บทที่ 250 กุยช่าย

คุณชายฉินมองจางซิ่วเอ๋ออยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องหรอก”

จางซิ่วเอ๋อชำเลืองมองคุณชายฉิน นางรู้สึกว่าวันนี้คุณชายฉินดูแปลกไปจากเดิม จึงถามหยั่งเชิงดู “ทำไมวันนี้ตวนอู่ไม่มากับท่านด้วยล่ะเจ้าคะ?”

คุณชายฉินตอบอย่างไม่คิดอะไร “ข้าไม่ได้ให้เขาตามมา”

แม้คุณชายฉินไม่ได้แสดงทีท่าผิดปกติอะไร ทว่าพอเขาพูดแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคาดเดานั้นไม่ผิด วันนี้คุณชายฉินไม่ปกติจริง ๆ ด้วย

อย่างแรก คุณชายฉินบอกว่าตนเดินมา อย่างที่สอง คนอย่างตวนอู่นั้นเรียกได้ว่าเป็นเงาติดตามของคุณชายฉินเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่มีเหตุผลพิเศษอะไรทำไมถึงไม่ตามมาด้วย?

จางซิ่วเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดไม่ไหว “ทำไมท่านดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าใดเลยล่ะเจ้าคะ?”

ใช่แล้ว จางซิ่วเอ่อรู้สึกได้ว่าวันนี้คุณชายฉินดูหงุดหงิดและร้อนใจเล็กน้อย

คุณชายฉินที่มีสภาวะอารมณ์ไม่นิ่งเช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

จางซิ่วเอ๋อพูดจบแล้วก็นึกเสียใจ นางดูจะไม่มีเหตุผลอะไรให้ถามออกไปแบบนั้น การถามแบบนี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนตนเป็นคนปากมาก แต่นางเองก็มีความอยากรู้อยากเห็นนี่ ต้องแปลกใจอยู่แล้วว่าเรื่องอะไรกันที่ส่งผลให้คุณชายฉินผู้สุขุมมาตลอดมีอารมณ์ปรวนแปรได้?

เสียงของคุณชายฉินแหบแห้งเล็กน้อย “ไปทำอาหารเถอะ”

คุณชายฉินแสดงออกชัดเจนว่าจะไม่พูดถึง จางซิ่วเอ๋อเองก็ไม่ใช่คนไม่รู้หน้าที่เช่นกัน นางลูบจมูกตัวเองและหัวเราะแห้ง “เช่นนั้นข้าจะไปทำอาหารเดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ”

ไม่นานนัก กลิ่นหอมของแป้งย่างไส้กุยช่ายก็อบอวลเข้ามาถึงในลานบ้าน

จางซิ่วเอ๋อแบ่งใส่หม้อใหญ่เล็กน้อยและสั่งจางชุนเถาให้นำไปให้บัณฑิตจ้าว

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคุณชายฉินไม่ใช่คนที่คบง่าย อย่างน้อยเขาคงไม่ร่วมโต๊ะกินข้าวกับบัณฑิตจ้าว ไม่เหมือนกับเนี่ยหย่วนเฉียวเลยสักนิด

คุณชายฉินเป็นบุคคลประเภทวางท่าเป็นคุณชายสูงส่งอยู่ทุกอากัปกิริยา และยังเป็นคนช่างเลือกมาก อย่างเขาน่ะหรือจะร่วมกินข้าวกับคนธรรมดา?

บัณฑิตจ้าวมาถึงที่นี่แล้ว หากไม่ได้กินข้าวด้วยกัน จางซิ่วเอ๋อก็คิดว่ามันน่าอึดอัดไม่น้อย

และบัณฑิตจ้าวเป็นคนอ่อนไหวในเรื่องแบบนี้มาก นางจึงกลัวบัณฑิตจ้าวจะคิดมากว่าที่คุณชายฉินเป็นแบบนี้ก็เพราะเขา

ความจริงแล้วคนอย่างคุณชายฉินเป็นพวกนั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่ได้ เอาเถอะ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกนัก แต่คุณชายฉินคงเป็นประเภทที่เกิดมาเพื่อเป็นคนร่ำรวย สิ่งที่ดูฟุ่มเฟือยไร้สาระในสายตาคนอื่น กลับเป็นเรื่องธรรมดาเสมือนกินข้าวดื่มน้ำสำหรับเขา

