“ปกติพี่สะใภ้ใหญ่ชมข้าเช่นนี้เจ้าค่ะ! ชมว่าข้าเก่งกาจ ทั้งยังมอบจุมพิตเป็นรางวัลด้วย พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ดีถึงเพียงนั้น ท่านก็ต้องชมพี่สะใภ้ใหญ่นะเจ้าคะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ชมเหมือนที่ข้าทำเมื่อครู่”
เซียวยวี่ยิ้มด้วยท่าทางเก้อเขิน
หากให้เอ่ยปากชมเซี่ยยวี่หลัวสักสองประโยค เขาน่าจะกล่าวออกมาได้ แต่หากให้ทำท่าทางเช่นนั้น…
เมื่อครู่เซียวจื่อเมิ่งประคองใบหน้าเขาไว้ ริมฝีปากอ่อนนุ่มยังทิ้งคราบน้ำลายไว้บนหน้าผากของเขาไม่น้อย ท่าทางการชมเช่นนี้ เขาไม่มีทางทำได้เลย
“เด็กโง่! ” เซียวยวี่บีบแก้มอวบของเซียวจื่อเมิ่งเบาๆ ใบหน้าแสดงสีหน้าเก้อเขิน
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าลืมนะเจ้าคะ ต้องชมพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย! ” เซียวจื่อเมิ่งได้ยินพี่รองเรียกนางอยู่ด้านนอก จึงรีบวิ่งออกไป
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม ไม่ได้บอกว่าจะชม แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ชม
เมื่อภายในห้องเหลือเขาเพียงผู้เดียว รอยยิ้มบนใบหน้าเซียวยวี่ค่อยๆ หายไป คิ้วของเขาขมวดมุ่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงผ่อนคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลาอย่างมิอาจหาใดเปรียบนั่น ไม่นานก็แสดงสีหน้าเหม่อลอย
การชมที่อาเมิ่งบอก เขาเองนอกจากจะรู้สึกเก้อเขิน เหมือนว่าจะไม่มีความรู้สึกต่อต้านแม้แต่น้อย
การให้รางวัลเช่นนี้ เหมือนจะไม่เลวเลย!
เซียวจื่อเซวียนดึงเซียวจื่อเมิ่งวิ่งไปอีกด้านหนึ่ง เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ “เรื่องที่ข้าบอกเจ้า เจ้าบอกพี่ใหญ่หรือยัง? ”
ที่แท้ ระหว่างกินข้าวเซียวจื่อเซวียนก็คิดวิธีดีๆ ออก หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ จึงให้เซียวจื่อเมิ่งแอบไปหาพี่ใหญ่
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้าอย่างแรง “บอกแล้ว บอกแล้ว ข้าไม่เพียงแต่บอกพี่ใหญ่ให้ชมพี่สะใภ้ใหญ่ ข้ายังบอกพี่ใหญ่ว่าให้ชมพี่สะใภ้ใหญ่เหมือนที่พี่สะใภ้ใหญ่ชมข้าเจ้าค่ะ! ”
เซียวจื่อเซวียนผงะไป “เจ้าบอกพี่ใหญ่ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ชมเจ้าอย่างไรงั้นหรือ? ”
“บอกว่าข้าเก่งกาจจริงๆ ทั้งยังจุมพิตข้าด้วยเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งชี้ไปที่หน้าผากของตัวเอง
เมื่อครู่เซียวจื่อเซวียนเพียงให้นางบอกพี่ใหญ่ให้รู้ถึงความลำบากของพี่สะใภ้ใหญ่ ใครจะรู้ ว่าเด็กคนนี้จะทำได้เหนือความคาดหมาย!
