บทที่ 217: น้ำตาลมากเกินไป

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 217: น้ำตาลมากเกินไป

ป่าเครอนเป็นสถานที่ที่โรเอลเคยได้ยินชื่อบ่อย ๆ

ตั้งแต่อายุยังน้อย โรเอลเคยได้ยินมาว่ามีสถานที่อันน่ากลัวอยู่ทางใต้ของเขตการปกครองแอสคาร์ด ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ป่าเครอน มันเป็นที่ที่มีสัตว์อสูรและมนุษย์หมาป่าที่ดุร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนหลบซ่อนอยู่ มนุษย์หมาป่าเหล่านี้จะแอบเข้าไปในห้องนอนของเด็กที่ไร้เดียงสา และลักพาตัวพวกเขาออกไปในตอนกลางคืน

อันที่จริงนี่เป็นนิทานที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม ไม่เพียงแต่ในเขตการปกครองแอสคาร์ดแต่รวมถึงในจักรวรรดิเซนต์เมซิททั้งหมด มนุษย์หมาป่าถูกบรรยายว่าเป็นฆาตกรที่ออกไปทำเรื่องชั่วร้าย มักจะซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืดตลอดเวลา รอให้เด็กเผลอเพื่อที่พวกมันจะได้ลักพาตัวเด็กคนนั้นไป ทำให้เด็กเกือบทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกจะต้องร้องไห้

แน่นอนว่าเรื่องราวนั้นไม่ได้ทำให้โรเอลหวาดกลัวอีกต่อไปหลังจากที่เขาฟื้นความทรงจำจากอดีตชาติ เขาจึงศึกษาเกี่ยวกับที่นั่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำให้เด็กชายสังเกตว่ามีเรื่องราวแปลก ๆ มากมายเกี่ยวกับป่าเครอน ซึ่งหลายเรื่องก็เป็นเรื่องราวที่เขียนขึ้นมาในรูปแบบนวนิยาย และตระกูลแอสคาร์ดก็มีหนังสือพวกนั้นเก็บไว้มากมาย

ด้วยภาพจินตนาการอันน่าสะพรึงกลัวของป่าเครอน ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปในพื้นที่นั้นอีกต่อไป ยกเว้นเหล่านักผจญภัยที่กล้าบ้าบิ่น เพราะนักผจญภัยทั่ว ๆ ไปที่สติดี มักจะชอบสำรวจซากปรักหักพังที่พวกเขาสามารถหาสมบัติและทำให้ตนร่ำรวยได้ มากกว่าจะเข้าไปในป่าทึบ

เหตุผลที่นักผจญภัยบ้าบิ่นเหล่านั้นคิดจะเข้าไปในป่าเครอน อาจเป็นเพราะข่าวลือที่ว่ามีความลับอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของป่า โรเอลในอดีตคงจะแค่ยักไหล่กับข่าวลือเหล่านั้น แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอิซาเบลลา เขารู้สึกว่าข่าวลือนั้นอาจเกี่ยวข้องกับสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ

เทรนท์ เป็นเผ่าพันธุ์โบราณที่ส่วนใหญ่สูญพันธุ์ไปหมดแล้วในปัจจุบัน พวกเขาขึ้นชื่อในเรื่องอายุขัยที่ยาวนาน สามารถอยู่ได้นานหลายพันปีตราบใดที่สภาพแวดล้อมรอบตัวพวกเขาอุดมสมบูรณ์ดี เทรนท์ส่วนใหญ่ที่ปรากฏในตำนาน ล้วนเป็นนักปราชญ์ผู้รอบรู้ แต่เทรนท์ที่อิซาเบลลาพูดถึงนั้นดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย

เทรนท์ขี้เมา…. มีอะไรแปลก ๆ แบบนั้นด้วยเหรอ?

โรเอลสับสนมากกับชื่อที่ได้รับมา แต่นี่เป็นเงื่อนงำเพียงอย่างเดียวที่มีในตอนนี้ นอกจากนี้เขายังจำได้ว่าอิซาเบลลาได้บอกไว้ว่าเขาจะต้องนำสิ่งของบางอย่างติดตัวไปด้วยเพื่อพบเทรนท์ขี้เมาตนนี้

ไวน์แดงของจักรวรรดิออสทีนโบราณ มันเป็นชื่อไวน์ที่โรเอลผู้แทบไม่รู้เรื่องแอลกอฮอล์ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด

ทีแรกโรเอลวางแผนที่จะบอกคาร์เตอร์เกี่ยวกับข้อมูลที่เขาได้รวบรวมมาทั้งหมดในวันนี้ แต่เมื่อพ่อของเขาบอกว่าจะกลับไปที่ชายแดนตะวันออกสองวันหลังจากนี้ เด็กชายจึงเลือกที่จะเงียบ

โรเอลไม่ต้องการสร้างความวิตกกังวลให้กับคาร์เตอร์จนหันเหความสนใจของมาร์ควิสออกจากหน้าที่ หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว เด็กชายจึงถามคาร์เตอร์อ้อม ๆ เกี่ยวกับสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำและหกภัยพิบัติ เพื่อทดสอบดูว่าเขารู้เรื่องเหล่านี้มากแค่ไหน

“หืม? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน เจ้าอ่านบันทึกทางประวัติศาสตร์เล่มไหนกันถึงเจอสิ่งเหล่านี้?”

เมื่อเห็นว่าบิดาไม่รู้เรื่องนี้เลย โรเอลจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าถึงตำนานที่เขาบังเอิญเจอขณะท่องหนังสืออย่างไม่ตั้งใจให้อีกฝ่ายฟัง

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ชาร์ล็อตก็แวะเข้ามา จากนั้นทั้งสามก็รับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน บรรยากาศนั้นค่อนข้างกลมเกลียวไปได้ด้วยดี คาร์เตอร์พูดจาดี ๆ กับชาร์ล็อตอย่างที่ควรจะเป็น และบอกให้โรเอลทำงานร่วมกับเธอในการบริหารเขตการปกครอง สิ่งนี้ทำให้เด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงประทับใจมาก

“ท่านลุงคาร์เตอร์ ได้โปรดอย่าเป็นกังวล โปรดวางใจและปล่อยให้การพัฒนาเขตการปกครองแอสคาร์ดเป็นหน้าที่ของโรเอลและดิฉันได้เลยค่ะ!”

ชาร์ล็อตจับมือโรเอลพร้อมให้ความมั่นใจกับคาร์เตอร์ ด้วยการกระแทกมือลงที่หน้าอกของเธอ เด็กสาวนั้นดูมีความมุ่งมั่นมากกว่าโรเอลที่เป็นตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ดเสียอีก

ความจริงก็คือชาร์ล็อตไม่เหลือไพ่ตายให้พึ่งพาอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องการพิสูจน์ความสำคัญของตนด้วยการสร้างความมั่นใจว่าการพัฒนาเขตการปกครองแอสคาร์ดจะเป็นไปอย่างราบรื่น เธอต้องการจะใช้โอกาสนี้เพื่อเอาชนะใจผู้คนในเขตการปกครองแอสคาร์ดให้อยู่เคียงข้างเธอ เพื่อให้พวกเขากลายเป็นไพ่ตายที่มีค่าสำหรับเธอในอนาคต หากทหารทุกคนในเขตการปกครองสนับสนุนการแต่งงานระหว่างโรเอลกับเธอ คาร์เตอร์ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของครอบครัวและตระกูลของเขา

สรุปก็คือ ถ้าชาร์ล็อตต้องการตัวโรเอล เธอจะต้องร่วมซื้อใจผู้คนในเขตการปกครองให้ได้ด้วย

อันที่จริงคาร์เตอร์รู้ถึงเจตนาของชาร์ล็อตดี แต่เขาสัญญาแล้วว่าตนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาร์ควิสจึงตัดสินใจเก็บเงียบเอาไว้ พลางเหลือบมองลูกชายที่ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอย่างสมบูรณ์ แล้วถอนหายใจ

แปลกจริง ๆ เขาไปทำอะไรให้เด็กสาวเหล่านี้ทุ่มสุดตัวเพื่อเขากัน?

คาร์เตอร์ไม่เข้าใจกลอุบายของโรเอลเลยสักนิด แต่อย่างน้อย ๆ สิ่งต่าง ๆ ก็ดูจะไม่เลวร้ายเท่าไหร่นัก

โรเอลตั้งใจที่จะกลับไปพร้อม ๆ กับคาร์เตอร์ เนื่องจากร่างกายเขาหายดีแล้ว แต่ชาร์ล็อตก็ยังรั้งเขาไว้ด้วยข้ออ้างว่าเพื่อ ‘สังเกตอาการทางการแพทย์’ การอนุญาตให้เขากลับไปพร้อมกับคาร์เตอร์นั้นไม่ต่างอะไรไปจาก การส่งเขาไปให้อลิเซีย เด็กสาวได้เรียนรู้บทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เธอจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ เช่นนั้น

หลังจากส่งคาร์เตอร์กลับไปแล้ว โรเอลก็ขอให้ชาร์ล็อตช่วยเขาสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า

ต้องยอมรับเลยว่าสมาคมพ่อค้าโซโรฟยาเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกจริง ๆ พวกเขามีเครือข่ายข่าวกรองที่กว้างขวางทันสมัยที่สุดในทวีปเซีย เครือข่ายข่าวกรองของพวกเขาได้เริ่มสำรวจข้อมูลของป่าเครอนและไวน์แดงของจักรวรรดิออสทีนโบราณ ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะมาถึงเมืองโรซ่าเสียอีก ทำให้ตอนนี้โรเอลมีรายงานการสืบสวนฉบับแรกที่ถูกรวบรวมโดยหน่วยข่าวกรองของตระกูลโซโรฟยาแล้วเรียบร้อย

มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่โรเอลจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับไวน์แดงของจักรวรรดิออสทีนโบราณมาก่อน และในทวีปเซียเองก็ไม่มีใครรู้จักมันเช่นกัน เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะมันเปลี่ยนชื่อไปแล้วนั่นเอง

คนที่บอกพวกเขาเกี่ยวกับไวน์นี้คืออิซาเบลลา ผู้ที่มีชีวิตอยู่เมื่อหลายศตวรรษก่อน ย้อนกลับไปในยุคนั้น ภาษากลางยังคงเป็นภาษาออสทีนโบราณของยุคที่สอง ทำให้มีการคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการออกเสียงหากเทียบกับภาษาในปัจจุบัน ดังนั้นมันจึงยากที่จะระบุว่าไวน์แดงของจักรวรรดิออสทีนโบราณหมายถึงไวน์ชนิดไหน อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบแล้ว หน่วยข่าวกรองก็สรุปได้ในที่สุดว่าเธอหมายถึง ไวน์เห็ด ของจักรวรรดิออสทีนโบราณ

มันเป็นไวน์ที่เกือบจะหายไปจากจักรวรรดิออสทีนแล้ว แม้ว่าเหตุผลเบื้องหลังนั้นจะค่อนข้างแปลกก็ตาม มันไม่ใช่เพราะว่าไวน์ชนิดนี้บ่มยาก แต่เป็นเพราะรสชาติของมันนั้นแย่มาก

“เดี๋ยวนะ ไวน์เห็ดงั้นเหรอ? เห็ดเดียวกันกับที่เรารู้จักจริง ๆ งั้นเหรอ? มันนำไปต้มเป็นแอลกอฮอล์ได้ด้วยหรือ?”

แม้แต่โรเอลก็ยังรู้สึกงุนงงเมื่ออ่านรายงานนี้ ซึ่งชายวัยกลางคนที่รับผิดชอบการสืบสวนก็ตอบด้วยรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูก แม้แต่เขาเองก็ยังสงสัยในความถูกต้องของข้อมูล เมื่อได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก

“ใช่ครับ นายน้อย พวกเราได้ส่งคนลงไปสืบสวนเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว มันเป็นไวน์โบราณที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเบื้องหลังการผลิต”

“ถึงมันจะมีอายุมากก็เถอะ แต่ฉันว่ายังเร็วเกินไปที่จะยืนยันว่าไวน์เห็ดคือไวน์แดงของจักรวรรดิออสทีนโบราณนะ”

“พวกเรามีหลักฐานสนับสนุนอื่น ๆ เพื่อยืนยันข้อมูลนี้ด้วยครับ”

“หลักฐานสนับสนุน?”

ชายวัยกลางคนมองไปที่โรเอลพลางพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“เมื่อสองสามร้อยปีที่แล้ว หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับหมู่บ้านเครอนได้สั่งไวน์เห็ดไปเป็นจำนวนมากครับ”