จางซิ่วเอ๋อทำอาหารตามที่คุณชายฉินบอก นางไม่ได้ทำกับข้าวอย่างอื่นเพิ่มเติม แต่ก็ยังทำแกงจืดแตงกวามาหนึ่งถ้วย

นางไปหาแตงกวาที่ค่อนข้างแก่มาลูกหนึ่ง หลังจากต้มเป็นน้ำแกงแล้วจะให้รสชาติเปรี้ยวปากสดชื่น เทียบกับการกินอาหารจำพวกปลาหรือเนื้อสัตว์มาก ๆ แล้ว จางซิ่วเอ๋อชอบกินน้ำแกงแบบนี้มากกว่า

คุณชายฉินคีบแป้งย่างไส้กุยช่ายขึ้นมาหนึ่งชิ้นและกัดเบา ๆ

แม้แต่กิริยาเช่นนี้ของเขายังดูสง่างามเหลือแสน ประหนึ่งดอกบัวงดงามที่ค่อย ๆ เบ่งบานอยู่ตรงหน้าจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อมองไปมองมาก็เริ่มตาค้าง

ดูเหมือนคุณชายฉินจะสัมผัสได้ถึงสายตาของจางซิ่วเอ๋อ จู่ ๆ เขาก็หัวเราะออกมาเบา ๆ และเอ่ยถาม “มองอะไรหรือ?”

จางซิ่วเอ๋อมองจนตาค้างไม่ใช่เพราะนางบ้าผู้ชาย และไม่ใช่เพราะจางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคุณชายฉินช่างน่าหลงใหล แม้ว่าทีท่าของคุณชายฉินนั้นมีเสน่ห์มากจริง ๆ แต่สิ่งที่จางซิ่วเอ๋อคิดไม่ใช่เรื่องนี้เลย

จางซิ่วเอ๋อแค่คิดไม่ตกว่าทำไมคนแบบนี้ถึงยอมมาที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า?

ถ้าเป็นเพราะเรื่องสูตรเครื่องเทศผสม ก็ดูไม่น่าจะต้องทำขนาดนี้

คุณชายฉินจะพูดออกมาตรง ๆ เลยก็ได้ เห็นแก่บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้คราวก่อน ต่อให้นางไม่อยากให้ ต่อให้รู้สึกว่ามีเลือดไหลตรงหัวใจ นางก็จะยกสูตรเครื่องเทศผสมให้อยู่ดี

“คือว่า ท่านยังไม่บอกข้าเลยว่าท่านมาหาข้าทำไม?” จางซิ่วเอ๋อถาม

คุณชายฉินกัดแป้งย่างไส้กุยช่ายไปอีกคำ หรี่ตาลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจิ้งจอกที่เพิ่งกินอิ่มยิ่งนัก

ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีขึ้นมาก เวลานี้จึงตอบจางซิ่วเอ๋อไป “ข้าเบื่อ ไม่มีอะไรทำ จึงมาดูว่าเจ้าทำอะไรอยู่”

ถึงแม้คำตอบของคุณชายฉินนั้นยังถือว่าจริงจัง แต่ไม่ว่าอย่างไรจางซิ่วเอ๋อก็ไม่เชื่อที่พูดมา นางอดกลอกตามองบนไม่ได้ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นี่ คุณชายฉิน ท่านมีจุดประสงค์อะไรก็พูดออกมาตรง ๆ เถอะ คนสูงศักดิ์เช่นท่านมาเยือนถิ่นทุรกันดารในป่าเขาเพื่อมาหาสาวชาวไร่อย่างข้าด้วยจุดประสงค์อะไรกัน?”

คุณชายฉินหรี่ตา “ทำไม ไม่ต้อนรับข้าอย่างนั้นหรือ?”

จางซิ่วเอ๋อเหลือบสายตาขึ้นมองคุณชายฉิน “หนนี้ไม่ใช่ว่าไม่ต้อนรับท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ” ต่อให้เป็นการตอบแทนเรื่องครั้งก่อน นางก็ต้องต้อนรับคุณชายฉิน

คุณชายฉินหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงต้อนรับข้ามากเลยล่ะสิ”

จางซิ่วเอ๋อเงียบ เวลานี้จะปริปากบอกว่าไม่ต้อนรับคงเป็นไปไม่ได้ จึงได้แต่คล้อยตามคุณชายฉินและบอกไป “เจ้าค่ะ”

คุณชายฉินมองเขาไปในสวนลานและเอ่ยขึ้น “เจ้าอยู่คนเดียวเหรอ?”

