บทที่ 215: พ่อของเจ้ารู้สึกเป็นห่วง

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 215: พ่อของเจ้ารู้สึกเป็นห่วง

ยานั้นมีรสชาติดีจนน่าประหลาดใจ มันมีความหวานเล็กน้อย เมื่อพิจารณาจากรสนิยมของชาวโรซ่าที่ชอบความหวานแล้ว โรเอลจึงคิดว่ามันคงจะเป็นการปรับแต่งให้ดื่มง่ายขึ้นโดยเจตนา เขาหันกลับไปที่ กระดิ่งแห่งการคุ้มครอง บนโต๊ะแล้วลูบที่มันเบา ๆ ด้วยความสงสัย

เจ้านี่ มันใช้งานยังไงกัน?

วิธีที่ใช้ของกระดิ่งแน่นอนว่าต้องเป็นการสั่น แต่แนวคิดของการสั่นกระดิ่ง ระหว่างกำลังพยายามก้าวข้ามกำแพงระดับแก่นแท้ดูเป็นอะไรที่แปลกมาก ๆ คล้ายกับพวกพิธีกรรมของหมอผีก็ไม่ปาน

โรเอลหยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจที่จะไม่ขอความช่วยเหลือจากเหล่าคนรับใช้ และเลือกที่จะใส่พลังเวทของตนลงไป มันควรจะเป็นอุปกรณ์เวทระดับสูง ดังนั้นมันจึงดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ที่จะใช้งานมันได้ในทันที

ซึ่งมันก็เป็นแบบที่โรเอลคิดจริง ๆ

ทันทีที่พลังเวทของเขาไหลเข้าสู่กระดิ่งสีดำ มันก็เริ่มทำงาน เสียงก้องกังวานที่เหมือนดังก้องมานานแล้วดังก้องกังวานอย่างไม่หยุดหย่อน จากนั้นอักษรรูนที่จารึกไว้บนพื้นผิวของกระดิ่งเริ่มขยับไปมา

เสียงกริ่งอันคมชัด ส่งอักษรรูนให้ลอยขึ้นไปในอากาศ และก่อตัวเป็นอาณาเขตพิเศษรอบ ๆ โรเอล แต่ที่ทำให้เด็กชายงุนงงที่สุดก็คือ แม้ว่าเขาจะได้ยินเสียงของกระดิ่งดังมาจากที่ไกล ๆ ในหัวของเขา แต่กระดิ่งสีดำบนโต๊ะนั้นกลับยังหยุดอยู่นิ่ง ๆ

“นี่คือเกราะป้องกันงั้นเหรอ?”

โรเอลสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ตัวเอง ก่อนจะพยักหน้า ความรู้สึกอบอุ่นเริ่มพุ่งพล่าน​ไปทั่วร่างกายของเขาพร้อมกับอาการง่วงนอนที่เริ่มไหลเข้ามา

ท่ามกลางเสียงกระดิ่งอันนุ่มนวลและลึกลับ โรเอลก็เริ่มส่งพลังเวทไหลไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาระดับแก่นแท้ จากนั้นทั้งห้องก็เงียบสงบลง

เช้าวันรุ่งขึ้น รถม้าสีดำที่ประดับประดาด้วยตราดวงตาแห่งเวลาสายัณห์ก็มาถึงลานกว้างของสวนร้อยปักษา เหล่าองครักษ์สามารถรับรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นรถม้าพิเศษของตระกูลแอสคาร์ด ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความเคารพก่อนที่จะอนุญาตให้อีกฝ่ายผ่านประตูไปได้

ตั้งแต่พ่อบ้านไปจนถึงองครักษ์ ไม่มีสักคนเดียวในสวนร้อยปักษาที่ไม่ทราบสถานการณ์เกี่ยวกับตระกูลแอสคาร์ด หากให้ใช้วลีที่เหมาะสม แต่ไม่เป็นทางการแล้วล่ะก็ ผู้สืบทอดของตระกูลแอสคาร์ดคนปัจจุบัน อาศัยอยู่กับคนรักของเขาที่นี่

