ขณะเล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจ คิดไม่ถึง เด็กสาวสองคนกลับไม่หยุดการทรมานตนเอง ราวกับว่าหากเธอไม่รับปาก พวกเธอจะโขกศีรษะจนตายอยู่ตรงนั้น
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น จึงใจอ่อนทำได้เพียงเอ่ยรับปาก
“เอาล่ะ พวกเจ้าอยู่ที่นี่เถิด” เพียงไม่โขกศีรษะให้เธอเพียงพอแล้ว เธอไม่ชอบเห็นการทรมานตนเองเช่นนี้
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ พลางเห็นสาวน้อยสองคนนั้นหลังได้ยินคำพูดเธอ จึงหยุดโขกศีรษะ ก่อนรีบร้อนเอ่ยขอบคุณเธอ
ทว่าเมื่อเล่อเหยาเหยาเห็นหน้าผากของทั้งสองคน เดิมทีเป็นปกติ แต่เวลานี้กลับบวมแดงเพราะโขกศีรษะ เห็นแล้วปวดใจเสียจริง
จึงขมวดคิ้วมุ่น ก่อนเอ่ยกับพวกเธอว่า
“พวกเจ้าไปใส่ยาก่อนเถิด มิฉะนั้นอาจทิ้งรอยแผลไว้ได้ วันหน้าจะแต่งออกไปลำบาก”
เซี่ยลี่และเซี่ยผิงได้ยินต่างพากกันลุกขึ้น หลังย่อกายให้แก่เล่อเหยาเหยาและเหลิ่งจวิ้นอวี๋พากันถอยออกไป
ทันใดนั้น ห้องโถงจึงเหลือเพียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋และเล่อเหยาเหยา
“เหตุใดอยู่ดีๆ จึงมอบสาวน้อยสองคนให้แก่ข้า”
“วังอ๋องนอกจากเหล่าป้าแม่ครัว ไม่มีสตรีอื่น ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์ แม้จะมีขันทีปรนนิบัติรับใช้ อาจสะดวกสบาย แต่มิอาจสู้ให้เด็กสาวสองคนนี้ดูแลเจ้า”
“เช่นนั้นหรือ”
หลังได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยารู้สึกมีเหตุผล และรู้สึกดีใจที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ใส่ใจรอบคอบเช่นนี้
ใบหน้าเรียวอดแนบชิดเข้าไปในอ้อมกอดกว้าง ก่อนถูไถพลางเอ่ยว่า
“อวี๋ เหตุใดท่านดีกับข้าเช่นนี้”
“ฮ่า ๆ ดีกับเจ้าไม่ดีหรือ หรืออยากให้เปิ่นหวางดีกับสตรีอื่น”
สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเลิกคิ้วยิ้มเอ่ยตอบไป
เล่อเหยาเหยาได้ยิน ผละออกมาเอียงหน้าเอ่ยอย่างโมโหว่า
“ท่านกล้าหรือ!”
“ฮ่า ๆ”
เมื่อเห็นท่าทางดุราวแม่เสือของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันขบขัน
ยื่นมือใหญ่ออกเกี่ยวผมที่ตกลงมาของเล่อเหยาเหยาทัดใบหู จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“ชีวิตนี้ของเปิ่นหวางมีเจ้าเพียงพอแล้ว”
“ฮ่า ๆ”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยายิ้มทั่วใบหน้า
เพราะเธอรักถ้อยคำหวานปานน้ำผึ้งของชายหนุ่มตรงหน้านี้เป็นที่สุด
