บทที่ 216: เจ้ามันไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 216: เจ้ามันไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ในฐานะผู้นำของตระกูลแอสคาร์ด เป้าหมายของคาร์เตอร์นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา เขาต้องการมีหลานหลาย ๆ คน

ตระกูลแอสคาร์ด เป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางไม่กี่ตระกูลที่มีเครือญาติไม่มาก แม้ว่าจะสืบทอดเชื้อสายมายาวนานกว่าพันปี พวกเขามักจะขาดซึ่งทายาท ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาที่จะมีทายาทเพียงคนเดียวต่อรุ่น

บลังก์ แอสคาร์ด บิดาของคาร์เตอร์ เคยอธิบายลักษณะเฉพาะของตระกูลแอสคาร์ดให้ฟังในสมัยที่เขายังเด็ก

ลูกเอ๋ย เจ้ารู้ใช่ไหมว่าสมาชิกในตระกูลเรา เก่งในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่พวกเราไม่มีทางรอดจากการต่อสู้แบบกลุ่มได้เลย ทำไมงั้นเหรอ? เพราะเราไม่มีกลุ่มด้วยซ้ำ!

มาร์ควิสคาร์เตอร์ยังคงจำแววตาอันเต็มไปด้วยความหวังในดวงตาของบิดาได้ ตอนที่เขาพูดคำเหล่านั้น ดูเหมือนว่าบลังก์จะคาดหวังในตัวคาร์เตอร์เป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วพ่อของเขาก็ต้องผิดหวัง

ตามสมาชิกคนอื่นในตระกูล สุดท้ายแล้วคาร์เตอร์เองก็ลงเอยด้วยการให้กำเนิดทายาทเพียงคนเดียวเช่นกัน นอกจากนี้เมื่อเขาตระหนักได้ว่าลูกชายของตนมีพรสวรรค์เพียงแค่ทั่ว ๆ ไป หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ๆ มาร์ควิสก็รู้สึกผิดหวังไประยะหนึ่ง แต่ในไม่ช้าเขาก็ครุ่นคิดทบทวนได้ว่า หากมองอีกมุม​ นี่อาจเป็นพรอันยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลแอสคาร์ดเลยก็ได้

ความรับผิดชอบหลักของขุนนางคือการสร้างทายาทเพื่อรักษาเชื้อสายของตระกูลเอาไว้ ถ้าโรเอลอ่อนแอ เขาก็จะไม่ต้องรับหน้าที่ในการต่อสู้ต่าง ๆ และทำให้มีเวลาว่างมากมายไปกับการบริหารเขตการปกครอง แล้วผู้ชายที่โตเต็มวัยและทำงานได้อย่างสมบูรณ์จะทำอะไรได้อีก เมื่อเขามีเวลาว่างมากเกินไป…

นอกจากนี้​ จากสถิติแล้ว ในยุคที่ผู้นำตระกูลแอสคาร์ดมีความสามารถเพียงปานกลาง ก็มักจะมีลูกหลานมากกว่ารุ่นอื่น ๆ เหตุผลหนึ่งก็เพราะพวกเขามีเวลาที่จะ ‘ผลิตลูก’ มากกว่า และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะว่าพวกเขามีภรรยาเยอะกว่า

เนื่องจากพวกเขาไม่มีความสามารถในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ หมายความว่าคู่ครองของพวกเขาจะมีตำแหน่งสูงสุดได้เพียงแค่สมาชิกจากตระกูลขุนนางระดับเอิร์ลเท่านั้น และหญิงสาวจากตระกูลเอิร์ลไม่มีอำนาจมากพอที่จะหยุดยั้งสามีผู้ยิ่งใหญ่ของเธอจากการหานางสนมได้ ดังนั้นผู้นำในรุ่นดังกล่าวจึงมักจะมีฮาเร็มขนาดใหญ่และลูกหลายคน

ทว่าปัญหาเดิม ๆ ก็มักจะเกิดในรุ่นต่อ ๆ มา เมื่อผู้นำตระกูลกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง ภรรยาของพวกเขาก็จะมีตำแหน่งที่สูงขึ้นเช่นกัน บางทีอาจจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเลยด้วยซ้ำ ทำให้ผู้นำตระกูลในรุ่นนั้นไม่อาจรับนางสนมได้ และที่แย่กว่านั้นก็คือ การที่คู่สามีภรรยาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ทำให้อัตราการเกิดต่ำสุด ๆ

