ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งด่าทออีกครั้ง “ตอนนี้ถึงคราเจ้ามาสั่งสอนข้าแล้วหรือ ข้ารู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเจ้ารังเกียจข้า กลัวว่าข้าจะตายช้าใช่ไหม!”
หวางฮูหยินไม่อยากมากความแต่อย่างไร แค่สั่งบ่าวรับใช้ของตน “ไปยกเกี้ยวเบาะนุ่มมาแล้วพาคุณหนูรองกลับไปพักฟื้นที่เรือนของข้า!”
พวกบ่าวรับใช้พลันรับคำแล้วเดินจากไป
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งยังคงกระแทกไม้เท้าสบถหยาบขึ้น หวางฮูหยินไม่พูดไม่จา เจียงซื่อก็ก้มหน้ายืนอยู่ตรงนั้น
ไม่นานเหล่าบ่าวไพร่ก็ยกเกี้ยวเบาะนุ่มเข้ามาจริงๆ หวางฮูหยินสั่งการเจียงซื่อ “ไปเก็บข้าวของน้องสาวเจ้า แล้วส่งมาเรือนของข้า วันข้างหน้าข้าจะเป็นคนสั่งสอนให้นางปฏิบัติตนอย่างไรให้มีคุณธรรม! จะได้ไม่ปฏิบัติตนไร้มารยาทตอนออกเรือนในภายภาคหน้า คนอื่นก็จะไม่ว่ากล่าวตำหนิตระกูลที่ให้กำเนิดนาง!”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งได้ยินจึงเครียดจนพูดอะไรไม่ออก แค่ใช้นิ้วมืออันสั่นเทาชี้หน้าหวางฮูหยิน สุดท้ายก็ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ แล้วสลบหมดสติไป
หวางฮูหยินเห็นเช่นนี้ จึงสั่งการ “ไปเชิญหมอมาเร็ว!”
เหยาเยี่ยนอวี่ลงจากเตียง “ท่านแม่อย่ากังวลใจไปเลย ท่านย่าแค่โมโหจนหมดสติไปเท่านั้น ให้ข้าดูอาการหน่อยเถอะ” ขณะที่พูด จึงเดินเข้าไปจับชีพจรของฮูหยินผู้เฒ่า จากนั้นสั่งการชุ่ยเวย “เอาเข็มเงินมา”
ชุ่ยเวยเปิดตลับพลางยื่นเข็มเงินไป เหยาเยี่ยนอวี่ฝังเข็มให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งทันที ผ่านไปไม่นาน ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งทอดถอนหายใจยาว แล้วอาการถึงจะค่อยๆ ดีขึ้น
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่รอให้นางพูดอะไร แล้วฝังเข็มตรงจุดเลือดลมทันที ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งสะลึมสะลือจนหมดสติอีกครั้ง
หวางฮูหยินกลัวว่าตนจะถูกหมายหัวว่าเป็นคนที่ทำให้แม่สามีเคร่งเครียดจวนสิ้นใจ จึงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เป็นอย่างไรบ้าง”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจาง แล้วพูดขึ้น “ท่านแม่วางใจเถอะ ท่านย่าไม่เป็นไรหรอก แค่ให้นางนอนพักเสียหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”
ผัวจื่อร่างกำยำที่อยู่ด้านข้างก็ช่วยกันพยุงฮูหยินผู้เฒ่าซ่งไปนอนบนตั่งไม้ข้างๆ หวางฮูหยินก็ดึงผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวฮูหยินผู้เฒ่า เหล่าสาวใช้และผัวจื่อที่คอยปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าในก่อนหน้านี้ ถูกหวางฮูหยินไล่ออกไปลงโทษโดยการคุกเข่าอยู่ใต้ชายคาระเบียงทั้งหมด เหตุเพราะปรนนิบัติรับใช้ได้ไม่ดี!
ดังนั้นในเรือนจึงเงียบสงัดลงทันที หนิงซื่อลอบถอนหายใจหนึ่งครั้ง
“เฮ้อ…” หวางฮูหยินถอนหายใจลากยาว พลางส่ายหัวอย่างประหม่า “นี่มันเรื่องน่ากระวนกระวายอะไรกัน ถ้าพูดออกไป! คนอื่นคงจะหัวเราะเยาะจนฟันร่วงหมดปาก!”
