ตอนที่ 175.1 กลับไปแต่งกายเป็นสตรี (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“เจ้าชอบสิ่งเหล่านี้หรือไม่”

เสียงแหบพร่าทุ้มต่ำดังขึ้น ทำให้เล่อเหยาเหยาค่อยๆ ได้สติกลับมา หันศีรษะมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังยิ้มมองเธออยู่

เห็นเพียงบนใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพเซียนนั้น ดวงตาเย็นชาดำขลับดุจยามราตรีคู่นั้นกำลังมองเธออยู่เงียบๆ ภายในแววตาอ่อนโยนจนเล่อเหยาเหยาแทบอ่อนระทวยจนมิอาจถอนตัวขึ้นมาได้

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาสั่นไหวในใจ พลันเอ่ยปากโดยไม่คิดว่า

“ข้าชอบ แต่ว่า…”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหยุดชะงัก พลันขมวดคิ้วมุ่น ก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ ที่ข้างหูของเหลิ่งจวิ้นอวี๋

“ของเหล่านี้ราคาสูงยิ่งนัก”

“ฮ่าๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันหัวเราะสดใสกังวานไปถึงก้อนเมฆ และทำให้ทั่วห้องตกตะลึง

เพราะด้านนอกมีข่าวลือเกี่ยวกับชายผู้นี้ไม่น้อย

ลือกันว่ารุ่ยอ๋องไม่เคยยิ้มหัวเราะ เงียบขรึมไม่พูดจา สังหารคนราวผักปลา เย็นชาไร้ความรู้สึก ดังนั้นหลังคนเหล่านี้เข้ามาในวังรุ่ยอ๋อง จึงต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา เพราะมีอันตรายทุกย่างก้าว

ดังนั้นเมื่อเห็นชายหนุ่มตรงหน้าแตกต่างกับข่าวลือภายนอก ทุกคนจึงตกตะลึงอย่างหนัก

ส่วนเล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง หลังได้ยินเสียงหัวเราะของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ รับรู้ทันทีว่าเขาหัวเราะเยาะตน ใบหน้าจึงร้อนผ่าว พลันก้มหน้าลงอย่างโกรธขึ้นไม่มองหน้าเขา

ความจริงตอนนี้เธออับอายจนอยากแทรกแผ่นดิน!

แต่ขณะเล่อเหยาเหยาอับอายไม่หยุด เธอรู้สึกเพียงแน่นที่เอว ก่อนร่างกายเธอจะถูกรวบเข้าสู่อ้อมกอดหนาแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน เล่อเหยาเหยาได้ยินเสียงสูดหายใจอย่างตกใจจากรอบด้าน

คิดไปแล้ว เธอตอนนี้ แม้จะเป็นผู้หญิง พญายมรู้และเธอเองก็รู้ แต่ผู้อื่นไม่รู้

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงเข้าใจว่าคนเหล่านี้คิดเช่นไร

เพราะรุ่ยอ๋องผู้สง่างาม กลับโอบกอดแนบชิดขันทีน้อยผู้หนึ่งท่ามกลางสายตาของทุกคน และไม่รู้หลังจากวันนี้ จะมีคนเล่าลือสิ่งใดออกไป

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงผลักหน้าอกของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างหงุดหงิด ดวงตาคู่งามถลึงมองชายหนุ่มที่ยิ้มโอบกอดตนแวบหนึ่ง เพื่อให้เขาเก็บมือลงไป

เพราะเธอไม่อยากถูกคนมองด้วยสายตาแปลกประหลาดเช่นนี้!

ทว่าชายผู้นี้กลับคล้ายไม่แยแสสายตาของผู้อื่นแม้แต่นิดเดียว เพราะสำหรับการหงุดหงิดไม่พอใจของเธอ เขาเพียงหัวเราะฮ่าๆ ออกมา

“วางใจเถิด เลี้ยงดูเจ้า เปิ่นหวางสามารถทำได้อยู่แล้ว และของเหล่านี้เปิ่นหวางจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เจ้าชอบชิ้นใดก็รีบเลือกเถิด!”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยอย่างใจกว้าง สุดท้ายคล้ายเห็นสิ่งของเหล่านี้ไม่เพียงพอ จึงให้คนของหอเหมยหลานนำมาเพิ่มเติม

เล่อเหยาเหยาเห็นจึงรีบหยุดยั้งชายผู้ล้างผลาญนี้ทันที

“พอเถิด ของพวกนี้ข้าสวมใส่ได้ตลอดชีวิตแล้ว ท่านอย่าสิ้นเปลืองเลย”

สิ่งของเหล่านี้ต่างต้องใช้เงิน และราคายังสูงอีกด้วย!