จิตใจของเซียวจื่อเซวียนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้น “พี่ใหญ่มีปฏิกิริยาเช่นไร? ”
เซียวจื่อเมิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้า “ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเจ้าค่ะ พี่ใหญ่เพียงยิ้มพร้อมบอกว่าข้าเป็นเด็กโง่เจ้าค่ะ! ”
เซียวจื่อเซวียนก็บีบแก้มซาลาเปาของเซียวจื่อเมิ่งทีหนึ่ง กล่าวด้วยความตื่นเต้น “จื่อเมิ่งช่างเก่งกาจเสียจริง”
เซียวจื่อเมิ่งถูกชม จึงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะนำเสื้อผ้าที่ใช้แล้วไปซักที่ริมแม่น้ำ ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กสองคน จึงเอ่ยถาม “มีเรื่องอะไรหรือถึงได้หัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนี้? ”
เด็กสองคนเหมือนถูกจับจุดอ่อนได้อย่างไรอย่างนั้น รีบหยุดหัวเราะ กล่าวพร้อมกัน “ไม่มีอะไร! ”
เซี่ยยวี่หลัวมองเด็กสองคนอย่างพินิจ นางไม่เชื่อ “ไม่มีอะไรจริงหรือ? จื่อเมิ่ง ไหนเจ้าลองบอกพี่สะใภ้ใหญ่ มีเรื่องอะไรถึงดีใจขนาดนี้! ”
ตอนนี้คนที่โตกว่ามีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว คนเล็กถึงจะสื่อสารกันง่ายกว่า
เซียวจื่อเมิ่งกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่รองเพียงแค่เล่าเรื่องตลกให้ข้าฟังเจ้าค่ะ! ”
จิตใจเซียวจื่อเซวียนที่วิตกกังวลรู้สึกโล่งใจ เมื่อครู่เขายังเกรงว่าผู้ติดตามตัวน้อยของพี่สะใภ้ใหญ่จะกล่าวออกมาทั้งหมด ตอนนี้นางรู้จักพูดปดแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวเชื่อว่าเซียวจื่อเมิ่งไม่พูดปดแน่ เพียงยิ้ม “ข้าไปซักเสื้อผ้าก่อน! ”
เซียวจื่อเมิ่งพุ่งพรวดออกไป “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ”
เซียวจื่อเซวียนเกรงว่าอีกเดี๋ยวพี่สะใภ้ใหญ่จะล่อหลอกให้เซียวจื่อเมิ่งกล่าวอะไรที่ไม่ควรพูด จึงรีบตะโกน “พี่สะใภ้ใหญ่ ในโอ่งไม่มีน้ำแล้ว ข้าจะไปหาบน้ำขอรับ”
เซี่ยยวี่หลัวหิ้วเสื้อผ้าที่ใช้แล้วครึ่งถัง เซียวจื่อเมิ่งถือไม้ตีผ้า เซียวจื่อเซวียนหาบถังน้ำสองถังตามไปด้วย
เวลานี้ริมแม่น้ำมีคนกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ไม่น้อย เซี่ยยวี่หลัวเลือกสถานที่ดีแห่งหนึ่ง ย่อตัวลงเริ่มซักผ้า เสื้อผ้าไม่สกปรก มีเพียงคราบเหงื่อในแต่ละวัน เซี่ยยวี่หลัวนำเสื้อผ้าลงแช่น้ำจนเปียก จากนั้นใช้สบู่ที่ทำขึ้นเองถูตามคอเสื้อ แขนเสื้อ และอกเสื้อ จากนั้นจึงขยี้เบาๆ
สบู่ถือเป็นของหายาก เซี่ยยวี่หลัวกลับใช้สบู่ซักเสื้อผ้า เมื่อหญิงชาวบ้านที่กำลังซักเสื้อผ้าอยู่ไม่ห่างนักเห็นเข้า ก็อ้าปากกว้างด้วยความตกใจ นางไม่ซักเสื้อผ้าต่อ กลับพุ่งพรวดมาตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว หยิบสบู่ที่ถูกใช้จนเหลือเพียงครึ่งก้อนขึ้นมาพร้อมกล่าวด้วยความเสียดาย “ยวี่หลัว นี่คือสบู่ใช่หรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวใช้ไม้ตีผ้าตีไปบนเสื้อ พยักหน้า “ใช่แล้ว! ”
“ยวี่หลัว เจ้าซักผ้าใช้สบู่ด้วยงั้นหรือ? สบู่นี่ราคาแพงมากทีเดียว คนทั่วไปมีใครใช้บ้าง นี่เป็นสิ่งที่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงใช้ล้างมือ เจ้ากลับนำมาซักผ้า เจ้าฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว”
มีหญิงชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ มาดู ก็กล่าวด้วยความรู้สึกเสียดายเช่นกัน “จริงด้วย จริงด้วย สบู่ที่มีกลิ่นหอมเช่นนี้ข้าก็เคยเห็น ก้อนหนึ่งราคาหลายสิบอีแปะเชียว ข้ารู้สึกว่าสบู่ของเจ้าดีกว่าของเยียนจือเก๋อเสียอีก ยวี่หลัว เจ้าซื้อสบู่นี่มาจากที่ไหนงั้นหรือ? ราคาเท่าไรกัน? ”
เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวจะบอกว่านางทำเอง พอจะกล่าวออกมา นางก็กลืนคำพูดนั้นกลับไป ยิ้มพร้อมกล่าว “อ่อ สบู่นี่อายวี่นำกลับมาจากจังหวัดจิ้นชาง”
“มิน่าล่ะ ที่แท้ก็เป็นของจากเมืองใหญ่” หญิงชาวบ้านผู้นั้นกล่าวด้วยความรู้สึกอิจฉา “สามีของเจ้าช่างดีกับเจ้าเหลือเกิน ไปสถานที่ใหญ่โตยังรู้จักนำของหายากเช่นนี้กลับมาให้เจ้าด้วย”
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้มบาง
“นี่เป็นของดี เจ้านำมาซักเสื้อผ้า น่าเสียดายเกินไปแล้ว! ” หญิงชาวบ้านผู้นั้นกล่าวด้วยท่าทางนึกเสียดาย
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “อ่อ เขาซื้อมาหลายก้อน นำมาซักเสื้อผ้าสักหนึ่งก้อนก็ถือว่าได้อยู่”
หญิงชาวบ้านผู้นั้นเดินจากไปด้วยความรู้สึกนึกเสียดาย หันกลับมายังคิดจะมองสบู่ในมือเซี่ยยวี่หลัว ประกายอิจฉาในแววตานาง ทำให้เซี่ยยวี่หลัวเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ในเมื่อสบู่นี่ดีถึงเพียงนี้ เหตุใดนางถึงไม่ทำจำนวนหนึ่ง นำไปลองขายที่ฮวาเหนียงดูเล่า?
