ตอนที่ 214 : ขโมยรัง

ในตอนที่คิดอยู่นั้นหวังเย่าก็ได้ยินเสียงกระพือปีกใกล้เข้ามา

“โดนพบตัวแล้วงั้นหรือ ? ” หวังเย่านึกว่าตัวเองโชคร้าย เพราะเขาเพิ่งเดินทางลงมาแต่ก็โดนเจอตัวเข้าแล้ว งั้นการขโมยไข่จากพวกมันคงเป็นเรื่องยาก

เขาไม่ได้ขยับไปไหนเมื่อเห็นว่าผึ้ง ตัวที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้บินเข้ามาหาเขาแต่กลับบินขึ้นไปด้านบน

“มันยังไม่เจอฉันงั้นหรือ ? รึว่าจะเป็นเมิ่งเอ๋อร์ ? ท่าไม่ดีแล้ว ฉันต้องไปช่วยเธอ” หวังเย่าใจสั่น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับจ้าวเมิ่งซี เขาคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

เมื่อเห็นว่ากลุ่มผึ้งบินผ่านไป หวังเย่าก็จะรีบตามไปแต่ตอนนั้นเองกลับมีผึ้งกลุ่มหนึ่งขนกระดูกกลับลงมา

แต่ละตัวถือกระดูกมาด้วย

นี่แค่เริ่มต้น ด้านหลังพวกนี้ยังมีผึ้งกลุ่มอื่นตามมาอีก หวังเย่าไม่กล้าจะรีบออกไป เขาได้แต่รอโอกาส

แต่หลังจากที่รอให้ผึ้งพวกนั้นเดินทางเข้าออกได้สักพัก เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

“กระดูกพวกนี้ใหญ่และหนา แม้จะไม่รู้ว่ามันเป็นกระดูกของอะไร แต่แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่คน”

หวังเย่าถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ด้านบนหุบเหวก็ไม่มีเสียงของจ้าวเมิ่งซี เช่นนั้นก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ผ่านไป 10 นาที การขนย้ายก็เสร็จสิ้น

หวังเย่าจับตาดูสถานการณ์อยู่หลายนาทีจนกระทั่งผึ้งขนกระดูกจนเสร็จ ก็แอบกลับขึ้นไปที่พื้นดินเพื่อดูสถานการณ์ของจ้าวเมิ่งซีและลัวจ้าวฮว่า

“หวังเย่า เป็นยังไงบ้าง ? ” เมื่อเห็นว่าหวังเย่าโผล่มา จ้าวเมิ่งซีและลัวจ้าวฮว่าก็ลุกขึ้นมาจากที่ซ่อนและโบกมือให้กับเขา

หวังเย่าบินเข้าไปหาและลงไปยืนอยู่ตรงหน้าทั้งคู่ เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่เป็นอะไร เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะพูดขึ้น “ตามที่ลัวจ้าวฮว่าบอก พวกมันคือผึ้งแปดปีก มันเป็นสัตว์อสูรบินได้ ซึ่งมันมีค่ากับพวกเราอย่างมาก”

เขาเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้นต่อ “ตะกี้ฉันเห็นผึ้งกลุ่มใหญ่บินออกมาจากรังและคิดว่าพวกเธอคงโดนเจอตัวแล้ว เพราะเป็นห่วง ฉันถึงได้ออกมาดู”

จ้าวเมิ่งซีคิ้วขมวดและพูดขึ้นมาด้วยท่าทางน้อยใจ “ฉันเป็นตัวถ่วงสินะ ฉันมีแต่ทำให้นายกังวล”

“ไม่ใช่หรอก ฉันแค่เป็นห่วงเธอ” หวังเย่าลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะปฏิเสธออกมา

“นายก็ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ” จ้าวเมิ่งซีเองก็กังวลในความปลอดภัยของหวังเย่าเช่นกัน

“ฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก ผึ้งพวกนั้นทำอะไรฉันไม่ได้ ฉันเองก็รักชีวิตของตัวเอง ฉันไม่มีทางทำเรื่องที่เสี่ยง เธอเชื่อใจฉันได้เลย”

เขารับปากกับจ้าวเมิ่งซี เขารู้จักสัตว์อสูรของจ้าวเมิ่งซีนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ด้วยดาบเพลิงสุบรรณกับเทอร์โรซอร์ไฟของเธอแล้ว เธอคงไม่มีอันตรายอะไร

อย่างไรเสียอสูรทั้งสองตัวนี้ก็เป็นอสูรประเภทต่อสู้ระดับสูง พวกมันแข็งแกร่ง แต่หากต้องใช้ในการเดินทางและป้องกันแล้ว มันไม่อาจจะทำอะไรได้มากนัก

จ้าวเมิ่งซีกัดฟันแน่น เธอเข้าใจว่าหวังเย่าพูดถึงเรื่องอะไร การที่เธอจะเดินทางไปกับเขาด้วยมีแต่จะเป็นตัวถ่วงให้แก่เขา

