บทที่ 68.3 หญิงสาวชุดดำผู้ลึกลับ (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

สาเหตุที่ทำให้พวกเขารู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลังนั้นเป็นเพราะพวกเขาสังเกตเห็นมณีสีแดงเข้มจำนวน 6 ดวงที่ส่องประกายรอบๆ มือขวาของเธอ แสงสีแดงของมันตัดกับชุดสีดำของอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

ในบรรดามณียุทธ์ทั้งหลาย หยกแดงคือมณียุทธ์ประเภทการประสานงาน และสีแดงบริสุทธิ์ก็ยังบ่งบอกว่าเธอเป็นจ้าวมณีสวรรค์ สมาชิกในกลุ่มต่างไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวอายุราว 16 ปีผู้นี้จะมีระดับพลังปราณที่ทรงพลังเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการเคลื่อนไหวราวกับหมอกควันสีดำก่อนหน้านี้ก็แสดงให้เห็นว่าทักษะธาตุของเธอน่าจะเป็น 1 ใน 4 ทักษะธาตุยิ่งใหญ่เช่นธาตุมืด!

ความผิดปกติเช่นนี้บ่งบอกว่าต้องมีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่แน่ ใจของทุกคนพลันรู้สึกถึงได้ถึงอันตราย หลินเทียนอ้าวรีบตะโกนบอก “อู่หยา กลับมา!”

แม้ว่าทุกคนจะเหนื่อยล้าแทบขาดใจ แต่พวกเขาก็รีบรวบรวมพลังและพุ่งไปรวมตัวกันปิดกั้นทางเข้าถ้ำอย่างรวดเร็วทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของหลินเทียนอ้าว แม้ว่าอู่หยาจะรู้สึกกังวลที่เธอจัดการอีกฝ่ายไม่สำเร็จ แต่เธอก็รีบปฏิบัติตามคำสั่งของเขาด้วยการกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งไปรวมตัวกับสมาชิกที่เหลือ

หญิงสาวชุดดำที่เมื่อสักครู่ยังมีสีหน้ารู้สึกผิดพลันหัวเราะคิกคักขึ้นมาขณะที่เธอมองพวกเขา “โอ้ ทำไมถึงต้องระวังตัวขนาดนั้น! นี่ข้าน่ากลัวมากเลยหรือ?”

เมื่อเธอพูดเช่นนั้น เธอก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาหลายก้าว ร่างกายของเธอดูคล้ายจะลอยมาข้างหน้าแม้ว่าเท้าจะยังติดอยู่ที่พื้นดินก็ตาม ในชั่วพริบตาเดียว เธอก็มาปรากฏตัวต่อหน้าหลินเทียนอ้าวแล้ว อีกทั้งฝ่ามือสีงาช้างของเธอเคลื่อนไปที่หน้าอกของเขาทันที…

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวชุดดำผู้นี้เป็นศัตรูไม่ใช่มิตร ในช่วงเวลาสั้นๆเธอถึงขั้นสามารถตระหนักรู้ได้ว่าหลินเทียนอ้าวเป็นหัวหน้ากลุ่มของพวกเขา

แสงสีขาวพลันสว่างวาบขึ้นมาทันที หลินเทียนอ้าวเปิดใช้งานโล่ประสานศาสตรามณียุทธ์เต็มรูปแบบ 5 ชิ้นของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ 3 วันที่แล้ว แสงของมันก็ริบหรี่ลงมาก ไม่ว่าหลินเทียนอ้าวจะแข็งแกร่งแค่ไหน ไม่ว่าเขาจะจดจ่อกับตัวเองเพียงใด เมื่อต้องต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน ไม่ว่าใครก็ต้องได้รับผลกระทบอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงปลดปล่อยพลังของตนออกมาได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเวลาปกติด้วยซ้ำ