เซี่ยยวี่หลัวคิดแล้วจึงลงมือทันที มีประสบการณ์ทำสบู่จากภพก่อน หลังจากมาที่นี่ก็ทำสำเร็จได้ไม่น้อย เซี่ยยวี่หลัวซักเสื้อผ้าเสร็จ หลังกลับถึงบ้าน ก็เริ่มเตรียมทำสบู่
เหมือนสบู่ในภพก่อน มีกลิ่นซวินยีเฉ่า[1] ดอกกุ้ยฮวา[2] สะระแหน่ ยังมีดอกจินหยิน[3] และกลิ่นอื่นๆ อีกมากมาย บนเขามีดอกจินหยินอยู่ไม่น้อย เซี่ยยวี่หลัวคิดจะขึ้นเขาไปเก็บดอกจินหยิน
ตากเสื้อเสร็จแล้ว เซี่ยยวี่หลัวบอกว่าจะไปเก็บดอกจินหยิน เด็กสองคนต่างก็อยากตามนางไปโดยไม่ถามอะไรแม้แต่น้อย
ครั้งก่อนที่เซี่ยยวี่หลัวขึ้นเขาไป เห็นดอกจินหยินจำนวนมาก ตอนนั้นดอกจินหยินยังไม่ผลิบาน ดังนั้นนางจึงไม่ได้ลงไป ดอกจินหยินอยู่ภายในหุบเขาแห่งหนึ่ง หากจะไปเก็บ ต้องปีนข้ามเขาสูงลูกหนึ่ง จะเหนื่อยมากและมีอันตรายเล็กน้อย
“จื่อเมิ่ง เจ้าไม่ต้องไป อยู่ที่บ้านกับพี่ใหญ่ ข้าพาจื่อเซวียนไป เข้าใจหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวเกลี้ยกล่อมเซียวจื่อเมิ่ง
ปีนเขาสูง เซียวจื่อเซวียนยังไหว มีพลังกายมากพอ สามารถปีนข้ามไปได้ แต่เซียวจื่อเมิ่งอายุน้อยเกินไป ไม่มีพลังกายมากพอจะปีนเขา
ถึงแม้เซียวจื่อเมิ่งอยากตามพี่สะใภ้ใหญ่ไปด้วย แต่ก็กลัวว่าถึงเวลาตัวเองจะทำให้พี่สะใภ้ใหญ่ลำบาก ได้แต่กล่าวด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ “เช่นนั้นพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านต้องรีบกลับบ้านนะเจ้าคะ ท่านนำอาหารไปกินมากหน่อย อย่าให้หิวนะเจ้าคะ”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหัวใจอ่อนระทวย “พี่สะใภ้ใหญ่รู้แล้ว เจ้าวางใจได้ พี่สะใภ้ใหญ่เก็บเสร็จก็จะกลับมา เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ในเมื่อจะไปกันสองคน อาหารเที่ยงต้องให้เซียวยวี่ตระเตรียมเอง เซียวจื่อเซวียนจึงวิ่งไปบอกกล่าวกับเซียวยวี่ ตอนเขาออกมา เซียวยวี่ก็ตามออกมาด้วย “พวกเจ้าจะไปที่ไหน? ”
เชิงอรรถ
————————-
[1] ซวินยีเฉ่า คือ ดอกลาเวนเดอร์ สามารถชงดื่มเป็นชา มีสรรพคุณลดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย
[2] ดอกกุ้ยฮวา ชื่อภาษาไทยคือหอมหมื่นลี้ มีสรรพคุณทางยา สามารถชงดื่มเป็นชาได้
[3] ดอกจินหยิน หรือ ดอกเหริ่นตง ชื่อภาษาไทยคือสายน้ำผึ้ง สามารถชงดื่มเพื่อคลายร้อนและล้างพิษ