เล่มที่ 9 บทที่ 246 ข้าจะขึ้นเขากับเจ้า

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดว่าเซียวจื่อเซวียนกล่าวแล้ว นางจึงไม่ต้องกล่าวอีก แต่เซียวยวี่กลับเอ่ยถามนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จึงได้แต่กล่าว “พวกเราจะขึ้นไปดูบนเขา”

“ขึ้นเขาไปทำอะไร? ”

“พวกเราจะไปเก็บดอกจินหยินมาจำนวนหนึ่ง”

“ดอกจินหยิน? ” เซียวยวี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ดอกจินหยินคืออะไร? ”

เซียวยวี่ไม่รู้ว่าดอกจินหยินคืออะไร เซี่ยยวี่หลัวคาดเดาว่า ในยุคสมัยนี้น่าจะยังไม่มีตำรายาสมุนไพรเปิ๋นเฉ่ากังมู่* มิเช่นนั้นเซียวยวี่ที่มีความรอบรู้กว้างขวางไม่มีทางไม่รู้ว่าดอกจินหยินเป็นชื่อจากตำราเล่มนั้น

“ก็คือดอกเหริ่นตง เพราะดอกของมันที่เบ่งบานในภายหลังเป็นสีเหลือง ดังนั้นข้าจึงเรียกมันว่าดอกจินหยิน ท่านตาของข้าก็เรียกเช่นนี้”

ด้วยเกรงว่าเซียวยวี่จะเกิดข้อกังขา เซี่ยยวี่หลัวจึงกล่าวอ้างถึงท่านตา ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว ไม่มีผู้ใดไปรบกวนได้ เซียวยวี่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

เมื่อได้ยินว่าท่านตาของเซี่ยยวี่หลัวเรียกเช่นนี้ เซียวยวี่จึงพยักหน้า บ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว “เจ้าเก็บดอกเหริ่นตงไปทำไม? ”

“ข้าจะทำสบู่จำนวนหนึ่ง ตำดอกไม้จนได้น้ำแล้วผสมกับสบู่ ยิ่งไปกว่านั้น ดอกจิน…” เซี่ยยวี่หลัวกัดริมฝีปากก่อนกล่าว “ดอกเหริ่นตงมีฤทธิ์เย็นรสหวาน มีกลิ่นหอม หวานเย็นขับร้อน ไม่ระคายเคืองกระเพาะ กลิ่นหอมยังสามารถขจัดความชั่วร้าย สรรพคุณทางยาของมันดีเป็นพิเศษ ถึงเวลาทำสบู่ให้ทุกคนใช้อาบน้ำ นอกจากจะขจัดคราบสกปรก ยังมีสรรพคุณทางยาของดอกจิน… เหริ่นตงด้วย ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง”

เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างติดๆ ขัดๆ เป็นเพราะนางเรียกดอกจินหยินจนเคยชิน แต่เพื่อเป็นการเอาอกเอาใจท่านราชบัณฑิตน้อย จึงได้แต่เรียกชื่อที่ตัวเองไม่คุ้นเคย

“ข้าจะไปกับจื่อเซวียน ตอนเที่ยงจะไม่กลับมากินข้าว เจ้ากับจื่อเมิ่งทำอาหารกินเอง” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว

เซียวยวี่ขมวดคิ้ว หันมองเซียวจื่อเซวียน ตัวเล็กถึงเพียงนั้นทั้งยังเป็นเด็ก เขาจะช่วยอะไรได้?

เซียวยวี่มองนางแวบหนึ่ง ก่อนแล้ว “จื่อเซวียนยังเล็ก เขาไม่ต้องไป! ”

เซี่ยยวี่หลัว “ได้ เช่นนั้นข้าไปเอง! ” ไปคนเดียวก็ได้เหมือนกัน

“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ไปคนเดียว…” เซียวจื่อเซวียนตะโกน ให้พี่สะใภ้ใหญ่ไปคนเดียวได้อย่างไร อันตรายเกินไป

เซียวยวี่ไม่ปล่อยให้เซียวจื่อเซวียนกล่าวจนจบ “ข้าจะไปเก็บดอกเหริ่น… จินหยินกับเจ้าเอง! ”

ไม่รอให้เซี่ยยวี่หลัวตอบตกลง เซียวยวี่รีบกลับห้องไป เปลี่ยนเป็นชุดตรงสีเทาที่ซักจนสีซีดแล้ว หากสวมใส่ชุดใหม่ขึ้นภูเขา ถึงเวลาถูกขีดข่วน เสื้อดีๆ คงเสียหมด

เซี่ยยวี่หลัวยังยืนเหม่ออยู่ข้างนอก ในห้วงความคิดกำลังครุ่นคิดว่าเหตุใดเซียวยวี่ถึงต้องไปด้วย นอกจากนั้น ประโยคสุดท้ายของเขา เดิมทีจะกล่าวว่าดอกเหริ่นตง เหตุใดถึงแก้เป็นดอกจินหยินเล่า?