เหยาเยี่ยนอวี่หันมองคุกเข่าลงตรงหน้าหวางฮูหยิน แล้วหมอบกราบลง “ลูกเองที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ทำให้ท่านแม่ลำบากใจแล้ว ท่านแม่ได้โปรดยกโทษลูกเถอะ”
หวางฮูหยินก้มหน้าลงมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่สวมใส่เสื้อผ้าตัวในพลางคุกเข่าอยู่บนพื้น เรือนร่างยิ่งอยู่ยิ่งซูบผอม สภาพดูเปราะบางนัก ด้วยเหตุนี้จึงยิ้มขมขื่นพลางยื่นมือไปพยุงนางขึ้น แล้วลูบไล้ใบหน้าของนาง พร้อมเปรยขึ้น “เด็กดี นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกซาบซึ้งใจทันที น้ำตาไหลร่วงหล่นลงมา
หวางฮูหยินยกมือซับน้ำตาตรงแก้มของเหยาเยี่ยนอวี่ พลางพูดขึ้น “ตอนนี้เจ้าไม่ควรอาศัยในเรือนอีกต่อไป บอกให้คนเก็บข้าวเก็บของ แล้วส่งเจ้าไปอาศัยอยู่ข้างจวนอย่างสงบสุขสองสามวันเถอะ แล้วบอกคนข้างนอกว่าเจ้าทำให้ท่านย่าเครียดจนถูกข้าลงโทษให้ไปพิจารณาความผิดที่บ้านนา ผ่านไปสักพักจะรับเจ้ากลับมา”
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ลูกน้อมรับคำสั่งของท่านแม่เจ้าค่ะ”
หนิงซื่อพลันพูด “คุณชายรองมีบ้านนาในเขตชานเมือง น้องรองไปพักอาศัยที่นั่นก่อนเถอะ กิจธุระฝั่งโน้นก็ต้องการความช่วยเหลือจากน้องสาวพอดี”
หวางฮูหยินพยักหน้า “ได้ เจ้าสั่งให้คนไปจัดการเถอะ”
“เจ้าค่ะ” หนิงซื่อรับคำ แล้วหันหลังเดินออกไปสั่งการให้คนไปทำความสะอาดเรือนในบ้านนา
วันนั้น รถม้าสองคันส่งเหยาเยี่ยนอวี่ เฝิงหมัวมัวและสาวใช้อีกหลายคน พร้อมด้วยของใช้ส่วนตัวของนางออกจากจวนข้าหลวงใหญ่ มุ่งหน้าไปยังบ้านนาตรงเขตชานเมืองของเหยาเหยียนอี้
ทุกคนในจวนข้าหลวงใหญ่ล้วนรู้ว่าคุณหนูรองทะเลาะถกเถียงกับฮูหยินผู้เฒ่า จนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าหมดสติ จนถูกฮูหยินลงโทษให้ไปพิจารณาความผิดที่บ้านนา ทว่าเหตุผลแท้จริงคืออะไร ก็มีเพียงคนสนิทไม่กี่คนที่รู้ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนสนิท ต้องไม่ใช่ผู้ที่ปากพล่อยอยู่แล้ว
ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งได้สติอีกครั้งก็เป็นถึงรุ่งเช้าของวันถัดไป นางลืมตาขึ้นก็สังเกตเห็นว่าอยู่ในเรือนของตน หลังจากครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นไปสักพัก ก็สั่งให้คนมาปรนนิบัติรับใช้นางตื่นนอน ทว่า สาวใช้ที่เข้ามากลับไม่ใช่คนที่คอยปรนนิบัติรับใช้นางในก่อนหน้านี้
“เจ้าเป็นใคร! ซวงสี่ล่ะ!” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเอ่ยถามอย่างโกรธเคือง
“มารดาของซวงสี่ป่วยเจ้าค่ะ จึงถูกพี่ชายนางรับกลับบ้านเกิด บ่าวนามว่าจื่อเยียน จะมาปรนนิบัติรับใช้ท่านฮูหยินผู้เฒ่าตื่นนอนเจ้าค่ะ”
“ไสหัวออกไป!” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งยกมือผลักคนๆ นั้นออก “ไปเรียกจ้าวเจียมา!”
“เมื่อคืนป้าจ้าวกินอะไรผิดไปจนท้องเสีย เวลานี้ยังลุกขึ้นไม่ไหวเจ้าค่ะ!” จื่อเยียนเดินหน้ามาด้วยความเคารพ แล้วเอาเสื้อมาคลุมบนเรือนร่างของนาง
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเข้าใจกระจ่างแจ้งทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่ายังคงไม่ตายใจ จึงตะโกนขานเรียก “ซวงฝู! ซวงกุ้ย!”
ข้างนอกประตูมีสาวใช้สองคนที่หน้าตาละมุนละไมเข้ามาทันที แม้นจะสวมใส่ชุดสีไม้ไผ่เช่นกัน ทว่ากลับไม่ใช่ซวงฝูและซวงกุ้ย
สาวใช้สองคนค้อมตัวพลางพูดอย่างพร้อมเพรียง “บ่าวนามว่าซินเอ๋อร์ หรงเอ๋อร์ น้อมทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
“พวกเจ้า…” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเครียดจนร่างสั่นเทิ้ม “ใครสั่งให้พวกเจ้าเข้ามาในเรือนของข้า! ไสหัวออกไปให้หมด!”