หากเสื้อผ้าหนึ่งชุดราคาพันตำลึง ตรงนี้มีผ้าแพร ผ้าไหม เครื่องประดับ เครื่องประทินโฉมมากมาย เช่นนั้นต้องใช้เงินมากเพียงใดจึงจะสามารถซื้อของเหล่านี้ได้

หากเป็นราษฎรทั่วไป เสื้อผ้าหนึ่งตัวสามารถทำให้ครอบครัวพวกเขาใช้ไปได้ทั้งชีวิต

แม้เล่อเหยาเหยาจะรู้ว่าคนที่มีอำนาจบารมีเช่นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ไม่เพียงมีเงินเดือนจากราชสำนัก ต้องมีเงินส่วนตัวและพวกที่ดินที่นาไม่น้อยแน่นอน แต่ตัวเธอนั้น ก่อนหน้านี้ครอบครัวเป็นเศรษฐี มีเงินมากมาย แต่บิดาเธอสั่งสอนตั้งแต่เด็กว่าเงินทุกบาททุกสตางค์หามาอย่างยากลำบาก ดังนั้นต้องประหยัดเก็บออม

ดังนั้นภายใต้การสั่งสอนของบิดา เล่อเหยาเหยาจึงไม่ชอบฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง

ตอนนี้ความจริงเรื่องที่เธออยากทำมากที่สุดคือ สามารถนำของเหล่านี้คืนกลับไปครึ่งหนึ่งหรือไม่

เล่อเหยาเหยาคิดในใจ เผยอริมฝีปากคิดจะพูดบางอย่าง คิดไม่ถึงชายหนุ่มกลับล่วงรู้ความในใจของเธอจากใบหน้า พลันเอ่ยปากขึ้นทันทีว่า

“เปิ่นหวางมอบของให้ผู้ใด ล้วนไม่คิดรับคืนกลับมา”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ก็รู้ถึงความยืนหยัดของเขา เล่อเหยาเหยารู้ว่าเขามีเกียรติ จึงไม่ดื้อดึงอีก ก่อนยิ้มพลางเอ่ยว่า

“เช่นนั้นก็ดี ทว่าเพียงครั้งนี้เท่านั้น ครั้งหน้าห้ามเด็ดขาด”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างไม่วางใจ

เพราะแม้เธอจะเป็นผู้หญิง และชื่นชอบสิ่งของสวยงามเหล่านี้ แต่ผ้าแพรผ้าไหม เครื่องประทินโฉมเหล่านี้ ความจริงมากมายเกินไป ทำให้คนเห็นตาลายวิงเวียนศีรษะ

ไม่รู้สิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดราคามากมายเพียงใด!

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ คิดไม่ถึงกลับได้ยินเสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังขึ้น

เล่อเหยาเหยาถูกชายหนุ่มโอบกอด จึงรู้สึกถึงหน้าอกที่กระเพื่อมของเขา อดตะลึงชั่วขณะไมได้ แววตามองชายหนุ่มที่กำลังหัวเราะอย่างสงสัย ก่อนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่า

“อวี๋ ท่านหัวเราะอันใด”

“ฮ่าๆ เปิ่นหวางหัวเราะเจ้า”

“หา ข้า ข้ามีสิ่งใดให้น่าหัวเราะกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยากลับตะลึงงัน ก่อนได้ยินชายหนุ่มเอ่ยปากขึ้นอีกว่า

“เปิ่นหวางหัวเราะเจ้า ยังไม่ทันอภิเษกกับเปิ่นหวาง ก็เริ่มช่วยดูแลบ้านออมเงินให้แก่เปิ่นหวางเสียแล้ว ปิ่นหวางมีความสุขยิ่งนัก ที่ได้แต่งกับภรรยาที่ดีเช่นเจ้า!”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำพูดที่น่าขบขันและเย้าแหย่ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาพลันเก้อเขิน กระทั่งใบหูยังแดงก่ำ

“ฮึ ผู้ใดเอ่ยตกลงจะแต่งกับท่านกัน หน้าทนเสียจริง”

เพราะมีคนมากมายอยู่ที่นี่ เล่อเหยาเหยาจึงพูดจาค่อนข้างเบา

ทว่ายังคงดังทะลุเข้าไปในหูของทุกคน

ทุกคนที่กำลังตกตะลึงกับการตัดชายเสื้อของรุ่ยอ๋อง พลันฉุกคิดได้ทันทีว่าขันทีน้อยตรงหน้า ความจริงคือสาวงาม

ทันใดนั้นเสียงสูดหายใจดังขึ้นอีกครั้ง

ทว่าเวลานี้พวกเขาสองคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์รักจึงไม่ได้สนใจ

และเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ปล่อยมือลง ให้เล่อเหยาเหยาดูเหล่าผ้าแพรผ้าไหม เครื่องประดับตรงหน้า จากนั้นสั่งให้คนนำสิ่งของพวกนี้ไปส่งที่ห้องของเล่อเหยาเหยา

เล่อเหยาเหยาคิดว่านี่จบลงแล้ว คิดไม่ถึงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ปรบมือขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นเงาร่างสองร่างเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม

เล่อเหยาเหยาเห็นพลันดวงตาคู่งามเบิกกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เห็นเพียงตรงหน้าพวกเขาคือ เด็กสาวอายุสิบสองสิบสามคู่หนึ่ง