“ทำไมฉันถึงได้ไร้ประโยชน์แบบนี้ ฉันมีแต่เป็นตัวถ่วงให้กับหวังเย่า” จ้าวเมิ่งซีรู้สึกแย่และร้อนใจขึ้นมา เธอได้แต่พึมพำขึ้น “ไม่ได้แล้ว ฉันต้องตามให้ทัน ฉันจะตามหลังเขาแบบนี้ไม่ได้”

หวังเย่าได้กลับไปที่รอยแยกอีกครั้ง

เขาเดินทางลงมาโดยแนบตัวไปกับกำแพงหิน

เมื่อเดินทางลงมากว่าพันเมตร เขาก็พบว่าช่องว่างด้านล่างนั้นกว้างขึ้น ตอนแรกมันกว้างแค่ 100 เมตร แต่ตอนนี้กลับกว้างขึ้นเป็นสองเท่า

ระหว่างทางเขาพบว่าทุก ๆ 300 เมตรนั้นจะมีผึ้งประจำการอยู่ที่กำแพงผา เมื่อตือโป๊ยก่ายเห็นมันก่อน หวังเย่าก็สามารถหลบผึ้งนั่นได้อย่างง่ายดาย

“ยังไม่ถึงรังของมันอีกหรือ ? ” หวังเย่าเดินทางลงมากว่า 3,000 เมตรแล้ว แต่ก็ยังไม่พบกับรังผึ้ง ซึ่งทำให้เขาสับสน เพราะยิ่งลึกเท่าไหร่ การป้องกันของมันก็จะมากขึ้นเท่านั้น แล้วเขาจะจัดการกับพวกมันยังไง ?

ในขณะเดียวกันเขาก็นึกถึงสิ่งที่ลัวจ้าวฮว่าบอกมา ลัวจ้าวฮว่าบอกว่าหลุมนี่ลึกจนมองไม่เห็นตะเข็บพื้น ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความจริง

เพราะไม่มีแสงจึงทำให้หวังเย่ามองเห็นได้แค่ระยะ 100 เมตรเท่านั้น แต่ที่กำแพงจะมีหินที่เรืองแสง คอยส่องแสงให้อยู่บ้าง

ด้วยความช่วยเหลือจากแสงพวกนั้น หวังเย่าจึงเดินหน้าต่อ เขาเดาว่าก่อนหน้านี้ที่ลัวจ้าวฮว่าและคนอื่น ๆ มาสำรวจ พวกนั้นคงเดินทางลงมาแค่ไม่กี่ร้อยเมตรและอาจจะไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมด

4 กิโลเมตร !

4.5 กิโลเมตร !

5 กิโลเมตร !

สุดท้ายหวังเย่าก็ได้มาพบกับรังของผึ้งแปดปีกที่ติดอยู่ตามกำแพงหิน มันมีหลายสิบรัง

แต่ละรังนั้นสูงกว่า 10 ฟุตและมีหลายชั้น แต่ละส่วนมีรูเป็นจำนวนมาก ด้านในนั้นมีเสียงของผึ้งและเสียงเคี้ยวกระดูกดังขึ้นมา

เขานึกถึงกระดูกที่ผึ้งขนมาก่อนหน้านี้และรู้ได้ทันทีว่าพวกผึ้งกำลังกินอะไรอยู่

เสียงเคี้ยวกระดูกนี่ดังราวกับเสียงสายฝน เดาว่าเมื่อกินจนอิ่มแล้ว พวกมันต้องใช้เวลาย่อยสักพัก

“ ดูเหมือนว่าฉันจะมาเจอตอนที่มันกินอาหารพอดี ” หวังเย่ากระโดดไปยังกำแพงฝั่งตรงกันข้ามที่ห่างออกไป 600-700 เมตรได้อย่างง่ายดาย

ตือโป๊ยก่ายอยู่ในร่างเงา มันได้เดินทางแนบกับกำแพงส่วนบนเพื่อคอยสังเกตการณ์ให้กับหวังเย่า

“ มันมีรังผึ้งเล็ก ๆ อยู่ สูงแค่ 10 เมตร มีรูด้านบนเป็นพันอัน รูพวกนี้เล็กมีขนาดแค่ 1 นิ้ว ”

หวังเย่าคิดว่ารังเล็กแบบนี้หนอนผึ้งและผึ้งคงไม่อาจจะเข้ามาได้ มันคงเป็นที่เก็บไข่

เมื่อคิดได้แบบนั้นหวังเย่าก็กระโดดไปที่กำแพงหิน เขาพักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเรียกลมออกมาเพื่อดึงเอารังผึ้งขนาดเล็กที่อยู่ด้านในสุดออกมา ตอนนี้พวกผึ้งทั้งหมดกำลังกินอาหารอยู่ซึ่งถือว่านี่คือโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา

ผ่านไป 3 นาที เขาก็ได้รังผึ้งกลับมาและรีบไปซ่อนตัวทันที

หวังเย่าสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมองเข้าไปในรูรังผึ้ง แล้วพบกับไข่สีน้ำตาลแดงเรียงรายกันอยู่ในรัง บางอันขยับเบา ๆ คงอีกไม่นานมันก็จะฟักออกมา