เมื่อทราบถึงความตั้งใจของชาร์ล็อต เหล่าคนรับใช้ของสวนร้อยปักษาก็ปฏิบัติต่อตระกูลแอสคาร์ด อย่างเป็นกันเองมากกว่าปกติ ผลก็คือมาร์ควิสคาร์เตอร์พบว่าตัวเองต้องเผชิญกับรอยยิ้มของเหล่าคนรับใช้ ทันทีที่เขาลงจากรถม้า ซึ่งเขาก็ตอบรับด้วยการพยักหน้าตามมารยาท ภายใต้การนำทางของพ่อบ้าน ในไม่ช้าเขาก็ถูกพาตัวไปที่ห้องพัก

ตอนนี้ก็ผ่านมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่คาร์เตอร์มาถึงเมืองโรซ่า งานฉลองส่วนใหญ่ได้สิ้นสุดลง และการประชุมส่วนมากก็เสร็จสิ้นไปแล้วเช่นกัน ทำให้พวกเขาสามารถแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ที่มี และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะหุ้นส่วนในอนาคตได้อย่างไร้ที่ติ

มาร์ควิสคาร์เตอร์จึงคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่เขาต้องไปพบกับลูกชายของตนเองที่ถูกลักพาตัวไป อย่างไรก็ตามมันทำให้มาร์ควิสแปลกใจมากที่เห็นว่าโรเอลนั้นมีความกระตือรือร้นมากกว่าที่เคย และเมื่อได้ตรวจดูใกล้ ๆ เขาก็ต้องสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ

“หืม? เจ้าก้าวข้ามกำแพงระดับแก่นแท้ได้แล้วเหรอ?”

ด้วยการรับรู้อันเฉียบแหลมของคาร์เตอร์ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังเวทที่เล็ดลอดออกมาจากโรเอล ทำให้เขาถามลูกชายด้วยความตกใจ ซึ่งโรเอลก็ตอบบิดาไปอย่างตรงไปตรงมา ด้วยการพยักหน้ายืนยัน ทันทีที่ได้รู้ว่าลูกชายของตนสามารถบรรลุระดับแก่นแท้ 4 ได้​ ทำให้ชายวัยกลางคนพอใจเป็นอย่างมาก

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะทำมันได้… ด้วยพรสวรรค์ที่บกพร่องไปในวัยเยาว์ของเจ้าในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ข้าจึงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้าที่จะบรรลุถึงขั้นนี้ได้ชั่วชีวิต ทว่าตอนนี้เจ้าได้ปลุกพลังสายเลือดของตระกูลเราขึ้นมาแล้วจริง ๆ งั้นสินะ…”

มาร์ควิสคาร์เตอร์มองไปที่โรเอลด้วยใบหน้าอันภาคภูมิใจ การพัฒนาขึ้นสู่ระดับแก่นแท้ 4 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญมาก ปัจจุบันลูกหลานของตระกูลขุนนางชั้นสูงนั้นมีอยู่หลายร้อยคนในทวีปเซีย แม้ว่าส่วนมากจะไม่ได้ดีเด่นอะไร แต่ความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ยของพวกเขาก็สูงกว่าคนธรรมดา และพวกขุนนางระดับล่างมาก

ปัจจุบันโรเอลอายุได้สิบสามปีแล้ว ในปีหน้าที่เขามีอายุมากขึ้น เด็กชายจะต้องมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล เพื่อศึกษาร่ำเรียนร่วมกับชนชั้นสูงคนอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่จะเลือดร้อนตามวัยที่กำลังโต ดังนั้นพวกเขาตีคุณค่าของคนจากความแข็งแกร่งมากกว่าสิ่งอื่นใด

แน่นอนว่า เพียงแค่ระดับแก่นแท้ 5 ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับสูงแล้ว ทำให้นักเรียนที่สามารถไปถึงระดับแก่นแท้นั้นได้ มักจะได้รับสิทธิพิเศษในสถาบันการศึกษา แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร เนื่องจากโลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่ และผู้ที่ประเมินขีดจำกัดความสามารถของมนุษย์ต่ำเกินไปก็มักจะถูกทำให้ขายหน้าในท้ายที่สุด