จางซิ่วเอ๋อถามอย่างระแวง “ท่านถามเรื่องนี้ทำไม? ข้าจะบอกให้นะ ท่านอย่าคิดทำอะไรกับน้องสาวข้าเด็ดขาด!”

จางซิ่วเอ๋อยังกลัวอยู่ว่าคุณชายฉินจะใช้จางชุนเถาในการขู่นาง

พูดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อก็เสริมขึ้นอีก “ถ้าท่านเอาเรื่องน้องสาวข้ามาขู่ ข้าจะไม่มีทางยกสูตรเครื่องเทศผสมให้ท่าน!”

ใช่แล้ว ถ้าคุณชายฉินมาขอนางตรง ๆ นางสามารถยกให้ได้ แต่ถ้าคุณชายฉินคิดจะทำร้ายครอบครัวนางเพราะเรื่องนี้ นางก็จะไม่สนใจเรื่องในวันเก่าเช่นกัน

คุณชายฉินหรี่ตาพลางกล่าว “ข้าไม่ได้ถามถึงน้องสาวเจ้า”

จางซิ่วเอ๋อมองคุณชายฉินอย่างฉงน “ข้าไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ท่านพูด”

คุณชายฉินหัวเราะเบา ๆ “วันนั้นที่ข้ามาส่งเจ้ากลับบ้าน ได้เจอกับบุรุษผู้หนึ่ง”

พูดจบคุณชายฉินก็จ้องจางซิ่วเอ๋อเขม็ง ราวกับต้องการมองหาบางสิ่งจากสีหน้าของจางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อได้ยินดังนั้นจึงรู้ตัว สรุปแล้วคุณชายฉินไม่ได้ถามถึงจางชุนเถา และไม่ได้ถามถึงใครอื่น แต่วันนั้นเขาเจอกับเนี่ยหย่วนเฉียว

จางซิ่วเอ๋อรีบอธิบาย “เขาเป็นแค่สหายคนหนึ่งของข้าเท่านั้น”

นางไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าตนแอบเลี้ยงชายชู้หรอกนะ ชื่อเสียงแบบนี้ฟังแล้วไม่เข้าหูเอาเสียเลย

คุณชายฉินได้ยินดังนั้นก็คลี่ยิ้มบาง “แค่สหายหรือ?”

“แล้วจะเป็นอะไรอย่างอื่นไปได้เล่า? ข้าขอเตือนไว้นะ ท่านอย่าได้คิดเป็นอื่นไกล ถึงแม้ข้าจะเป็นแม่ม่าย แต่ข้ารักนวลสงวนตัวมาตลอด อย่ามาพูดจาด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนเช่นนี้กับข้า” จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าน้ำเสียงของคุณชายฉินนั้นฟังดูพิกลยิ่ง

คุณชายฉินหรี่ตา “ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลย เจ้าจะอารมณ์เสียทำไมกัน เจ้ากังวลมากเลยหรือว่าข้าจะมองเจ้าอย่างไร?”

ทันใดนั้น จางซิ่วเอ๋อก็จ้องคุณชายฉินตาเป็นมันและไม่พูดไม่จา

คุณชายฉินชักรู้สึกขนลุกกับสายตาของจางซิ่วเอ๋อ “เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไม?”

และตอนที่คุณชายฉินกำลังเข้าใจว่าในสายตาของจางซิ่วเอ๋อนั้นมีเพียงตน หรืออาจถึงขั้นไม่สามารถละสายตาจากตนได้นั้นเอง

อยู่ ๆ จางซิ่วเอ๋อก็คลี่ยิ้มพลางกล่าว “คุณชายฉิน ที่ฟันท่านมีกุยช่ายติด”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

นั่นแน่ คุณชายหวั่นไหวกับน้องล่ะสิ

แต่พอตอนท้ายก็คือจังหวะโบ๊ะบ๊ะสุด ฝันสลายเลยล่ะสิคุณชาย

ไหหม่า(海馬)