คาร์เตอร์ได้อ่านบันทึกเหตุการณ์ต่าง​ ๆ​ ของตระกูล และเหล่าขุนนางมามากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อเห็นเด็กสาวเริ่มมารวมตัวกันรอบ ๆ โรเอล มาร์ควิสสัมผัสถึงลางสังหรณ์ของตนได้เป็นอย่างดี นี่เป็นความสงบก่อนเกิดพายุไม่ผิดแน่

องค์หญิงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท ผู้สืบทอดของสมาคมพ่อค้าโรซ่า และนายหญิงของตระกูลแอสคาร์ด การรวมตัวของเด็​กสาวเหล่านี้สามารถกลายเป็นหัวข้อข่าวในต่างอาณาจักรได้สบาย ๆ บางทีอาจเป็นเพราะประวัติของผู้ที่ปลุกพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ด มักจะมีอายุสั้น ทั้งสามคนจึงเป็นห่วงเป็นใยปกป้องโรเอลเป็นพิเศษ

ด้วยแรงกระตุ้นอันยิ่งใหญ่ที่คอยเติมพลังให้กับพวกเธอ พลังของพวกเธอจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ สำหรับรุ่นก่อน ๆ การมีผู้มีพรสวรรค์ระดับนี้เพียงคนเดียวก็ถือเป็นเรื่องวิเศษมากแล้ว แต่ในปัจจุบันกลับมีผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาถึงสามคนพร้อม ๆ กัน … และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพวกเธอทั้งสามไม่มีใครคิดที่จะยอมแพ้ในตัวโรเอลเลยสักคน สองวันก่อน พวกเธอถึงกับต่อสู้กันเองเพื่อแย่งเขาเลยด้วยซ้ำ!

หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ว่าโรเอลจะเลือกใครในท้ายที่สุด มันก็ไม่มีอะไรจะรับประกันว่าอีกสองคนจะเต็มใจยอมแพ้ ใช่ไหม? ยกตัวอย่างเช่นอลิเซีย เธอฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แบกรับความเจ็บปวดเพื่อฝึกฝนคาถาเวทซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอกำลังผลักดันตัวเองให้แข็ง​แกร่งขึ้น โดยหวังว่าวันหนึ่งจะได้แต่งงานกับโรเอลและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข ถ้าหากโรเอลเลือกคนอื่นแทนอลิเซียล่ะก็ เธอจะอวยพรให้กับพวกเขาได้จริง ๆ งั้นหรือ?

ภายใต้ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของการสูญเสียเป้าหมายในชีวิตไป และต้องถูกทอดทิ้งโดยบุคคลที่รักมากที่สุด คาร์เตอร์คงไม่แปลกใจเลย หากความรักอันลึกซึ้งของอลิเซียจะเปลี่ยนไปเป็นความเกลียดชังในชั่วข้ามคืน

อนาคตของโรเอลที่ต้องเผชิญกับความตายจากความรักอันคลั่งไคล้นั้นเป็นไปได้สูงมากเสียจนหัวใจของคาร์เตอร์สั่นกลัวทุก ๆ ครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ ทำให้มาร์ควิสรู้สึกว่าตนจำเป็นต้องตักเตือนลูกชายเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ

“โรเอล เจ้าจำที่ข้าบอกให้เจ้าแต่งงานกับสตรีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในอนาคตได้ใช่ไหม?”

“ครับ ผมจำได้”

“ข้าขอถอนคำพูด จากนี้ไปเจ้าต้องจำไว้อย่างหนึ่ง เจ้าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสตรีอื่น ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรก็ตาม!”

คำแนะนำที่จริงจังอย่างกะทันหันของคาร์เตอร์ทำให้โรเอลงุนงงเล็กน้อย เขากะพริบตา​แปลก ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่มีความสุขกับการก้าวขึ้นสู่ระดับแก่นแท้ 4 ของเขาเมื่อครู่ ถึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แต่ที่คาร์​เตอร์กล่าวมาก็เป็นคำแนะนำที่สมเหตุสมผลดี และโรเอลก็เห็นด้วย

ดูเหมือนว่าพ่อของเราจะสนับสนุนการมีคู่สมรสคนเดียวสินะ!

โรเอลอดไม่ได้ที่จะประเมินพ่อของตนใหม่อีกครั้ง ความคิดอันลึกซึ้งของคาร์เตอร์นั้นไม่เหมือนใครในแวดวงชนชั้นสูงเลยจริง ๆ มันทำให้เขาประทับใจมาก บางทีพ่อของเขาอาจจะคิดว่าการมีครอบครัวที่ปรองดองกันนั้นมีความสำคัญมากกว่าการแต่งงานเพื่อสืบทอด​สายเลือดของตระกูลก็เป็นได้

“ท่านพ่อ โปรดอย่ากังวลไป ผมเข้าใจดี!”

