“คิดไปก็ไม่มีประโยชน์” หวังเย่ายิ้มออกมา ต้นไม้กินเลือดนี่แข็งแกร่ง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีโอกาสจัดการมันได้เลย
หวังเย่าถอดใจและคิดจะฉวยเวลาที่เหลือจัดการกับเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จ
“หัวหน้า เราเจอกับอะไรบางอย่าง” ในวันนั้นลัวจ้าวฮว่าได้กลับมารายงานหวังเย่า ใบหน้าของเขาดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่ามันจะเป็นข่าวดี
หวังเย่าตื่นเต้นไปตาม ๆ “ รีบบอกมา”
“เราพบกับเหวทางใต้ มันกว้างหลายร้อยเมตรและลึกลงไปหลายไมล์ เราลองลงไปสำรวจด้านล่างดู ผลก็คือเราพบกับฝูงสัตว์อสูร หัวหน้าเดาสิว่าเราเจอกับอะไร ? ”
หวังเย่าไม่ชอบต้องเดาความคิดใคร เขาคิ้วขมวดและพูดขึ้นมา “เลิกโยกโย้แล้วรีบบอกมาเลย”
ลัวจ้าวฮว่ายิ้มแห้ง ๆ ออกมาก่อนจะถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
“ฉันเดาเอง” จ้าวเมิ่งซีสนใจขึ้นมา เธอหัวเราะและพูดขึ้น “ มันคงไม่ใช่พวกมดหรอกนะ ? ”
ตามความคิดของเธอแล้วมันน่าจะเป็นพวกมดที่อาศัยอยู่ใต้ดิน
“ไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง พวกมันตัวเล็กและมีอยู่จำนวนมาก” ลัวจ้าวฮว่าบอกใบ้
“มีจำนวนมากงั้นหรือ ? คงไม่ใช่งูหรอกนะ ? แน่นะว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง ? ” จ้าวเมิ่งซีสีหน้าหม่นลง ชัดแล้วว่าเธอเกลียดงูแค่ไหน
“ยังไม่ใช่ มันบินได้ ลองเดาอีกสิ” ลัวจ้าวฮว่ายิ้มออกมา
“เดากะผีสิ บอกมา ถ้าไม่บอกฉันจะอัดนาย” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ได้” ลัวจ้าวฮว่าไม่กล้าขัดคำสั่งและพูดขึ้น “หัวหน้า เราพบกับรังผึ้ง พวกมันอยู่ระดับทองขั้นต่ำ ตัวของมันเล็ก แต่ผึ้งโตเต็มวัยนั้นสามารถแบกของหนักประมาณ 100-200 กิโลกรัมได้ พวกมันเร็วกว่านกส่วนมากเสียอีก”
“ผึ้งงั้นหรือ ? ” หวังเย่าตาเป็นประกาย สีหน้าแสดงความยินดีออกมา แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมันแต่ก็เคยหาข้อมูลเรื่องผึ้งมาก่อน
ในรังผึ้งนั้นจะมีไข่อยู่เป็นจำนวนมาก มันอาจจะมีเป็นพัน ๆ ใบ บวกกับว่ามันสามารถแบกของหนักเวลาเดินทางไกลได้ นี่ไม่ใช่ว่าเขาสามารถสร้างกองกำลังทางอากาศได้งั้นรึ ?
เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็เลิกคิดเรื่องจัดการกับต้นไม้กินเลือดและได้บอกกับจ้าวเมิ่งซีว่า “เมิ่งเอ๋อร์ ไปที่นั่นกันเถอะ”
ลัวจ้าวฮว่าได้กลับมารายงานข่าวพร้อมกับทิ้งคนอื่น ๆ เฝ้าที่นั่นเอาไว้
เขารับหน้าที่ในการนำทางให้กับหวังเย่า
10 นาทีต่อมาทั้งสามคนก็มาถึงรอยแยกนั้น เมื่อมองดูใกล้ ๆ ก็พบว่าด้านในรอยแยกนี้มีแต่ความมืด
“หัวหน้า ผึ้งนี่มีจำนวนมากและเกือบจะจับจองพื้นที่ด้านล่างทั้งหมด รังของมันอยู่ลึกลงไปหลายไมล์” ลัวจ้าวฮว่าพูดขึ้น
หวังเย่าเรียกตือโป๊ยก่ายออกมา มันได้เปลี่ยนเป็นร่างเงาก่อนจะเข้าไปดูด้านใน “พวกเธอสองคนรอฉันอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันกลับมา” หลังจากนั้นหวังเย่าก็ตามเข้าไปทันที
ทั้งสองฝั่งของรอยแยกนี้เป็นหินที่แข็งและมั่นคง ต่อให้ฝนจะตกหนักแต่มันก็ไม่อาจจะถล่มลงมาได้ เขารู้เลยว่ารอยแตกนี้สร้างขึ้นมาได้ยังไง
ที่ใต้เท้าของหวังเย่านั้นมีชั้นลมก่อตัวขึ้นมาเพื่อพยุงตัวเขาเอาไว้และเดินทางต่ออย่างช้า ๆ
หึ่ง !