เสียง *เคร้ง* ดังขึ้น ตามด้วยเสียงบางอย่างชนกันจนแสบแก้วหู ฝ่ามือที่ดูธรรมดาๆ นั้นกลับสามารถทิ้งรอยประทับฝ่ามือสีเทาขนาดเล็กไว้บนโล่ประสานขั้นสุดยอดได้จริงๆ! สำหรับหลินเทียนอ้าวเอง ตอนนี้ทั้งร่างของเขากำลังสั่นสะท้านราวกับได้สัมผัสน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก ไอปีศาจพลันแทรกซึมเข้ามาในร่างกายของเขาผ่านรอยประทับบนโล่ชิ้นนั้น หากไม่ใช่เพราะโล่ของเขาแบกรับความเสียหายบางส่วนเอาไว้ บางทีการโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้อาจทำให้เขาหมดสติไปก็ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผลที่ออกมาคือร่างกายที่บอบช้ำของเขาได้รับความเสียหายอีกครั้ง จู่ๆ ลำคอก็รู้สึกได้ถึงรสหวาน เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือดจำนวนมาก ทว่าขณะที่เลือดพุ่งออกมาในอากาศ มันก็จับตัวกลายเป็นเป็นก้อนน้ำแข็งสีแดงและกลิ้งตกลงบนพื้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หลินเทียนอ้าวจะสามารถขับเลือดเสียออกมาได้ แต่เขาก็คงไม่อาจทนรับการโจมตีของเธอได้อีกเป็นครั้งที่ 2

“เอ๋?” ดวงตาของหญิงสาวฉายแววประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าฝ่ามือของเธอยังไม่ได้เลื่อนหลุดออกไปจากร่างของหลินเทียนอ้าว ในช่วงเวลาต่อมา ร่างกายของเธอก็กลายเป็นหมอกควันสีดำและลอยวูบผ่านร่างของเขาไป ทว่าพริบตาต่อมาขวานของอู่หยาก็ฟาดผ่านหมอกสีดำนั้นทันที หลังจากนั้นม่านพลังสีทองก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบหมอกนั้นเอาไว้

ทุกคนรู้แล้วว่าหญิงสาวชุดดำผู้นั้นมีทักษะธาตุมืด และโดยธรรมชาติแล้วธาตุที่ต่อต้านความมืดได้ดีที่สุดก็คือธาตุแสง แต่ถึงกระนั้น พลังของเธอก็ยังแข็งแกร่งเกินไป แม้ไม่พูดถึงความจริงที่ว่าเธอสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีได้อย่างง่ายดายด้วยทักษะหมอกควันที่เห็นได้ชัดว่าต้องกักเก็บมาจากอสูรสวรรค์ระดับราชาหรือสูงกว่าไปนั้น เพียงแค่พลังโจมตีที่สร้างความเสียหายให้กับหลินเทียนอ้าวได้อย่างน่าประหลาดใจนั้นก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากเกินพอแล้ว

แสงสีเทาพลันส่องแสงขึ้นตอบโต้ทันที และแม้ว่ากำแพงแสงสีทองจะปกคลุมควันสีดำเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากนั้นมันก็กลับถูกแสงสีเทากลืนกินอย่างรวดเร็ว

เสียงใสราวกระดิ่งเงินของหญิงสาวชุดดำดังขึ้นในอากาศอีกครั้ง “เจ้ากล้าใช้พลังธาตุแสงเพื่อต่อกรกับข้า? เจ้าทั้งหมด…จงตายซะเถอะ!”

ในขณะที่เสียงนั้นดังขึ้น ร่างกายของเธอก็เปลี่ยนรูปอีกครั้งเพื่อหลบหลีกบอลอัคคีผสานของเซียวเอี๋ยน เมื่อเธอร่อนลงบนพื้นอีกครั้ง เธอก็ไปปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ขี้เมาเป่าแล้ว วินาทีนั้น จู่ๆ ฝ่ามือของหญิงสาวก็พุ่งไปที่ศีรษะของเขาโดยที่ไม่มีใครทันตั้งตัว

