“แม้นท่านอยากให้ข้าไปเป็นเพื่อนท่านที่เผ่าปีศาจ แต่ท่านก็ควรบอกเหตุผลที่ไปตรงนั้นกับข้าด้วย”

“ได้ยินว่าที่นั่นบรรยากาศดี ข้าจะพาท่านไปกินลมชมวิวเสียหน่อย”

“……”

วิวสวยงั้นหรือ?

เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนอื่นบอกว่าทิวทัศน์ภูเขาพิศวิญญาณสวยงาม

สาเหตุที่ภูเขาพิศวิญญาณเรียกว่า ภูเขาพิศวิญญาณ เพราะว่าเมื่อเหยียบย่างภูเขาลูกนั้นแล้วก็จะเหลือแต่วิญญาณ

เห็นได้ชัดว่านางไม่อยากให้เซี่ยวอวี้เซวียนไปเสี่ยงอันตรายกับนาง แต่ตัวนางกลับไม่รู้เส้นทางไปยังเผ่าปีศาจ และยิ่งไม่มั่นใจว่าจะช่วยคนออกจากเงื้อมมือเผ่าปีศาจได้หรือไม่ จึงได้ลากเขาให้ตกกระไดพลอยโจนไปด้วย

ยังกล้าทำหน้าเอ้อระเหยลอยชายบอกว่าที่นั่นมีทิวทัศน์ที่สวยงามอีก

นางผู้นี้ใจไม้ไส้ระกำจริงแท้ ไม่กลัวเขาจะตายหรือไร

ถึงกระนั้น อี้เฉินเฟยก็หาสรรหาอาชาชั้นเยี่ยมมาสองตัว แล้วนำกู้ชูหน่วนไปยังภูเขาพิศวิญญาณอย่างเร็วไว

ไม่นานทั้งสองก็เดินทางมาถึงตีนเขาพิศวิญญาณ

เมื่อยืนอยู่ตีนเขา กู้ชูหน่วนรู้สึกมีลมเย็นพัดเข้ามาเป็นระลอก มีกลิ่นคาวโลหิตลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศแบบจาง ๆ จึงไม่รู้ว่ามีคนตายบนภูเขาแล้วกี่ชีวิต

“หากเข้าภูเขาลูกนี้แล้วก็คือหน่วยกองธงกล้วยไม้แล้ว”

กู้ชูหน่วนแหงนหน้ามอง ที่นั่นมีภูเขามากมาย เรียงรายติดกันเป็นทอด ๆ ซึ่งไกลจนสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่ลูก

นางเลิกคิ้วถาม “ท่านอย่าบอกข้านะว่า ภูเขาที่ติดกันพวกนี้ล้วนเป็นของหน่วยกองธงกล้วยไม้”

ใบหน้าอี้เฉินเฟยเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นขึ้น พลางกล่าวชื่นชมอย่างใจกว้าง “คุณหนูสามช่างเก่งกาจยิ่ง กระทั่งสิ่งนี้ก็ทายถูก”

“……”

สมองกู้ชูหน่วนเสมือนมีเส้นด้ายลื่นลงไปสามเส้น

ภูเขามากมายเช่นนี้ นางจะไปหาเยี่ยเฟิงได้จากที่ไหน?

“มีวิธีหาตัวเยี่ยเฟิงเจอไหม?”

กู้ชูหน่วนไม่เชื่อว่าอี้เฉินเฟยจะธรรมดาอย่างที่เห็นกันภายนอก

ถึงแม้ไม่รู้ว่าเขามีอำนาจฝ่ายใด ทว่าวรยุทธของอี้เฉินเฟยย่อมสูงกว่าเยี่ยเฟิงหลายเท่าแน่

อยากออกจากเงื้อมมือเผ่าปีศาจอย่างปลอดภัย การดึงอี้เฉินเฟยเข้ามาเกี่ยวข้องย่อมเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแน่นอน

“เพียงเพื่อเยี่ยเฟิงที่ไม่สำคัญอะไร ท่านถึงกับเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยง มันคุ้มแล้วรึ?”

อี้เฉินเฟยกล่าวเสียงราบเรียบ ทว่ากู้ชูหน่วนกลับรู้สึกขมฝาดอย่างแปลกประหลาด คล้ายกับผสมปนเปไปด้วยความเศร้าและการทักท้วงไว้ด้วย

“เขาไม่ใช่เยี่ยเฟิงที่ไม่สำคัญ แต่เขาเป็นเพื่อนของข้า” คำว่าเพื่อนครอบคลุมทุกอย่าง

มุมปากอี้เฉินเฟยขยิบ ลั่นหนึ่งประโยคอย่างเหนือการคาดหมาย

“เมื่อก่อนท่านไม่เคยเสี่ยงอันตรายเพราะคนไม่สำคัญ”

“ท่านพูดกระไรนะ”

“ไม่มีอะไร”

“เช่นนั้นพวกเราจะเข้าไปได้ยังไง”

มือใหญ่ของอี้เฉินเฟยสะบัด หมอกพิษตรงหน้าก็จางหายอย่างน่าอัศจรรย์

กู้ชูหน่วนรู้สึกตะลึงพรึงเพริดในใจ ทว่าใบหน้ากลับประดับรอยยิ้มแล้วเอื้อนเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้วเชียว หากติดตามท่านพี่เฉินเฟยก็ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”

“ท่านพี่เฉินเฟยเคยมาแล้วรึ” นางก็สามารถแก้หมอกพิษนี้ได้ ทว่าต้องใช้วัตถุดิบเข้าช่วย

ดวงตาแสนอบอุ่นของอี้เฉินเฟยมีประกายแสงเย็นยะเยือกแวบผ่าน ทว่าก็หายไปในชั่วพริบตา

คล้ายกับว่าเขาไม่อยากเอ่ยถึง จึงกล่าวเสียงเรียบว่า “ไม่คุ้นทาง”

ไม่คุ้นทาง?

ไม่ชำนาญเส้นทางแล้วยังสามารถนำนางอ้อมภูเขาอาบยาพิษที่คร่าชีวิตคนได้ ทั้งยังรู้ภูมิทัศน์อย่างละเอียดอีกด้วย

“ผ่านภูเขาลูกนี้ไปแล้ว ยังต้องผ่านภูเขาอีกเจ็ดลูกใหญ่ จากนั้นจึงจะถูกศูนย์กลางหน่วยกองธงกล้วยไม้”

“ภูเขาเจ็ดลูกใหญ่?”

อย่างนี้ต้องเดินไปถึงเมื่อไหร่?

หรือว่า……ตอนนั้นให้เวลาเยี่ยเฟิงน้อยเกินไป เวลาหนึ่งวันจึงไม่เพียงพอให้เขาไปกลับหนึ่งเที่ยว

“ใช่ ภูเขาเจ็ดลูกใหญ่นี้ยังมียามเฝ้าอย่างหนาแน่นอีกด้วย บุกเข้าไปยากมาก”

“แต่ท่านพี่เฉินเฟยต้องมีวิธีบุกเข้าไปแน่นอน จริงไหม?” กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย

“ท่านนี่นา รู้ไส้รู้พุงข้าจัง”