สาวใช้ทั้งสามมองหน้ากัน จากนั้นถอยออกไปอย่างพร้อมเพรียง “เจ้าค่ะ บ่าวขออำลาเจ้าค่ะ”
พวกนางได้รับการสั่งสอนมาว่า ทุกอย่างให้เคารพในการตัดสินของฮูหยินผู้เฒ่า นางสั่งให้ไปทางทิศตะวันออก ก็ห้ามไปทิศตะวันตกเด็ดขาด นางสั่งให้ทำอะไร ก็ห้ามขัดขืนเด็ดขาด ตอนนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้พวกนางไสหัวออกไป พวกนางก็ต้องออกไปอย่างเชื่อฟัง
ในเรือนอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงฮูหยินผู้เฒ่าซ่งผู้เดียว
“สวรรค์!” จู่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างเสียงดัง “อย่าทำให้ตระกูลซ่งของข้าหมดสิ้นความหวังสิ!”
ใต้ชายคาระเบียงนอกประตู สาวใช้เหล่านั้นยืนอย่างเป็นระเบียบ พอได้ยินเสียงร้องไห้ หนึ่งในสาวใช้เงยหน้าพลางมองไปในเรือน
สาวใช้หนึ่งคนที่อยู่ด้านข้างพลันพูด “ห้ามแอบดูเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย! เจ้าอยากให้พวกเราถูกลงโทษพร้อมเจ้าหรือไร”
สาวใช้คนนั้นก้มศีรษะลงอย่างประหลาดใจแล้วไม่กล้าแค่นเสียงใดๆ
หลายวันมานี้ จวนจิ้งหนานปั๋วเชิญหมอมาจ่ายยาตลอด ฮูหยินผู้เฒ่าจิ้งหนานปั๋วร้องไห้จนตาแทบบอด
ซ่งเหยียนชิงดื่มยาต้มอย่างมากโขราวกับดื่มน้ำเปล่า แค่ว่าตุ่มแดงพวกนั้นกลับไม่ลดน้อยลง
ฮูหยินผู้เฒ่าจิ้งหนานปั๋วพูดเสียงสะอื้น “พี่สาวบอกว่าจะให้คุณหนูรองเหยามารักษาเหยียนชิงไม่ใช่หรือ สองวันผ่านไปแล้ว ไยไม่เห็นนางมาอีก”
ฮูหยินจิ้งหนานปั๋วเปรยขึ้น “ข้าสั่งให้คนไปถามมาแล้ว คุณหนูรองเหยาทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเครียดจนเป็นลม จึงถูกฮูหยินของตระกูลของพวกเขาลงโทษโดยให้นางไปพิจารณาความผิดที่บ้านนา!”
“พิจารณาความผิดอะไรกันเล่า จะพิจารณาอะไรก็ควรมาดูอาการให้เหยียนชิงก่อนค่อยว่ากันหรือเปล่า!” ฮูหยินผู้เฒ่าจิ้งหนานปั๋วร้องไห้พลางด่าทอ “เพราะนางจิ้งจอกน้อยคนนั้นของตระกูลพวกเขาสร้างเรื่องไว้แท้ๆ! ชิงเอ๋อร์ของข้าถึงตื่นตกใจจนป่วยไข้! ก็แค่บุตรีอนุภรรยาที่ต่ำทรามเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่านางอาจจะมีใจยั่วยวนชิงเอ๋อร์ เพื่อยกระดับขึ้นมาเป็นคนที่มีฐานะสูงส่งก็ได้! ตอนนี้กลับยอดเยี่ยมจริงๆ พวกเจ้าว่ากล่าวตำหนิบุตรชายของตนเองก่อน วันนี้พอบุตรของตนป่วย กลับไม่สนใจใยดีกระนั้นหรือ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าจิ้งหนานปั๋วมีต้นกล้าเพียงต้นเดียวของตระกูล จะไม่ให้รักใคร่และเอ็นดูได้อย่างไร
เวลานี้พอถูกแม่สามีสบถหยาบอีกครั้ง ไฟแห่งความเคืองแค้นที่สะสมมาหลายวันก็ลุกโชนขึ้นทันที ด้วยเหตุนี้จึงแย้มยิ้มอย่างเลือดเย็น “ท่านแม่พูดอย่างกับว่าข้ากำลังเฝ้ามองชิงเอ๋อร์ตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นแหละ ฮูหยินผู้เฒ่าเหยาเป็นพี่สาวของตระกูลพวกเรา เป็นพี่สาวบุตรีภรรยาเอกคนโตของท่านพ่อ นางไม่แยแสเช่นนี้ พวกเราที่เป็นรุ่นผู้น้อยจะทำอย่างไรได้”