เมื่อเผชิญกับการโจมตีดังกล่าว สีหน้าของสมาชิกในกลุ่มก็เปลี่ยนไป แม้แต่หลินเทียนอ้าวที่มีพลังป้องกันขั้นสุดยอดก็ยังได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือของเธอ หากครั้งนี้เธอสามารถทำร้ายขี้เมาเป่าได้จริงๆ เขาก็คงจะต้องตายแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ขี้เมาเป่าก็ได้แสดงให้เห็นพลังของจ้าวมณีสวรรค์ 5 ชุดของตนเอง ขณะที่เขาโจมตีเด็กสาวด้วยทักษะธาตุแสงก่อนหน้านี้ เขาก็เดาได้อยู่แล้วว่าตนจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไป เพราะถึงอย่างไรทักษะธาตุแสงก็เป็นศัตรูตามธรรมชาติหรืออาจเรียกได้ว่าขั้วตรงข้ามกับทักษะธาตุมืดอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย แต่เขาก็ยังเตรียมพร้อมรับการโจมตีของเธอตลอดเวลา

เมื่อหญิงสาวชุดสีดำร่อนลงมาจากท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่เขา ร่างของขี้เมาเป่าก็พลันหมุนคว้างเป็นวงกลม ศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดของเขาจะถูกเก็บกลับมา ฝ่ามือทั้ง 2 จับกันเอาไว้ที่หน้าอก ในขณะที่แขนก็ถูกไขว้เป็นรูปกากบาท ในเวลาต่อมาเขาผลักฝ่ามือของตนเองออกไปและแสงสีทองเจิดจ้าก็ระเบิดออกกลายเป็นเสาทองคำขนาดใหญ่ครอบร่างของเขาเอาไว้

แม้นั่นจะทำให้หญิงสาวชุดดำฉายแววประหลาดใจออกมา แต่ฝ่ามือของเธอก็ยังไม่ยอมหยุดพุ่งไปข้างหน้า พริบตาถัดมาเธอก็ฟาดมือเข้าใส่ฝ่ามือของขี้เมาเป่า ในขณะนั้นเสาแสงสีทองสุกใสรอบๆร่างขี้เมาเป่าก็ขยายออกครอบคลุมทุกคนในพื้นที่ทันที

ทันทีที่ร่างของทุกคนได้อาบแสงสีทองเหล่านั้น ความรู้สึกอบอุ่นก็ตรงเข้าห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้ พลังปรานสวรรค์ธาตุแสงอันเจิดจ้าซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของพวกเขาช้าๆ ทุกคนเงยหน้าขึ้นมาทันทีเพราะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นทั้งทางร่างกายจิตใจ แม้แต่พลังปราณสวรรค์ของพวกเขาก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ด้านหญิงสาวในชุดสีดำกลับชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่ถูกแสงสีทองเข้าโอบล้อม พลังบนฝ่ามือของเธอก็ดูอ่อนแสงลงทันที แต่ถึงกระนั้นขี้เมาเป่าก็ยังคงส่งเสียงอู้อี้ในลำคอเมื่อฝ่ามือของพวกเขาปะทะกัน ร่างของเขาก็กระเด็นออกไปไกลเหมือนลูกยาง พุ่งถอยหลังไปเกือบ 30 หลาก่อนจะปะทะเข้ากับต้นไม้และหล่นกระแทกพื้น

ทักษะที่ขี้เมาเป่าใช้เรียกว่า ‘แสงพิสุทธิ์สวรรค์และโลกา’ และเป็นทักษะที่กักเก็บไว้ในมณีดวงที่ 5 ของเขา และนี่ก็เป็นหนึ่งในทักษะสนับสนุน เมื่อใช้ทักษะนี้มันจะเพิ่มพลังป้องกันของเขาเป็น 3 เท่าใน 1 วินาทีซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการสกัดกั้นการโจมตีของศัตรูที่ทรงพลัง แต่นั่นไม่ใช่ผลเพียงอย่างเดียวของทักษะนี้ เนื่องจากมันยังสามารถฟื้นฟูพลังให้เพื่อนของเขาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ ทำให้การโจมตีของทุกคนมีธาตุแสงแฝงอยู่หนึ่งส่วน ทั้งยังให้ผลในการรักษาและฟื้นฟูอีกเล็กน้อย แม้ว่าพลังในการรักษาของธาตุแสงจะไม่แข็งแกร่งเท่าธาตุชีวิต แต่ก็มันยังถือว่าค่อนข้างใช้ได้

ในขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นทักษะที่มีประโยชน์อย่างยิ่งกับศัตรูที่เป็นจ้าวมณีสวรรค์ทักษะธาตุมืด พลังของทักษะนี้ยังสามารถโจมตีใส่อีกฝ่ายได้แรงกว่าปกติเล็กน้อยเนื่องจากทักษะธาตุทั้ง 2 มีคุณสมบัติเป็นขั้วตรงข้ามกัน นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขารอดจากการโจมตีของหญิงสาวชุดดำมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ถึงกระนั้น เมื่อขี้เมาเป่าถูกพลังของอีกฝ่ายซัดกระเด็นเข้าไปในป่า เขาก็ต้องอาเจียนออกมาเป็นเลือดจำนวนมากและเพ่งสมาธิใช้พลังปราณสวรรค์ธาตุแสงของเขาขับไล่ไอปีศาจที่กำลังแทรกซึมเข้ามาในร่าง และเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็แทบจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดต่อไปได้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถกลับเข้าร่วมการต่อสู้ได้อีกแล้ว หากจะถามว่าระดับมณี 6 ชุดนั้นน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ? คำตอบคือไม่ ระดับมณี 6 ชุดนั้นไม่ได้น่ากลัว แต่เป็นหญิงสาวชุดดำคนนี้ต่างหากที่น่ากลัว! หลังจากได้ปะทะกัน 2 ครั้งสั้นๆ หลินเทียนอ้าวก็ตัดสินได้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้มีทักษะธาตุมืดเพียงอย่างเดียว เพราะทักษะธาตุมืดเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีความสามารถในการทะลุทะลวง ความสามารถในการโจมตี และแผ่กลิ่นอายปีศาจออกมาเช่นนี้แน่

หญิงสาวชุดดำไม่ได้รีบร้อนลงมือ แต่การโจมตีที่ล้มเหลวถึง 2 ครั้งก็ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เธอยืนพึมพำพร้อมกับทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงนั้น “พวกท่านมีพลังแข็งแกร่งจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่สามารถสังหารอสูรสวรรค์ไปได้มากขนาดนั้น เฮ้อ น่าเสียดายที่เรี่ยวแรงของพวกท่านมีเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งแล้ว มิฉะนั้นข้าอาจจะต้องพบปัญหาใหญ่เข้าจริงๆ”

เมื่อมาถึงจุดนี้ สมาชิกกลุ่มนักรบเฟยหลี่อีก 2 คนก็ระเบิดพลังออกมาพร้อมกัน แสงสีเหลืองเจิดจ้าค่อยๆ หนาทึบขึ้น รอยมือของหญิงสาวก็เริ่มเลือนหายไปจากโล่ของหลินเทียนอ้าว มณีธาตุที่บรรจุอยู่ในหลุมมณีบนโล่ทั้ง 5 พลันส่องประกายแวววาวออกมา ทันใดนั้น ทักษะที่ฝังอยู่บนโล่ถูกเปิดใช้งานขึ้นมาทันที ทำให้โล่ที่แต่เดิมมีขนาดมหึมาอยู่แล้วขยายใหญ่ขึ้นและหนักขึ้นอีก

ในเวลาเดียวกับที่หลินเทียนอ้าวลงมือ เซียวเอี๋ยนก็เริ่มโจมตีเช่นกัน ในบรรดาสมาชิกภายในกลุ่มทั้งหมด เขาเป็นคนที่เงียบขรึมที่สุด ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนที่โจวเหว่ยชิงคิดว่าอันตรายที่สุดเมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก ในช่วงเวลาที่อันตรายเช่นนี้ เวลาที่ชีวิตของพวกเขาทั้งหมดแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในที่สุดเขาก็ปะทุพลังของตนเองออกมาจนเต็มพิกัด