เล่อเหยาเหยาคิดอย่างหวานชื่นในใจ จนอยากให้ทุกคนบนโลกรู้ว่าตนมีความรัก จึงเอียงศีรษะขบคิดก่อนเอ่ยว่า
“อวี๋ พวกเราไปเดินเล่นกันเถิด”
…
คิ้วเข้มดำขลับ โค้งงอนเกินบรรยาย
ดวงตาชุ่มฉ่ำ เมียงมองซ้ายขวา กระตุ้นเย้ายวนใจ
จมูกงอนอ่อนหวาน ฟันขาวสะอาด
ผิวหนังเกลี้ยงเกลา ลมหายใจแผ่วเบา
ผมยาวดุจเส้นไหมมวยเก็บอย่างเงียบง่ายแต่ยังคงสง่างาม บนศีรษะปักเพียงปิ่นระย้ามุกแกะสลัก พริ้วไหวไปมาตามการเคลื่อนไหวของหญิงสาว ทำให้เธอดูน่ารักชวนมองยิ่งขึ้น
กระโปรงหลัวฉวินสีขาวแกมชมพูบางเบา เปิดเผยรูปร่างอรชรบอบบางของสตรีออกมาจนหมด
หญิงสาวในกระจก มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายเธอ[1]
เมื่อเห็นหญิงสาวในกระจก ไม่เพียงแต่เล่อเหยาเหยา กระทั่งเซี่ยผิงและเซี่ยลี่ที่ปรนนิบัติอยู่ด้านข้างพลันมองอย่างตกตะลึง
“สวรรค์ องค์หญิง ท่านงดงามเหลือเกิน” แววตาเซี่ยลี่ที่มีนิสัยค่อนข้างร่าเริงแจ่มใสแฝงด้วยความตกตะลึง ก่อนชื่นชมอย่างไม่เกรงใจ
เซี่ยผิงที่ค่อนข้างเงียบขรึมด้านข้างก็รีบเอ่ยเช่นเดียวกันว่า
“ใช่ นี่เป็นครั้งแรกที่บ่าวได้เห็นสตรีที่งดงามเช่นนี้ มิน่าท่านอ๋องจึงชื่นชอบองค์หญิงยิ่งนัก”
“ฮ่า ๆ”
ทุกคนต่างมีใจรักในความสวยความงาม หลังได้ยินคำพูดของสองคนด้านหลัง เล่อเหยาเหยาถูกชื่นชมจนตัวลอย
เพราะเธอเห็นด้วยกับคำพูดของทั้งสองคนอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้เธอรู้ว่าเมื่อตนข้ามเวลามาอยู่ร่างนี้ รูปร่างหน้าตาถือไม่เลว คิดไม่ถึงไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง คำพูดนี้ไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว
หลังผ่านการแต่งตัว ขันทีปลอมที่หน้าตาดั่งหยกแกะสลักก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นสาวงามล่มเมือง สดใสมีชีวิตชีวาผู้หนึ่ง!
สวรรค์!
การข้ามเวลาครั้งนี้ของตน ช่างคุ้มค่าเสียจริง!
ยิ่งคิดเล่อเหยาเหยายิ่งดีใจ
ขณะที่ดีใจ ในใจอดมีใบหน้าคนผู้หนึ่งลอยขึ้นมาไม่ได้
พลางคิดในใจว่าตนแต่งกายเช่นนี้ เขาจะชื่นชอบหรือไม่
เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก่อนรู้สึกใจร้อนอยากให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นการแต่งกายเช่นนี้ของตน
เพราะผู้หญิงตั้งใจประทินโฉมเพื่อคนรัก!
เธอจึงอยากให้ชายที่ตนรักเห็นถึงด้านที่งดงามที่สุดของตน!
