ตอนที่ 215 ท่านทูตหลิวเชียนฮ่วน

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

หงโต้วถูกหมัดของเด็กผู้หญิงจัดการในเสี้ยววินาที

ดวงตาของมันสูญเสียโฟกัส วูบหมดสติไป ร่างกายเริ่มถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายไปช้าๆ

เมื่อตงเยี่ยนเห็นฉากที่น่ากลัวนี้ ก็หลบอยู่หลังก้อนหิน พยายามอำพรางกลิ่นอายสุดความสามารถ เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมา

พับผ่าสิ ความเร็วและพลังแบบนี้เหนือขอบเขตที่มันจะเข้าใจได้อย่างสิ้นเชิง

ความสามารถแตกต่างกันเช่นนี้จะแย่งจอกศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรอีก แค่ออกไปก็ตายแล้ว!

หงโต้วผู้น่าสงสาร พูดไปประโยคเดียวก็ตกรอบเสียแล้ว…

หลังตงเยี่ยนสงสารเพื่อนของตนหนึ่งนาทีแล้ว ก็ลอบสังเกตเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง

ไม่สิ! ตงเยี่ยนได้สติ ส่ายหน้าหวือ คิดในใจว่า ‘ลอบสังเกตพระราชินีอีกครั้งต่างหาก…’

พระราชินีเบะปากเมื่อเห็นหงโต้วหายไป กลับมานั่งหน้าตะแกรงย่างอีกครั้ง พลิกตะแกรงแล้วทำหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าสิ่งที่ทำไปไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง

ขณะเดียวกัน พวกอันหลินก็ได้ยินคำประกาศหงโต้วตกรอบด้วยเช่นกัน พรั่นพรึงใจเล็กน้อย

“ไม่คิดเลยว่าพวกหอสร้างโลกจะไวกว่าพวกเรา” สายตาของหลิวเชียนฮ่วนฉายความตะลึง

“สาเหตุที่ตกรอบ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าพวกมันจะเจอจอกศักดิ์สิทธิ์ บางทีอาจถูกตัวแทนของอิทธิพลอื่นจัดการก็ได้” หวังเสวียนจ้านยิ้มบางๆ แสดงสีหน้าไม่แยแส

อันหลินยักไหล่ “หากว่าเป็นเช่นนี้จริง อิทธิพลที่จัดการหอสร้างโลกคงจะเบื่อจริงๆ…”

บทสนทนาที่คล้ายคลึงกันก็เกิดขึ้นกับพวกสวนเอเดนเช่นกัน นอกจากตัวแทนทุกคนจะตกใจแล้ว แทบจะไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากนัก

ในจัตุรัสฟ้าคราม หวงส่านกับหงโต้วจากหอสร้างโลกนอนปางตายเหนือค่ายกลรักษา เหม่อมองภาพบนหน้าจอผลึกหินเงียบๆ

ผ่านไปชั่วครู่ หงโต้วถึงได้พึมพำว่า “นึกถึงตอนนั้น จิตใจของพวกเราฮึกเหิมมากเพียงใด จองจำสวนเอเดนก่อน จากนั้นทำให้นักบวชกริ่งเกรง อับดับหนึ่งง่ายดายเพียงเอ่ยปาก ตอนนี้กลับปิดฉากด้วยศูนย์…”

เปรี้ยง!

สายฟ้าสีทองฟาดลงกลางศีรษะของหงโต้ว ควันลอยโขมง

“เจ้า…เจ้าผ่าข้าทำไม” หงโต้วงุนงง มองหวงส่านด้วยความโกรธเกรี้ยว

“เพราะเจ้ามันปากมากน่ะสิ หากไม่ใช่เพราะคนเยอะ ข้าจะพุ่งไปฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้แน่!” หวงส่านโมโหทันทีเมื่อได้ยินหวงส่านพูด บัดนี้จดจ้องมันด้วยแววตาเย็นเยียบ

หงโต้วหดตัว สัมผัสได้ว่าความเย็นแผ่คลุมไปทั่วร่าง

ใช่แล้ว มันเป็นจิตสังหารของหวงส่าน มันไม่ได้ล้อเล่น!

ณ เทือกเขาจงหลง ตัวแทนทั้งสามของสรวงสวรรค์ยังเหาะเหินค้นหาสถานที่ต้องสงสัย

“ตอนนี้จวนจะออกจากอาณาเขตของเทือกเขาจงหลงแล้ว แต่ยังไม่พบอะไรเลย ผิดทางหรือไม่” อันหลินพูดอย่างกังวล

“ผิดก็ผิดสิ ข้าปรับพิกัดสองครั้งแล้ว ไม่มีแรงจะวางค่ายกลตามปราณแล้ว!”

วางค่ายกลตามปราณสิ้นเปลืองกำลัง หลิวเชียนฮ่วนทำหน้ามุ่ยเบนสายตามองทางอื่น ไม่สนใจคำพูดของอันหลินอีก

หวังเสวียนจ้านเองก็รู้ว่าเรื่องนี้บังคับกันไม่ได้ ยืนยันตำแหน่งคร่าวๆ ได้ก็ไม่เลวอย่างยิ่งแล้ว ตอนนี้จึงกวาดสายตามองรอบทิศ พยายามมองหาเบาะแสร่องรอย

“เอ๊ะ เหมือนว่าจะมีแสงไฟจากภูเขาลูกนั้น” เขามองภูเขาสูงที่อยู่ไกลโพ้น ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา

“แสงไฟหรือ คงจะไม่ใช่ที่พักของตัวแทนอิทธิพลอื่นหรอกนะ” อันหลินก็เห็นแสงไฟรางๆ นั่นเช่นกัน ดูไกลๆ มันเหมือนแสงดาวที่พร่างพราวท่ามกลางรัตติกาล

“ไปกันเถอะ…เราไปดูกันหน่อย หากว่าเป็นพวกเมืองพุทธหรือสวนเอเดน พวกเราก็หาโอกาสทำให้พวกเขาตกรอบไป” หลิวเชียนฮ่วนเองก็พูดอย่างตื่นเต้นเช่นกัน

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านก็คิดไม่ต่างกันมากนัก หากจะแย่งชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ทอง สู้ทำให้พวกเขาตกรอบยังง่ายดายกว่า อย่างไรเสียตอนนี้พวกเขาก็มีคะแนนรวมสูงสุด หากอีกฝ่ายตกรอบ เช่นนั้นพวกเขาก็ได้ที่หนึ่งแล้วไม่ใช่หรือ

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามจึงเริ่มเหาะไปทางแสงไฟอย่างโจ่งแจ้ง

พวกอันหลินแน่นิ่งไปเมื่อเห็นบุคคลที่อยู่บริเวณแสงไฟ

เด็กผู้หญิงชุดขาวที่รูปโฉมอ่อนวัยกำลังสวาปามขาหมูอยู่ เหลือบมองพวกเขาทั้งสามที่อยู่ตรงหน้านิ่งๆ

ตงเยี่ยนที่ลอบสังเกตการณ์เห็นทั้งสามคนโผล่มาแบบนี้ จึงเริ่มพึมพำอย่างสะใจว่า “หุนหันเข้าใกล้จอกศักดิ์สิทธิ์ทองเช่นนี้ คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว หวังเสวียนจ้านค่อนข้างแข็งแกร่ง น่าจะต้านได้สองหมัด…”

นักเรียนในจัตุรัสฟ้าครามก็ใจจดใจจ่อ เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาแล้ว

พวกเขาเคยเห็นความสามารถของเด็กผู้หญิงคนนั้นประจักษ์แก่ตา ตอนนี้ตัวแทนของสรวงสวรรค์ปรากฏตรงหน้านางเช่นนี้ สถานการณ์นี้เรียกได้ว่าอันตรายอย่างยิ่ง

เด็กหญิงชุดขาวมองแขกไม่ได้รับเชิญทั้งสามคนตรงหน้า ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ เอียงหัวเล็กน้อย

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านเกร็งไปทั้งตัว พวกเขาเห็นจอกศักดิ์สิทธิ์ทองที่นูนออกมาจากมงกุฎนั่น!

หลิวเชียนฮ่วนเองก็สังเกตเห็นมงกุฎบนหัวของเด็กหญิงแล้วเช่นกัน นัยน์ตาสีม่วงลุกวาว พูดอย่างตื่นเต้นด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ “มงกุฎเหนือศีรษะของเจ้า เจ้าคือ…พระราชินี!”

อันหลิน “…”

หวังเสวียนจ้าน “…”

ตงเยี่ยน “…”

อันหลิน หวังเสวียนจ้านกับตงเยี่ยนต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านตกใจกับความคิดที่เหลวไหลเกินเหตุของหลิวเชียนฮ่วน

แต่ตงเยี่ยนกลับ ‘ให้ตายสิ อารัมภบทขั้นเทพแบบนี้มันเรื่องอะไรกันแน่! นางรู้ได้อย่างไรว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นพระราชินี โกงหรือ ใช้เส้นสายหรือ!’

เด็กหญิงชุดขาวก็ชะงักไปเช่นกัน

เมื่อได้สติ สีหน้าของนางก็ผ่อนคลายลง ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เป็นคนที่ฉลาดอยู่เหมือนกัน ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้พูด ว่ามา มีธุระอันใด”

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านตะลึงอีกครั้ง เด็กผู้หญิงยิ้มแล้ว!

ใช้อารัมภบทแบบนี้สามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องแคล่วเสียด้วย! อีกอย่าง เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นราชินีจริงๆ หรือ!

ชั่วขณะที่ใช้ความคิด พวกเขาก็เบนสายตามองหลิวเชียนฮ่วนอีกครั้ง ใบหน้ามีแต่ความเหลือเชื่อ ราวกับกำลังมองตัวโกง

เด็กผู้หญิงถามพวกเขาว่ามาที่ทำไม นี่มันเหลวไหลไม่ใช่หรือไง มาแย่งจอกศักดิ์สิทธิ์น่ะสิ!

แต่ทว่า…พวกเขาคงจะพูดออกไปโต้งๆ ไม่ได้หรอกมั้ง…

ไม่รู้เพราะเหตุใด อันหลินกับหวังเสวียนจ้านไม่ต่อบทสนทนา แต่รอให้หลิวเชียนฮ่วนเอื้อนเอ่ย

ใช่แล้ว มีเพียงคลื่นสมองวิเศษของหลิวเชียนฮ่วนที่จะคุยกับคนประหลาดพวกนี้ได้ นางกลายเป็นทูตของกลุ่มตัวแทนสรวงสวรรค์ไปแล้ว!

“พระราชินี พวกเรามาที่นี่เพื่อต้องการชื่นชมมงกุฎบนศีรษะของท่านเท่านั้น” หลิวเชียนฮ่วนทำหน้าจริงใจ พูดด้วยรอยยิ้ม

หญิงชุดขาวมุ่นคิ้ว แปลกใจกับคำตอบนี้ไม่น้อย “ชื่นชมมงกุฎบนศีรษะของข้าหรือ”

หลิวเชียนฮ่วนพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้ามีความชอบอย่างหนึ่ง ชอบศึกษาหัตถกรรมของมงกุฎ หากท่านยอมยกมงกุฎให้ข้าศึกษาดูสักครู่ ข้าจะซาบซึ้งใจยิ่งนัก!”

อันหลินกับหวังเสวียนจ้านฟังบทสนทนาของหลิวเชียนฮ่วนจบก็ได้สติ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ‘ยอดเยี่ยม! สมกับเป็นท่านทูตของพวกเรา พูดจามีเหตุมีผล เป็นธรรมชาติไม่กระอักกระอ่วน’

ความจริงการตัดสินว่าได้จอกศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ น่าจะเริ่มเกิดผลเมื่อมือสัมผัสจอกศักดิ์สิทธิ์ เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์จากโครงกระดูกสีชาด ซึ่งก็หมายความว่า พวกเขาสามารถใช้มันเป็นข้ออ้างได้ เพื่อชิงจอกศักดิ์สิทธิ์มาถือครอง เช่นนี้ก็เท่ากับชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จแล้วไม่ใช่หรือ!

หากเช่นนี้ยังไม่ได้ผล อย่างมากพวกเขาก็แค่ถือจอกศักดิ์สิทธิ์แล้วหนี เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการลดอันตรายของจอกศักดิ์สิทธิ์ให้เหลือน้อยที่สุดแล้ว หากว่าหลบหนีได้สำเร็จ กรรมการข้างนอกก็จำต้องยอมรับแล้วล่ะมั้ง…

ทั้งสามคนจ้องมองเด็กผู้หญิง รอคอยคำตอบของนาง

เด็กหญิงชุดขาวยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับเย็นเยือก ชวนให้รู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจ

“หึๆ พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นเด็ก จะหลอกได้ง่ายหรือ”

หวังเสวียนจ้าน อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนหน้าถอดสี