “ขอบคุณเจ้ามากนะหนิงอัน”

พอเห็นว่าคนตรงหน้าคือหนิงอัน ความรู้สึกกังวลเมื่อครู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ใช่แค่นั้น นางยังรู้สึกสบายใจขึ้นด้วย

“พี่หนิงอัน พี่เป็นคนดีจริง ๆ เลย!” จางชุนเถาเอ่ยชมโดยไม่หวงคำ

หนิงอันมองทั้งสองและถาม “ปัญหาในวันนี้คลี่คลายแล้วหรือ?”

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “คลี่คลายแล้ว”

เนี่ยหย่วนเฉียวพยักหน้ากับตัวเอง ทีแรกเขาคิดว่าหากแก้ปัญหาไม่ได้เขาจะใช้ลูกไม้บางอย่างให้คนตระกูลจางได้รับบทเรียน แต่ดูท่าคงยังไม่ต้องใช้หรอก

ใช่แล้ว แค่ชั่วคราวเท่านั้น

ในใจของเนี่ยหย่วนเฉียวจดจำว่าคนตระกูลจางเป็นศัตรูไปแล้ว

ถ้าคนตระกูลจางไม่ทำอะไรไม่ดีก็ไม่เป็นไร หากทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนพวกนี้กล้าทำอะไรที่เป็นการรังแกจางซิ่วเอ๋อ เขาต้องสั่งสอนคนเหล่านี้อย่างแน่นอน!

จางซิ่วเอ๋อไม่รู้หรอกว่าเนี่ยหย่วนเฉียวได้ตัดสินใจกับตัวเองไปแล้วว่าจะออกหน้าให้ตน

จางซิ่วเอ๋ออารมณ์ดี วันนี้ถือว่าชนะศึก หนนี้พวกนางอาละวาดเสียจนตระกูลจางชุลมุนวุ่นวายไปหมด ต่อให้แม่เฒ่าจางไม่อยากอยู่นิ่ง ๆ ก็คงต้องอยู่นิ่ง ๆ ไปพักใหญ่ ๆ แล้วล่ะ

หลายวันหลังจากนั้น ดูเหมือนเนี่ยหย่วนเฉียวจะเริ่มยุ่ง

เขาไม่กลับมานอนบ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้ากลับมาครั้งใดจะต้องนำสัตว์สดใหม่ที่เพิ่งล่าติดมือมาด้วยตลอด

เรื่องนี้ทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกผิดนิดหน่อย เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนกินข้าวที่บ้านน้อยครั้งมาก แต่ตอนนี้กลับนำของกินกลับมาที่บ้านตลอด นางไม่มีหน้าจะรับไว้จริง ๆ

ทว่าจางซิ่วเอ๋อก็ปฏิเสธไม่ได้

เพราะนางพบว่าเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนที่มีตรรกะประหลาดมาก

อย่างเช่น ถ้าขอบคุณเขาจากใจจริงก็ต้องรับของไว้

อย่างเช่น ถ้านางไม่รับไว้เท่ากับไม่ยอมตอบแทนบุญคุณ

เมื่อเจอกับเนี่ยหย่วนเฉียวในแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อยอมแพ้โดยสมบูรณ์

หลายวันมานี้ของจางซิ่วเอ๋อนอกจากมีเรื่องกังวลเล็กน้อยแค่นี้แล้ว เรื่องอื่นนางล้วนสบายใจหมด

ในที่สุดคนตระกูลจางก็นิ่งกันแล้ว อย่างน้อยทุกครั้งที่จางซิ่วเอ๋อไปส่งของกินให้แม่โจวก็ไม่มีใครกล้าถามนู่นถามนี่ และแม่โจวเองก็เริ่มสดชื่นขึ้นกว่าก่อนมากแล้ว

จางซานหยายังบอกเลยว่านอกจากโดนด่า เดี๋ยวนี้นางไม่โดนตีเลย

แต่ตอนนี้จางซานหยายังต้องคอยหลบสือโถวและจางเป่าเกินอยู่ สองตัวนั้นคนหนึ่งอยากระบายอารมณ์ อีกคนตีจางซานหยาจนชินแล้ว

แต่ยังดีที่เดี๋ยวนี้แม่เฒ่าจางไม่กล้าเข้าข้างหลานชายสองคนซึ่งหน้า เพราะฉะนั้นจางซานหยาสามารถเอาตัวรอดได้ง่าย ๆ

ตอนนี้แม่เฒ่าจางก็ไม่ค่อยพอใจแม่เถาแล้ว

แม่โจวดูน่ารังเกียจจริงที่เรียกคนในครอบครัวมาอาละวาด แต่แม่เถาล่ะ? ไม่มีจิตสำนึกของการเป็นลูกสะใภ้เอาเสียเลย กลับคิดจะลากแม่สามีอย่างนางลงเหวต่อหน้าคนตระกูลโจวไปด้วย! น่าชิงชังที่สุด!