เล่อเหยาเหยาในใจคิดสิ่งใด พลันทำสิ่งนั้นทันที จึงไม่รอเซี่ยลี่และเซี่ยผิงที่อยู่ด้านข้าง ยกฝีเท้าวิ่งรีบร้อนออกไปที่ประตู
รอยยิ้มดีใจมีความสุขบนใบหน้านั้น กระจายไปทั่วใบหน้าเล็กงดงาม
ทว่าใบหน้าเล่อเหยาเหยามีรอยยิ้มอยู่ได้ไม่นาน พลันถูกความตื่นตระหนกหวาดกลัวเข้ามาแทนที่
เพราะก่อนหน้านี้คุ้นเคยกับการสวมชุดขันที
เสื้อผ้าบุรุษและสตรีในยุคโบราณถือว่าแตกต่างกันอย่างมาก กระโปรงของสตรีแม้จะสวยงาม ทว่ากลับยาวมากเกินไป ดังนั้นเพียงเล่อเหยาเหยาไม่ระวังตัว เหยียบเข้าที่ชายกระโปรงของตนเอง ทันใดนั้นร่างกายสูญเสียการทรงตัว กระโจนพุ่งไปด้านหน้า
“องค์หญิงระวังเพคะ”
คำพูดของเซี่ยลี่และเซี่ยผิงดังมาจากด้านหลัง ทว่าน่าเสียดายพวกเธออยู่ห่างจากเล่อเหยาเหยาเกินไป จึงไม่อาจช่วยเหลือได้ เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยากำลังจะล้มลงบนพื้นอยู่ตรงหน้า เซี่ยลี่และเซี่ยผิงตกใจอย่างหนัก
ส่วนเล่อเหยาเหยาก็ตกใจเช่นกัน ทว่าสิ่งแรกที่ทำคือใช้สองมือปกป้องหน้าท้องตนเอาไว้
เดิมคิดว่าครั้งนี้ตนต้องเจ็บปวดอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ เล่อเหยาเหยาจึงปิดตาลงอย่างตกใจ เตรียมตัวรับความเจ็บปวดที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทว่าความเจ็บปวดที่คาดคิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น สิ่งที่รองรับเธอไม่ใช่พื้นเย็นยะเยือก แต่เป็นอ้อมกอดหนา
“แม้จะร้อนรนอยากพบหน้าเปิ่นหวาง ก็มิควรรีบร้อนเช่นนี้ เป็นมารดาคนแล้ว ไม่กลัวผู้อื่นหัวเราะเยาะหรือ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหู กลิ่นคุ้นเคย ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ใจเต้นระรัว สงบลงในที่สุด
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดแฝงการเย้าแหย่ของชายหนุ่ม พลันทำให้เล่อเหยาเหยาแก้มร้อนผ่าว ก่อนแดงก่ำทั่วสองแก้ม ราวแต่งแต้มสีสัน!
“ผะ…ผู้ใดรีบร้อนอยากเจอท่านกัน หน้าไม่อายเสียจริง”
เล่อเหยาเหยามักเขินอายเมื่อถูกคนล่วงรู้ความในใจ จึงพูดจาตะกุกตะกัก
ทว่าใบหน้าจิ้มลิ้มกลับก้มต่ำลง ไม่รู้เขินอายหรือเพราะเหตุใด
แต่ทันใดนั้น กลับมีนิ้วเรียวยาวจับคางเธอเชิดขึ้นมา
ด้วยแรงของนิ้วนั้น ดวงตาคู่งามแฝงความเขินอายของเล่อเหยาเหยาสบเข้ากับดวงตาเย็นชามืดมิดดุจยามราตรีคู่นั้นอย่างช้าๆ ประหลาดใจและดีใจที่ค่อยๆ เห็นความตกตะลึงในแววตาของชายหนุ่ม
เพราะความงดงามของตนสามารถทำให้ชายคนรักชื่นชอบได้ ถือเป็นเรื่องที่ทำให้คนมากมายรู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจ
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่ดีใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ตรงข้ามกลับตกตะลึงทั้งหัวใจและดวงตา
“สวรรค์ เหยาเหยา เจ้างามยิ่งนัก”
งดงามจนทำให้เขาหัวใจเต้น!
เห็นเพียงหญิงสาวตรงหน้า หน้าตางดงามราวภาพวาด ดวงตาชุ่มฉ่ำ โดดเด่นเหนือผู้ใดอย่างชัดเจน!
และบุคลิกสดใสที่ออกมาจากตัวเธอดุจเทพเซียนที่หลงผิดเข้ามาในโลกมนุษย์ ลงมาคลุกคลีกับเรื่องทางโลกนั้น ทำให้คนสงสารและชื่นชอบ
และเพียงนึกถึงว่าหญิงสาวตรงหน้านี้ เป็นผู้หญิงของเขา ใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตื่นเต้นขึ้นมา
และไม่สนใจว่าด้านหลังมีคนอยู่ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก้มหน้าลงอย่างลืมตัว ก่อนจุมพิตสาวน้อยตรงหน้าที่ทำให้เขาใจเต้นไม่หยุดอย่างดูดดื่ม
[1] คำเปรียบเปรยถึงสาวงามเยี่ยมยอดที่สุดสี่คนของจีน ได้แก่ ไซซี หวังเจาจวินเตียวเสี้ยน และหยางกุ้ยเฟย