เขาส่งเสียงคำราม จากนั้นไม้คฑาธาตุไฟในมือก็หายไปและเปลี่ยนกลับเป็นมณียุทธ์ ในช่วงเวลาต่อมา เหตุการณ์แปลกประหลาดและฉากน่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆ มณีสวรรค์ทั้ง 10 ดวงได้พุ่งออกไปจากข้อมือของเขา มณียุทธ์ทั้ง 5 ดวงหมุนวนอยู่ในวงแหวนรอบนอก ส่วนมณีธาตุทั้ง 5 นั้นหมุนวนอยู่ในวงแหวนภายในรอบตัวของเขา

แสงสีแดงเพลิงพลันส่องแสงเป็นประกายออกมาจากภายในวงแหวนนั้น ทว่าใบหน้าของเซียวเอี๋ยนก็ซีดเซียวลงมากเช่นกัน มือของเขายกขึ้นไปประดับอยู่ตรงหน้าอก ทำท่าทางแปลกๆ จากนั้นก็มีเปลวไฟสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากของเขา

หญิงสาวชุดดำกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ “หวาาา เจ้ากำลังเอาชีวิตไปเสี่ยงนะ! เปลวไฟแห่งชีวิต มณีสวรรค์ร่ายรำ! ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินพวกเจ้าต่ำเกินไปจริงๆ สินะ เจ้าถึงกับรู้วิธีใช้ทักษะเช่นนี้ออกมาจริงๆ ด้วยหรือนี่!” ผิดกับคำพูดของตนเอง หญิงสาวชุดดำกลับดูไม่กังวลและไม่รีบร้อนที่จะโจมตีหลินเทียนอ้าว เธอทำเพียงกระโดดถอยหลังไป 2 หลาและมองไปที่เซียวเอี๋ยนอย่างอยากรู้อยากเห็น

ท่ามกลางแสงสีแดงเจิดจ้า เซียวเอี๋ยนกลับเผยสีหน้าที่ดูน่าเกลียดออกมาอย่างชัดเจน ใบหน้าซีดเซียวของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสลับสีเขียว ในเวลาเดียวกัน แสงรอบตัวเขาก็แข็งแกร่งขึ้นและเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น ทันใดนั้นเขาก็กู่ร้องและมณีสวรรค์ทั้ง 10 ดวงที่ลอยวนอยู่รอบตัวของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับแสงเจิดจ้า ในช่วงเวลาต่อมา เสียงร้องแหลมหูที่ฟังดูเหมือนเสียงนกก็ดังขึ้น จากนั้นนกฟีนิกซ์สีแดงเหลือบทองขนาดใหญ่ยาว 3 เมตรที่สร้างขึ้นจากเปลวไฟก็โผล่ออกมาจากแสงเจิดจ้ากลุ่มนั้น

เซียวเอี๋ยนยกมือชี้นิ้วไปที่หญิงสาวชุดดำ และหลังจากทำเช่นนั้น เขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมาทันที

นกฟีนิกซ์เพลิงสยายปีกออกกลางอากาศ เสียงร้องโหยหวนของมันแผดก้องไปทั่วบริเวณในขณะที่มันพุ่งเข้าหาหญิงสาวชุดดำ พื้นที่ในรัศมีเกือบร้อยเมตรพลันร้อนระอุขึ้นเป็นอย่างมาก อากาศรอบๆก็ดูบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยประกายแสงสีแดงเพลิง

ตอนนี้หญิงสาวชุดดำมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาแล้ว ดาบสั้นสีเทาปรากฏขึ้นในมือของเธอทันที ดาบเล่มนั้นมีความยาวเพียง 1 ฉื่อเท่านั้น รูปลักษณ์ของมันดูแปลกตามากเพราะด้านหนึ่งเป็นสีดำและอีกด้านเป็นสีเทา ในเวลาเดียวกัน ม่านแสง 2 ชั้นก็ลุกพรึ่บขึ้นจากร่างกายของเธอ ดูเหมือนว่าตอนนี้หญิงสาวชุดดำกำลังเหินขึ้นไปข้างหน้าเพื่อปะทะเข้ากับนกฟีนิกซ์เพลิงตัวนั้น