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่สามารถไปถึงระดับแก่นแท้ 4 ได้แล้วนั้น มันเป็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ขอบเขตนี้ถือเป็นตัวแบ่งแยกผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงออกจากคนอื่น ๆ อย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นนอร่า อลิเซีย หรือชาร์ล็อต พวกเธอล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยุคปัจจุบัน แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถบอกได้ว่าพวกเธอนั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ เพียงแค่การชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตามในกรณีของโรเอลนั้นต่างออกไปมาก

ในมุมมองของคาร์เตอร์ มันน่าจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับโรเอลที่จะไปถึงระดับแก่นแท้ 4 ได้ แม้ว่าเขาจะสามารถปลุกพลังสายเลือดที่แท้จริงของตระกูลแอสคาร์ดขึ้นมาได้แล้วก็ตาม ทว่าโรเอลก็ได้ทำลายการคาดเดาของเขาลง ด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก ทำให้เขาทั้งดีใจและภาคภูมิใจไปพร้อม ๆ กัน

ทว่าฝั่งของโรเอลนั้นกลับรู้สึกแย่มาก ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพที่ไม่ดีเท่าไหร่ในขณะนี้

หลังจากทดลองใช้ยาเสริมพลังที่ก้าวหน้าที่สุดในทวีปเซียปัจจุบัน เขาก็เข้าใจได้ถึงความอัศจรรย์ของยาเสริมพลังจากโลโบร์

แม้ว่าพวกมันอาจจะไม่ได้ดูหรู​หราฟุ่มเฟือย และมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างผิดปกติ แต่ยาจากโลโบร์ก็ทำตามที่มันเขียนไว้ในฉลากได้โดยไม่มีปัญหา ต่อให้เป็นแอลกอฮอล์ปลอมที่รวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนเขาผล็อยหลับทันทีหลังจากที่ดื่มมันเข้าไป แต่พอเขาได้สติตื่นขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเสร็จสิ้นและจบลงด้วยดี

กลับกันแล้วยาเสริมพลังที่โรเอลใช้ในครั้งนี้เป็นเพียงการสนับสนุนให้สามารถพัฒนาได้เท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้พลังเวทอย่างระมัดระวัง​ ส่งให้มันไหลเวียนไปทั่วร่างทั้งคืนกว่าจะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

ความระแวดระวังของโรเอลเป็นผลดีในครั้งนี้ เพราะกระดิ่งแห่งการคุ้มครองได้แสดงบทบาทอันสำคัญ กระบวนการก้าวข้ามขีดจำกัดของระดับแก่นแท้นั้นเป็นอะไรที่ตึงเครียดมาก ทำให้เป็นเรื่องง่ายที่จะหมดความอดทนเมื่อพบกับสิ่งกีดขวางและความผิดพลาด ทว่ากระดิ่งแห่งการคุ้มครองได้มอบบางสิ่งที่ชวนให้นึกถึงพร เสริมความแข็งแกร่งให้กับหัวใจของเด็กชาย พ้นจากความประหม่าและความอ่อนแอ

สิ่งหนึ่งที่โรเอลสังเกตเห็นเกี่ยวกับกระดิ่งแห่งการคุ้มครอง ก็คือผลของมันมีเสถียรภาพเท่ากันภายในพื้นที่เกราะคุ้มครอง ซึ่งหมายความว่าประสิทธิภาพของมันจะยังคงเท่าเดิมไม่ว่าจะมีคนอยู่ภายในนั้นกี่คนก็ตาม แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นอะไรที่น่ายินดีมาก เพราะมันคงจะสนุกกว่าถ้าหากมีคนมานั่งฝึกด้วยกัน

ทางด้านมาร์ควิสคาร์เตอร์ เขาเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งที่โรเอลได้รับมาใหม่นั้น ทำให้เขามั่นใจถึงเรื่องดังกล่าวได้จริง ๆ คาร์เตอร์จึงกวักมือเรียกโรเอลให้เข้ามาหา ก่อนจะเปิดเผยถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงเบื้องหลังการมาเยือนของเขา

“โรเอล ข้าต้องการคุยกับเจ้าเกี่ยวกับการแต่งงาน”