เมื่อก่อนมีแต่แม่เฒ่าจางรวมหัวกับแม่เถามารังแกแม่โจว

เดี๋ยวนี้ระหว่างแม่เฒ่าจางและแม่เถาก็มีความบาดหมางต่อกันอย่างหนักเสียแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้ใช่ว่าทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนัก แต่ก็ไม่เหมือนอย่างตอนนี้

แต่ละวันกินอิ่มแล้วก็นอน ไม่มีอะไรทำก็ไปขึ้นเขาเก็บเห็ด ลงน้ำจับปลา จางซิ่วเอ๋อรู้สึกยินดีกับชีวิตอันสุขสงบแบบนี้

ในวันนี้ขณะที่จางซิ่วเอ๋อกำลังเด็ดผักอยู่ในสวนครัว เสียงเคาะประตูก็ดังมาจากด้านนอก

จางซิ่วเอ๋อคิดไปว่าคงจะเป็นเนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนที่กลับมา จึงเดินไปเปิดประตู

หารู้ไม่ว่าหลังจากเปิดประตูแล้ว คนที่ยืนอยู่กลับเป็นอีกคนหนึ่ง

คุณชายฉินในชุดยาวสีม่วงปักลายมวลเมฆสีทองกำลังยืนมองนางอยู่

เขายังดูเป็นปกติ แม้ใบหน้าจะฉายรอยยิ้ม ทว่าจางซิ่วเอ๋อมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเขาดูโทรมลงจากก่อน

“เป็นอะไรไป? ไม่ให้ข้าเข้าไปหน่อยหรือ?” คุณชายฉินถามกลับ

จางซิ่วเอ๋อรีบหลีกทางให้และส่งยิ้มหวาน “ไม่ทราบว่าลมสายไหนพัดพาท่านมาหรือเจ้าคะ?”

“ข้าไม่ได้ถูกลมพัดมา ข้าเดินมาเอง” คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋อพร้อมกล่าว

จางซิ่วเอ๋อชำเลืองคุณชายฉินผู้แต่งกายหรูหรามีสกุล พึมพำกับตัวเองในใจ เขามาเพราะเหตุใดอีก? หรือว่ามาเพราะสูตรเครื่องเทศผสม?

“ข้าชักหิวแล้ว เที่ยงนี้เจ้ากินอะไรหรือ?” ตุณชายฉินถามพลางกวาดสายตามองกุยช่ายที่จางซิ่วเอ๋อเด็ดได้ครึ่งเดียว

จางซิ่วเอ๋อบอก “กินแป้งย่างไส้กุยช่ายเจ้าค่ะ”

พูดเสร็จจางซิ่วเอ๋อรีบเสริมขึ้นมา “แต่ในเมื่อท่านมาแล้ว เช่นนั้นเที่ยงวันนี้ข้าจะไม่กินของสิ่งนี้ อีกเดี๋ยวข้าจะทำอาหารอร่อย ๆ สักสองสามอย่างให้ท่านกินแล้วกันเจ้าค่ะ”

เห็นแก่บุญคุณคราวก่อนที่คุณชายฉินช่วยนางออกมาจากตระกูลเนี่ย ต่อให้นางนึกระแวงในตัวคุณชายฉิน ตอนนี้ก็ต้องต้อนรับเขาให้ดี

เสียงของคุณชายฉินเข้มขึ้น “ทำไมไม่กินแป้งย่าง….แป้งย่างไส้กุยช่ายนี่เล่า?”

“คิก ๆ ท่านอยากกินอันนี้เหรอเจ้าคะ? ถ้าท่านอยากกิน ข้าทำให้ท่านกินสามสี่ชิ้นก็ได้” จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างนึกขำ

คุณชายฉินกลับเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องลำบากทำอย่างอื่นแล้ว เที่ยงนี้กินแป้งย่างไส้กุยช่ายนี่แหละ”

เหมือนคุณชายฉินกลัวจางซิ่วเอ๋อไม่เข้าใจ จึงพูดเสริมไปอีก “เจ้ากินอะไรข้าก็กินแบบนั้น”

จางซิ่วเอ๋อประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่ต้องทำอาหารอย่างอื่นจริง ๆ เหรอเจ้าคะ?”

ต้อนรับคุณชายฉินด้วยแป้งย่างไส้กุยช่ายดูจะไม่ค่อยเหมาะเท่าใดถูกไหม?

อืม แม้ว่าก่อนหน้านี้นางเคยต้อนรับคุณชายฉินด้วยผักป่า แต่ตอนนั้นนางทำไปเพราะความโมโหเท่านั้น แต่วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ต่อให้จางซิ่วเอ๋อไม่เห็นคุณชายฉินเป็นสหาย นางก็ไม่อาจปฏิบัติกับคุณชายฉินเสมือนว่าเป็นศัตรูได้

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แม่โจวเข้มแข็งขึ้นแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีจริง ๆ ค่ะ

หัวกระไดไม่แห้งเลยนะซิ่วเอ๋อ มีแต่หนุ่มแวะเวียนมาเยือน เลือกขึ้นเรือไม่ถูกเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)