“ดีแล้วที่เจ้าเข้าใจ ข้ากลัวว่าเจ้าอาจจะทำอะไรไม่คิดจนได้…”

“ผมจะเอาท่านเป็นแบบอย่าง และจะมีภรรยาเพียงคนเดียวในอนาคต”

“ใช่ นั่นเป็นวิธีที่จะ… หา?”

คาร์เตอร์เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบของโรเอล ร่างกายของเขาสั่นเทาจากความคับข้องใจ และพูดไม่ออกเป็นเวลานาน เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกชายของตนจะซื่อขนาดนี้!

เข้าใจบ้าอะไรของเจ้า เจ้านี่มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย!

คาร์เตอร์คงจะก่นด่าสาปแช่งลูกชายของตนไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเติบโตมาในตระกูลขุนนางจนติดนิสัยไม่พูดคำเหล่านั้นออกมาตรง ๆ ในทางกลับกัน​ โรเอลกลับเข้าใจผิดว่าปฏิกิริยาของพ่อนั้นเป็นการอนุมัติ และตอบกลับด้วยการพยักหน้ายิ้ม

ดูเหมือนว่าเราจะพูดถูกสินะ อ่า ดูสีหน้าที่กำลังดีใจของพ่อสิ เขาตัวสั่นไปด้วยความสุขเลยทีเดียว!

รอยยิ้มบนใบหน้าของโรเอล ทำให้คาร์เตอร์โกรธเคืองมากยิ่งขึ้น เขารู้ดีว่าคงจะเข้าใจความหมายของคำพูดนั้นผิดไปตลอดแน่ ๆ ถ้าหากเขาไม่ได้อธิบายให้มันชัดเจนกว่านี้

“ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าอย่าเอาข้าเป็นตัวอย่าง! การมีภรรยาหลายคนมันผิดตรงไหน? การมีภรรยาหลายคนเองก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน!

“ที่ข้ากำลังจะสื่อก็คือ เจ้ากำลังจะไปเรียนที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากนี้ มันเป็นสถานที่ที่เจ้าจะได้เผชิญกับผู้คนทุกประเภท และย่อมมีคนมากมายที่จะพยายามล่อลวงเจ้า แต่เจ้าต้องทำให้แน่ใจว่า เจ้าสามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่ใช่ว่าคนที่เข้าใกล้เจ้าจะมีเจตนาดีเสมอไป บางคนก็แค่ต้องการอำนาจและอิทธิพลของตระกูลเรา”

คาร์เตอร์กล่าวอย่างจริงจัง

อันที่จริงคาร์เตอร์เองก็เคยเจอเรื่องแบบนั้นมาก่อนในตอนที่เขายังหนุ่ม มีคนมากมายรอบตัวเขาที่โดนหลอกลวง หากโรเอลล้มเหลวในการควบคุมตัวเอง และจบลงด้วยการตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นเพิ่ม ตระกูลแอสคาร์ดคงได้สูญสิ้นเป็นแน่

แม้ว่าอลิเซียจะไม่ใช่ต้นเหตุ แต่ก็ยังมีเมืองโรซ่าที่อยู่ข้าง ๆ เขตการปกครองของพวกเขา และเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เองก็อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่วัน บางทีโรเอลอาจจะถูกลอบสังหารก่อนที่จะได้กลับมาที่เขตการปกครองแอสคาร์ดเลยก็เป็นได้

ขณะที่คาร์เตอร์กำลังจินตนาการถึงสนามรบอันวุ่นวายของเขตการปกครองแอสคาร์ดที่ต้องต่อสู้กับกองกำลังผสมของเมืองโรซ่าและจักรวรรดิเซนต์เมซิท โรเอลก็ลูบคางของเขาครุ่นคิด

โรเอลตระหนักได้ว่าเด็กสาวส่วนใหญ่ที่เขาได้พบมาตลอดจนถึงตอนนี้นั้นเฉียบแหลมและฉลาดผิดปกติหากเทียบกับคนในรุ่นของเขา แต่อีกมุมหนึ่ง​ พวกเธอก็ไร้เดียงสาอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ภูมิหลังของพวกเธอเองก็ยอดเยี่ยมมาก สิ่งที่พวกเธออยากได้จากตระกูลแอสคาร์ดแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ คงจะแตกต่างกันออกไปเมื่อเขาไปที่เซนต์เฟรย่า