มีผึ้งตัวหนึ่งบินมาทางเขา เขาหยุดชะงักไปทันที จนทั้งสองฝ่ายอยู่ใกล้กันพอสมควร หวังเย่าจึงได้ตรวจสอบสถานะของมัน
****
สายพันธุ์ : ผึ้งแปดปีก
ระดับ : ทองขั้นต่ำ
เลเวล : 35
สกิล : 1. สั่งการความคิด มันมีการเชื่อมต่อทางจิตระหว่างผึ้งแปดปีกด้วยกัน ซึ่งสามารถสั่งการได้ในเวลาอันสั้นอย่างส่งสัญญาณเตือน, รวมตัว, โจมตี ระยะสกิลไม่เกิน 100 ไมล์
กินกระดูก ผึ้งนี่ไม่ได้เก็บน้ำหวาน แต่มันกินกระดูกของสัตว์อสูรต่าง ๆ ยิ่งสัตว์อสูรระดับสูงเท่าไหร่ พลังงานในกระดูกก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่กินไปแล้ว มันจะพัฒนาตัวเองขึ้นมา
เพลิงภุมรา แต่เดิมแล้วผึ้งแปดปีกเป็นสัตว์อสูรธาตุไฟ มันสามารถควบคุมเมฆไฟได้และสามารถทำให้กระจายตัวเป็นทะเลไฟได้
แปดปีกกระพือ มันสามารถควบคุมการกระพือปีกของมันได้ การใช้ปีก 1 คู่นั้นจะทำให้มันเดินทางได้ช้า เมื่อใช้ปีก 2 คู่ ความเร็วจะปกติ เมื่อใช้ปีก 3 คู่ มันจะรวดเร็วอย่างมาก และเมื่อใช้ปีก 4 คู่ มันจะเร็วจนน่าเหลือเชื่อ
****
หลังจากที่อ่านสถานะของมันแล้ว หวังเย่าก็ต้องคิ้วขมวด สกิลโจมตีของผึ้งมีแค่สกิลเมฆไฟเท่านั้น
แต่สกิลสั่งการความคิดก็ถือว่าดี หากทหารรับจ้างทำสัญญากับมัน พวกเขาก็สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนได้ในทันที
สกิลกินกระดูกนั้นสามารถเก็บกวาดสนามรบได้ ทหารรับจ้างส่วนมากเมื่อฆ่าสัตว์อสูรแล้ว พวกเขามักจะทิ้งกระดูกเอาไว้ แต่ผึ้งนี่สามารถกินกระดูกเป็นอาหารได้ ยิ่งมันกินกระดูกมากหรือเป็นกระดูกระดับสูงเท่าไหร่ มันก็ยิ่งพัฒนาได้ดีขึ้นเท่านั้น ถือว่าเป็นการประหยัดน้ำยาพลังและน้ำยาวิวัฒนาการ
สกิลที่ 4 ก็ถือว่าดี มันมี 4 โหมดการทำงาน มันสามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดด้วยปีกทั้ง 4 คู่รึอาจจะใช้ในการเดินทางระยะไกลด้วยการใช้ปีก 2 คู่
“ดูเหมือนว่าฉันจะเจอสมบัติจริง ๆ เข้าแล้ว ถึงจะมีสกิลโจมตีแค่อย่างเดียว แต่สกิลอื่น ๆ ก็ถือว่าดี ด้วยการบินของมันแล้วเดาว่าพวกนกคงตามไม่ทัน ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะโดนพวกนกล่าเอา ขนาดลำตัวของมันก็เล็ก พวกนกอาจจะไม่สนใจมันก็ได้”
หวังเย่าตื่นเต้นขึ้นมา หากเขาขโมยไข่ผึ้งออกมาได้อย่างน้อยพันใบ งั้นมันก็เพียงพอที่จะสร้างกองทัพทหารอากาศได้
แน่นอนว่ามันส่งผลดีต่อกลยุทธในการออกรบ ในด้านประโยชน์ส่วนตัวก็ถือว่าดี มันจะทำให้ทหารเดินทางได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถเดินทางไปมาในเขตเมืองรอบ ๆ ได้ในเวลาอันสั้น การรายงานข่าวก็จะได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น แค่ต้องให้ทหารที่มีผึ้งแปดปีกนี้ประจำอยู่ในทุกระยะ 100 ไมล์ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากที่คิดข้อดีข้อเสียแล้ว หวังเย่าก็พบว่าบทบาทที่ผึ้งมีนั้นมากกว่าแร่ไฟเสียอีก แน่นอนว่าแร่ไฟนั้นสามารถนำไปใช้งานอื่น ๆ ได้ อย่างเช่น เป็นพลังงาน, เป็นเชื้อเพลิงและใช้งานอื่น ๆ ที่ไม่อาจจะมองข้ามได้
นอกจากนี้ผึ้งพวกนี้ก็มีขนาดเล็ก มันกินพื้นที่ไม่มากนัก จะถือว่าเป็นนกที่เลี้ยงไว้ก็ได้ มันไม่ต้องคอยกังวลเหมือนสัตว์อสูรบินได้ตัวอื่น ๆ ที่เมื่อปล่อยให้บินในระดับที่สูงแล้วจะหายตัวไป
เหตุผลที่ทำไมสัตว์อสูรที่บินได้ถึงมีน้อยเพราะว่ายากที่จะหาตัวมันมาได้ อีกเหตุผลคือมันหายตัวไปได้ง่าย ๆ เช่นกันเพราะความภักดีของอสูรนั้นส่งผลต่อเรื่องนี้โดยตรง
แต่ผึ้งแปดปีกนี้ไม่เหมือนกัน ผึ้งตัวโตเต็มวัยนั้นตัวยาวแค่ 3-4 เมตร เมื่อสร้างรังของมันไว้ในที่สูง ๆ มันก็สามารถบินกลับรังของมันได้ อีกทั้งยังเป็นการฝึกทักษะการบินของมันอีกด้วย