สาวน้อยสองคนนี้ เพียงมองก็รู้ว่าคือฝาแฝด เพราะหน้าตาท่าทางถอดแบบกันออกมาจริงๆ

สวมชุดกระโปรงสีฟ้าบนกายแบบเดียวกัน เกล้ามวยสองข้างบนศีรษะ

ใบหน้าทั้งสองต่างขาวนุ่มนิ่ม อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าสวยสดงดงาม เพียงมองทำให้ผู้คนต่างแยกพวกเธอสองคนไม่ออก

เล่อเหยาเหยาคิดไม่ออกว่าฝาแฝดที่หน้าตาคล้ายคลึงกันแบบนี้ บิดามารดาของพวกเธอ แยกพวกเธอออกได้เช่นไร

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ หลังจากสองสาวน้อยนั้นเดินเข้ามาหยุดอยู่ห่างจากเล่อเหยาเหยาสองเมตร ก็คุกเข่าลง คำนับเล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างจริงจัง

“บ่าวเซี่ยลี่ บ่าวเซี่ยผิง คารวะท่านอ๋อง”

“อืม ลุกขึ้นเถิด”

น้ำเสียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋แผ่วเบา ยามเผชิญหน้ากับสองสาวน้อยสีหน้าเย็นชา ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเล่อเหยาเหยา กลับแตกต่างราวกับเป็นคนละคน

เดิมคิดว่าสองสาวน้อยนั้นจะหวาดกลัวเหลิ่งจวิ้นอวี๋ คิดไม่ถึง สองสาวน้อยนั้นเพียงยืนยิ้มแย้มอยู่ตรงนั้น ช่างน่ารักเสียจริง

เล่อเหยาเหยาสงสัย ทว่าสิ่งที่สงสัยคือเหตุใดเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงนำตัวสาวน้อยสองคนนี้เข้ามาในวังอ๋อง

ก่อนหน้านี้เขามีกฎว่า ภายในวังอ๋องห้ามมีผู้หญิงปรากฎตัวไม่ใช่หรือ!

ขณะเล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ กลับได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยปากว่า

“นางสองคน ต่อไปจะปรนนิบัติรับใช้เจ้าโดยเฉพาะ”

“หา! ปรนนิบัติข้า”

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยามึนงงชั่วขณะ

เพราะเรื่องนี้กะทันหันเกินไป ไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยพูดมาก่อน

รวมทั้งแม้ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เธอจะเป็นบุตรสาวของมหาเศรษฐี แต่ภายในบ้านมีเพียงแม่บ้านทำอาหารและป้าทำความสะอาดโดยเฉพาะเท่านั้น คนที่ปรนนิบัติรับใช้เธอโดยตรงกลับไม่มี

อีกทั้งหลังจากมายุคสมัยนี้ เธอเป็นเพียงบ่าวตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งที่ปรนนิบัติผู้อื่นจนชินชา ตอนนี้กลับให้คนมาปรนนิบัติรับใช้เธอ เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกไม่คุ้นชิน!

หลังคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันส่ายหน้าพร้อมเอ่ยว่า

“เรื่องนี้ ข้าร่างกายยังแข็งแรง ความจริงไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นปรนนิบัติดูแล”

คำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยาเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ คิดไม่ถึงสาวน้อยสองคนที่ยืนนอบน้อมอยู่อีกด้านหลังได้ยินคำพูดเล่อเหยาเหยา เริ่มมองหน้ากัน พลันคุกเข่าลงบนพื้นอย่างกังวลร้อนใจ ก่อนเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า

“ขอร้ององค์หญิงให้พวกเราอยู่ที่นี่ด้วยเถิด พวกเราจะปรนนิบัติดูแลองค์หญิงเป็นอย่างดี ได้โปรดเถิดเพคะ!”

เอ่ยจบ เห็นเด็กสาวอายุน้อยสองคนโขกศีรษะอยู่บนพื้นทันที

เล่อเหยาเหยาเห็นพลันตกใจชั่วครู่

“หยุดโขกศีรษะได้แล้ว พวกเจ้าทำเช่นนี้ ข้าอายุสั้นพอดี”

เล่อเหยาเหยาพูดอย่างวิตกกังวล

ถึงแม้ว่าตั้งแต่มาถึงยุคสมัยนี้ จะรู้ว่าที่นี่แบ่งแยกสถานะสูงต่ำชัดเจน การคุกเข่าโขกศีรษะบนพื้นจึงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่เล่อเหยาเหยาไม่คุ้นชินกับการที่คนอื่นคุกเข่าให้เธอ

โดยเฉพาะเด็กสาวน้อยยังอายุน้อยเช่นนี้

หากอยู่ในยุคปัจจุบัน ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมต้นเท่านั้น!

พวกเธอโขกศีรษะอย่างไม่คิดชีวิตให้แก่เธอ เล่อเหยาเหยาเห็นรู้สึกตนทำมากเกินไป ราวกับเป็นการล่วงละเมิดเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

เฮ้อ สังคมศักดินาน่าตายแห่งนี้!