มีคำแสลงที่ใช้กันทั่วไปในโลกเดิมของโรเอลอย่าง ‘สาวร่านแอ๊บตีหน้าซื่อ’ ซึ่งหมายถึงผู้หญิงที่แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเพียงเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับผู้ชายที่มีอำนาจ เขาไม่แน่ใจว่าทวีปเซียจะมีผู้หญิงแบบนั้นไหม และเด็กชายก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถแยกแยะพวกเธอออกมาจากผู้หญิงทั่ว ๆ ไปได้รึเปล่า เนื่องจากเขายังขาดประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์

โรเอลจึงตัดสินใจถามถึงประสบการณ์ของบิดา

“ท่านพ่อเจอท่านแม่ที่สถาบันการศึกษาใช่ไหมครับ?”

“ใช่ มีอะไรรึ?”

“ความสัมพันธ์ของท่านพ่อกับท่านแม่ในตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้างครับ? มีใครพยายามขวางทางท่านพ่อไหม?”

“…”

สีหน้าอันซับซ้อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคาร์เตอร์ เมื่อเขาได้ยินคำถามนั้น ด้วยความสนใจในคำตอบนี้ โรเอลจึงสงบเสงี่ยมเตรียมรับฟังอย่างเต็มที่ ก่อนที่คาร์เตอร์จะเล่าสิ่งที่เขาเผชิญในตอนนั้น

คาร์เตอร์เป็นคนที่อ่อนโยนและน่าดึงดูดมากในตอนที่เขายังหนุ่ม ดังนั้นมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็น ‘เหยื่อ’ ของสาว ๆ ในสถาบันการศึกษา หลายคนรักและชื่นชอบเขา แต่ก็เลือกที่จะรักษาระยะห่างอย่างสุภาพ ส่วนบางคนที่ดื้อรั้นก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคาร์เตอร์กับแม่ของโรเอล และเนื่องจากการแทรกแซงของพวกเธอ ความรักของคาร์เตอร์จึงต้องพบกับวิกฤตครั้งใหญ่ในที่สุด

ในช่วงวิกฤตนั้น คาร์เตอร์รู้สึกปวดใจมากที่ต้องจากกับคนรักของตน และเมื่อรู้ว่าไม่สามารถปล่อยสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นแบบนี้ได้ ในที่สุดเขาก็รวบรวมพรรคพวกมา และคิดกลอุบายเพื่อจัดการกับสาว ๆ ที่ดื้อรั้นคอยรังควานเขามาโดยตลอด แม้ว่าเขาจะปฏิเสธแล้วก็ตาม ซึ่งกลอุบายเหล่านั้นก็มีประสิทธิภาพอย่างมาก

ในเมื่อไหน ๆ โรเอลก็ถามถึงเรื่องนี้แล้ว คาร์เตอร์จึงคิดว่าเขาควรจะถ่ายทอดภูมิปัญญาบางอย่างของตนให้แก่ลูกชาย

“โรเอล เจ้าควรรู้ไว้ว่า คนพวกนี้มักใช้ประโยชน์จากความเห็นอกเห็นใจ เพื่อขัดขวางความสัมพันธ์ของเรา ย้อนกลับไปในตอนนั้น แม่ของเจ้ามักจะโกรธข้าที่ไปปลอบโยนรุ่นน้องที่มาหาข้าเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาของตน”

คาร์เตอร์เงยหน้าขึ้น พลางนึกถึงความทรงจำในวัยหนุ่ม

“พวกเธอมักจะเริ่มด้วยประโยคว่า ‘ดิฉันรู้สึกว่า ตัวเองไม่สามารถเทียบเคียง XXX ได้เลย ดิฉันไม่ได้สวย ฉลาด หรือเข้มแข็งเท่าเธอ’ เป็นเจ้า เจ้าจะตอบคำพูดดังกล่าวอย่างไร?”

“อืม… เธอคงจะเข้ามากอดผม ให้ผมปลอบใจเธอใช่ไหมล่ะ? มันคงจะเป็นการดูหมิ่นเธอ ถ้าผมปล่อยเธอไว้ในสถานการณ์แบบนั้น”

“เพราะฉะนั้น เจ้าจึงควรสรรเสริญเธอในเวลาเช่นนั้น”

“สรรเสริญเธอ?”

“ใช่ ยกย่องเธอที่รู้สถานภาพของตัวเองดี”

“…”

แบบนี้ก็ได้เหรอ?

โรเอลเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ มันอาจจะเป็นเพียงจินตนาการของเขา แต่จู่ ๆ ร่างของคาร์เตอร์ก็ดูสูงขึ้นกว่าปกติ

“ยังมีกลอุบายอื่น ๆ อีกมาก ที่คนพวกนี้ชอบใช้เช่น ‘มีบางอย่างที่ดิฉันไม่สามารถบอกใครได้นอกจากคุณ’ นี่เป็นความพยายามของพวกเขา ที่จะสร้างความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับเจ้า ผ่านความลับร่วมกัน”

“ล… แล้วผมควรจะตอบไปยังไงดีล่ะ?”

“อย่ากังวลไปเลย ข้าจะช่วยบอกให้คนอื่น ๆ รู้เอง”

“…”

การตอบสนองอย่างสงบของคาร์เตอร์ ทำให้โรเอลตกตะลึงสุด ๆ ทันใดนั้นเขาก็จำคำใบ้ปฏิเสธตัดบทสนทนา ที่ตนมักจะเห็นในโพสต์ออนไลน์จากอดีตชาติได้

“ท่านพ่อ ถ้าเธอพูดว่า ‘ดิฉันอิจฉา XXX จริง ๆ ถ้าดิฉันได้พบคุณก่อนหน้านี้ล่ะก็…’ ผมควรจะตอบอย่างไรดี?”

“โชคดีจริง ๆ ที่เทพธิดาแห่งโชคลาภคอยดูแล ข้าอยู่”

“…”

ทักษะความชำนาญของคาร์เตอร์ทำให้โรเอลรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเด็กชายแล้วเขาคิดไม่ออกเลยแม้แต่บรรทัดเดียวเมื่อเจอคำถามนี้ แต่คาร์เตอร์กลับตอบโต้มันได้ในทันที! อีกครั้งที่อาจเป็นเพียงแค่จินตนาการของเขา แต่โรเอลก็รู้สึกว่าชายวัยกลางคนที่กำลังยิ้มแย้มคนนี้มีรัศมีอันเร่าร้อนอยู่เหนือศีรษะเปล่งประกายอย่างเจิดจ้า

อายุที่มากมาพร้อมปัญญาจริง ๆ!

การที่สาว ๆ เหล่านั้นสามารถบังคับให้พ่อของเราค้นคว้าหาวิธีการรับมือกับพวกเธอแบบนี้ได้ ดูเหมือนว่าที่สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าจะเป็นอะไรที่ยุ่งยากมากจริง ๆ … ทั้งสามคนที่เราคุ้นเคยเองก็น่าจะเจอปัญหานี้ด้วยเช่นกัน สำหรับนอร่าแล้ว คงไม่มีใครกล้ามาเกาะแกะเธอเท่าไหร่ ส่วนชาร์ล็อตเองก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร คนเดียวที่น่าเป็นห่วงก็คืออลิเซีย

โรเอลผู้รักน้องสาว เริ่มกังวลเกี่ยวกับอลิเซียโดยสัญชาตญาณ แต่นั่นเป็นเพียงเพราะเขาลืมทัศนคติที่อลิเซียมีต่อบุคคลภายนอกไปแล้ว อันที่จริงความแข็งแกร่งและความเยือกเย็นของเด็กสาวทำให้คนอื่น ๆ เข้าใกล้เธอได้ยาก โดยเฉพาะกับผู้ชาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงสถาบันการศึกษาแล้ว โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องอื่น

ในการเดินทางย้อนสู่ประวัติศาสตร์ก่อนหน้านี้ของสถานนะผู้เฝ้ามอง โรเอลได้เรียนรู้วิธีเข้าร่วมสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ และวิธีเลือกสมาชิกของพวกเขาจากอิซาเบลลา รวมถึงสัญลักษณ์แห่งการคัดสรรที่เขาจะต้องหามาให้ได้ ถ้าโรเอลอยากติดต่อกับสมัชชาละก็เขาจะต้องไปที่ป่าเครอนก่อนเพื่อรับสัญลักษณ์แห่งการคัดสรรนั้นมาล่วงหน้า

ตอนนี้ร่างกายของโรเอลฟื้นตัวโดยสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งเขายังสามารถฝ่าฟันไปถึงระดับแก่นแท้ 4 ได้แล้วด้วย มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องจัดการกับเรื่องนี้

ป่าเครอน สัญลักษณ์แห่งการคัดสรร สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ผู้หญิง

“รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เราต้องระวังเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ เลยแฮะ”

โรเอลถอนหายใจ ก่อนจะรวบรวมสมาธิเพื่อฟังคำสอนของคาร์เตอร์ต่ออย่างตั้งใจ