เพื่อคล้อยตามนางเช่นนั้นหรือ?

ท่านราชบัณฑิตน้อยจะคล้อยตามนางได้อย่างไร!

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่าคิดอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ท่านราชบัณฑิตน้อยทำในวันนี้ ทำให้นางคิดจนหัวแทบแตกก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นเพราะเหตุใด!

เซียวยวี่เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วจึงออกมาข้างนอก กำชับเด็กสองคน “พวกเจ้าเป็นเด็กดีรออยู่ที่บ้าน อย่าไปไหนเป็นอันขาด ตอนเที่ยงหุงหาอาหารกินเอง”

เซียวจื่อเมิ่งคิดจะบอกว่าไม่เอา เซียวจื่อเซวียนรีบดึงนางไว้ ชิงกล่าวก่อน “ได้ขอรับ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านไปเถอะขอรับ ข้าจะดูแลน้องสาวให้ดีเอง พวกท่านรีบไปรีบกลับนะขอรับ! ”

เซียวยวี่พยักหน้าด้วยความชื่นชม สะพายตะกร้าเดินไป ขณะเดินผ่านเซี่ยยวี่หลัว เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “ไปกันเถอะ! ”

จากนั้นจึงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินไปข้างนอก

เซี่ยยวี่หลัวเดินตามเซียวยวี่ราวกับดวงวิญญาณที่ลอยล่องก็มิปาน

ขณะเดินไปทางประตูใหญ่ เซี่ยยวี่หลัวหันกลับมามองเด็กสองคนแวบหนึ่ง เพียงเห็นเด็กสองคนมองนางด้วยสีหน้าตั้งตารอคอย แววตาเต็มไปด้วยประกายยิ้มแย้ม

แย้มรอยยิ้มจนหน้าบานท่ามกลางแสงตะวันเจิดจ้า แต่เหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงรู้สึกว่าช่างดูเหมือนจะแฝงเจตนาไม่ดีเอาเสียเลย!

เซี่ยยวี่หลัวเกรงว่าตัวเองจะมองผิดไป จึงหันกลับไปมองอีกครั้ง เด็กสองคนยืนอยู่ตรงประตูด้วยท่าทางว่าง่าย ตะโกนเสียงดัง “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านต้องระวังอันตรายด้วย! ”

เด็กๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเด็กดีนี่นา!

เซียวยวี่เดินไปไกลมากแล้ว เซี่ยยวี่หลัวรีบวิ่งเหยาะๆ ไปหลายก้าว ก่อนจะผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเมื่ออยู่ห่างจากเซียวยวี่สองหมี่

เมื่อสองคนที่อยู่หน้าประตูมองไม่เห็นเงาร่างของเซียวยวี่และเซี่ยยวี่หลัวแล้ว จึงลงกลอนประตูอย่างมีความสุข

เซียวจื่อเซวียนไม่ลืมที่จะสอนสั่งเซียวจื่อเมิ่ง “พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ขึ้นเขาตามลำพัง โอกาสดีเช่นนี้ เจ้าจะตามไปด้วยทำไมกัน? ”

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางเก้อเขิน “พี่รอง ข้าก็เพียงแค่อยากอยู่กับพี่สะใภ้ใหญ่นี่เจ้าคะ! ”

“ต่อไปพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่อยู่ด้วยกัน พวกเราอย่าเข้าไปยุ่ง! ”

“แต่ข้าไม่รู้ว่าเวลาไหนไปได้ เวลาไหนไปไม่ได้นี่เจ้าคะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ นางอายุยังน้อย ยังดูไม่ออก

“อย่างนี้แล้วกัน ต่อไปเจ้าก็ดูข้า ข้าพยักหน้าก็คือเห็นด้วยให้เจ้าตามไป ไม่พยักหน้าก็คือห้ามตามไป เข้าใจหรือไม่? พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ก็ต้องสานสัมพันธ์กัน ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวน้อยจะคลอดออกมาได้อย่างไร เจ้าว่าจริงหรือไม่? ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย

เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้าด้วยท่าทางว่าง่าย “ได้เจ้าค่ะ ครั้งหน้าข้าจะฟังพี่รอง เช่นนั้นพี่รอง คราวนี้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่อยู่ด้วยกัน จะมีลูกหรือไม่เจ้าคะ? ”

เซียวจื่อเซวียนเองก็ไม่เข้าใจ แต่ยังคงกล่าวด้วยท่าทางลุ่มลึกยากหยั่งถึง “น่าจะมี พวกเราสร้างโอกาสให้พวกเขาอยู่ตลอด ต่อให้วันนี้ไม่มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี! ”

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “จากนั้นข้าก็จะมีหลานสาวตัวน้อย ข้าก็จะได้เป็นท่านอาแล้ว”

“แน่นอน ข้าก็จะได้เป็นท่านอาเหมือนกัน! ” เซียวจื่อเซวียนก็กล่าวอย่างได้ใจเช่นกัน

สองพี่น้องต่างก็กำลังจินตนาการ ภายในบ้านมีหลานชายและหลานสาวตัวน้อยแสนน่ารัก พวกเขาต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ต้องตั้งใจร่ำเรียน ให้มีความรู้ความสามารถ ต่อไปจะได้สอนหลานชายและหลานสาวตัวน้อย ทั้งยังคิดจะดูแลหลานชายหลานสาวตัวน้อยให้ดีเหมือนกับที่เซี่ยยวี่หลัวดูแลพวกเขา

ทันใดนั้น เด็กสองคนเหมือนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอย่างไรอย่างนั้น วาดฝันว่าในบ้านจะมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้น

เซี่ยยวี่หลัวและเซียวยวี่ไม่รู้ว่าเด็กสองคนให้พวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง เพื่อให้พวกเขามีบุตร ยิ่งไปกว่านั้น คิดจะมีบุตร ก็ใช่ว่าจะมีได้ด้วยวิธีนี้!

อยู่ด้วยกันเช่นนี้ หากมีบุตรได้ ก็คงเป็นเรื่องประหลาดดั่งเช่นเห็นภูตผีแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวสะพายตะกร้าสานไว้ เดินตามหลังเซียวยวี่ ทั้งสองคนเดินตามกันในระยะที่ไม่ไกลไม่ใกล้ หากฝีเท้าของคนข้างหน้าช้าลงเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวก็จะผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง หากคนด้านหน้าเร็วขึ้นเล็กน้อย นางก็จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น อย่างไรเสียระหว่างทั้งสองคน จะมีระยะห่างประมาณสองหมี่เสมอ

หลังจากผ่านเส้นทางราบ ก็ต้องปีนเขาแล้ว จู่ๆ เซียวยวี่ก็หยุดฝีเท้า เขายืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

เซี่ยยวี่หลัวก็หยุดฝีเท้า สอดส่ายสายตามองดูรอบข้าง ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จึงหันมองไปทางเซียวยวี่ด้วยความประหลาดใจ ก่อนมองดูบริเวณรอบข้างอีกครั้ง เดาไม่ออกว่าเซียวยวี่คิดจะทำอะไร

เซียวยวี่ที่กำลังรออยู่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง

ยามนี้พวกเขาอยู่ตรงตีนเขา หากเดินหน้าต่อ ก็เป็นทางขึ้นเขาแล้ว

“เจ้าตามข้ามา” จู่ๆ เซียวยวี่ก็หันกลับมากล่าวกับเซี่ยยวี่หลัว

เซี่ยยวี่หลัวที่ได้ยินไม่ชัดเอียงศีรษะเอ่ยถาม “อะไรนะ? ”

เซียวยวี่เดินตรงมาทางเซี่ยยวี่หลัว นางจับตะกร้าไว้แน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ถอยหลัง

ไม่รู้เพราะเหตุใด เซียวยวี่ที่เดินเข้าหานางทีละก้าว ทำให้เซี่ยยวี่หลัวนึกถึงฝันร้ายที่นางฝันถึงเป็นประจำ

ในความฝัน หนึ่งในพวกเขาถือมีดที่ฉายประกายแสงเย็นเยียบ เดินมาหานางช้าๆ เซี่ยยวี่หลัวไม่เห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างชัดเจน แต่จากบุคลิกและแรงกดดันของคนผู้นั้น เซี่ยยวี่หลัวเดาว่าน่าจะเป็นเซียวยวี่

ในภายหลังเซียวยวี่ก็เอาชีวิตนาง

——————————-

เชิงอรรถ

*ตำรายาสมุนไพรเปิ๋นเฉ่ากังมู่ คือตำราอธิบายสรรพคุณสมุนไพร 1,892 ชนิด และใบสั่งยากว่าหมื่นใบ โดยหลี่สือเจินเป็นผู้รวบรวมข้อมูลและเรียบเรียงขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง