บทที่ 207 จิ่วโยวตื่นแล้ว[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 207 จิ่วโยวตื่นแล้ว[รีไรท์]

ฉู่ชวิ๋นเกือบจะร้องไห้ออกมาโดยไร้น้ำตาแล้ว เป็นเพราะพันธนาการแห่งท้องฟ้าแท้ ๆ ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาถดถอยลงได้ขนาดนี้

ในตอนที่ฟินิกซ์ถูกมนุษย์เลือดตบกระเด็นไป พลังลมปราณในร่างกายของชายหนุ่มก็ลดลงไปแล้วเจ็ดแปดส่วนแล้วเขาจะทำยังไงดี ?

ถ้าเลือกที่จะกลับขึ้นไปบนภูเขาเฉียนหลง ก็อาจใช้ม่านพลังป้องกันไม่ให้ราชันย์โลหิตตามเข้าไปได้ แต่ฉู่ชวิ๋นเกรงว่านับจากนี้ไป ภูเขาเฉียนหลงคงเกิดความวุ่นวายขึ้นเป็นแน่แท้

พรึบ!

ฉู่ชวิ๋นจะกลับขึ้นเขาเฉียนหลงไม่ได้ ดังนั้นคำเดียว จึงปรากฏขึ้นในสมอง

“หนี!”

ถึงแม้ว่าพลังลมปราณของเขาจะถูกดูดกินไปไม่น้อย แต่วิชาตัวเบาของฉู่ชวิ๋นยังถือได้ว่ารวดเร็วอยู่เช่นเดิม ถึงตอนนี้ มนุษย์เลือดก็เอาชนะฟินิกซ์ได้แล้ว

ราชันย์โลหิตหันมามองหาฉู่ชวิ๋น ชายหนุ่มหายตัวไปอย่างรวดเร็ว แต่อีกฝ่ายก็พอจะรู้ว่า เขาไม่ได้หนีกลับเข้าไปในป่า หลังจากที่ราชันย์โลหิตตก ตกใจที่ฉู่ชวิ๋นหนี ชายชราก็หัวเราะออกมาด้วยความเหยียดหยามว่า “จอมมารฉู่ เจ้าจะหนีไปไหน ?” พูดจบ ตัวเขาก็ออกไล่ล่าทันที

นี่คือการไล่ล่า!

ความเร็วของฉู่ชวิ๋นลดลงจากปกติถึงสองเท่า แต่ก็ถือว่าเป็นความเร็วที่ยากจะมีใครตามทันอยู่ดี

ราชันย์โลหิตรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาเล็กน้อย สิ่งที่เขาคาดเดาเอาไว้นั้นถูกต้อง ฉู่ชวิ๋นได้รับบาดเจ็บ ทำให้พลังยุทธ์ลดน้อยลงไปมากแต่ทำไมถึงยังมีความเร็วยอดเยี่ยมอยู่แบบนี้ได้อีก ? ชายชราได้แต่ไล่ตามไปข้างหลัง

ฉู่ชวิ๋นร้อนใจมากกว่าเดิม การใช้วิชาตัวเบาก็ต้องใช้พลังลมปราณเช่นกัน ตอนนี้เขาใช้พลังลมปราณมากเกินไปแล้ว พันธนาการแห่งท้องฟ้ากำลังดูดกินพลังลมปราณมากกว่าปกติถึงสองเท่า

“ฉู่ชวิ๋น แกหนีไม่พ้นหรอก!” ราชันย์โลหิตคำราม กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจาย ฉู่ชวิ๋นยังคงก้มหน้าก้มตาหลบหนีต่อไปเหมือนไม่ได้ยิน

ยิ่งราชันย์โลหิตไล่ตามไปเท่าไหร่ ยิ่งอดทนรอมากแค่ไหน ระยะห่างก็ไม่ได้ใกล้เข้ามาเลย ชายชราจึงรวบรวมมวลพลังกลายเป็นหอกโลหิตเล่มหนึ่งอยู่ในมือ

ขวับ!

หอกโลหิตพุ่งออกไปอย่างแรง เสียงตัวหอกแหวกอากาศตรงใส่แผ่นหลังของฉู่ชวิ๋น พันธนาการแห่งท้องฟ้า

ดูดกินพลังลมปราณของเขารวดเร็วเกินไป ฉู่ชวิ๋นไม่กล้าซัดพลังตอบโต้ ชายหนุ่มทำได้แต่เพียงกระโดดหลบไปข้างทางเท่านั้น

ขวับ!

หอกโลหิตพุ่งเฉียดหัวไหล่ของเขาไปนิดเดียว ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่แก้มของตนเอง หอกโลหิต

พุ่งไปปักที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งต้นอยู่เบื้องหน้า เกิดเป็นรูกว้างบนลำต้นของต้นไม้ขนาดเท่ากับชามข้าวใบหนึ่ง

ฉู่ชวิ๋นเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาแล้ว การที่เขากระโดดหลบครั้งนี้ ทำให้ราชันย์โลหิต สามารถย่นระยะห่างเข้ามาได้มากกว่าสิบเมตร

ขวับ!

มีเสียงอะไรบางอย่างแหวกอากาศเข้ามาอีกครั้ง ฉู่ชวิ๋น กระโดดหลบไปด้านข้างอีกรอบ หอกโลหิตอีกเล่มหนึ่งพุ่งเฉียดใบหูของเขาไป มันทำลายก้อนหินใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่เหลือชิ้นดี เศษหินปลิวกระจายในอากาศ

“ฉู่ชวิ๋น จะหนีเหมือนหมาจนตรอกให้น่าอับอายไปทำไม ยอมถูกข้าฆ่าตายซะที่นี่จะดีกว่า!” ราชันย์โลหิตตะโกนเสียงดัง รวบรวมมวลพลังเป็นหอกโลหิตขึ้นมาอีกเล่ม พุ่งเข้าใส่ด้านหลังศีรษะของฉู่ชวิ๋น

เนื่องจากว่าอยู่ในระยะที่ใกล้มากขึ้น หอกโลหิตจึงมีความรวดเร็วมากขึ้น ยากต่อการหลบเลี่ยงได้

แควก!

เนื้อผ้าบริเวณหัวไหล่ของฉู่ชวิ๋นฉีกขาด เกิดเป็นรอยแผลบาดลึกปรากฏขึ้นบนหัวไหล่ของเขา

ฉู่ชวิ๋นเป็นผู้ที่อาบเลือดมังกร ผิวหนังจะมีความแข็งแรงทนทานยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไม่มีอะไรสามารถเจาะทะลุ

เข้ามาได้โดยง่าย เพราะงั้นการจะทำให้ผิวหนังอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ จำเป็นต้องมีพลังลมปราณที่สูงมากพอ

“ฉู่ชวิ๋น ข้าว่าเจ้าไม่ใช่จอมมารหรอก แต่แกเป็นจอมหลบหนีมากกว่า ยุทธภพร่ำลือหนาหูว่าเจ้าน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ ข้าเพิ่งจะมารู้ด้วยตัวเองว่ามันช่างน่าหัวเราะจริง ๆ” พูดจบ หอกโลหิตอีกเล่มหนึ่งก็พุ่งออกไป

พลั่ก!

คราวนี้ ฉู่ชวิ๋นหลบหนีไม่ทันแล้ว หอกโลหิตพุ่งเข้ามากระแทกแผ่นหลังของเขาเต็มแรง ชายหนุ่มกัดฟันม้วนตัวไปด้านหน้า อวัยวะภายในถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

บ้าจริง!

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง

เขาอุตส่าห์วางแผนหลบหนีเป็นอย่างดี พลังลมปราณที่เหลืออยู่ในร่างกาย

ก็ทุ่มเทให้กับการใช้วิชาตัวเบาหมดสิ้น

แต่ราชันย์โลหิตเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า พลังลมปราณย่อมไม่อ่อนแอแถมวิชาตัวเบาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้เขา ยากที่จะรักษาระยะห่างให้คงอยู่ต่อไปในขณะนี้ ระยะห่างของพวกเขาจึงย่นเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ ฉู่ชวิ๋นเริ่มคิดหาวิธีการตอบโต้แล้ว!

ขวับ!

หอกโลหิตอีกเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามากระแทกแผ่นหลังของเขาเต็มแรง เสียงที่มันปะทะกับแผ่นหลังของเขาดังชัดเจนถนัดหู

ฉู่ชวิ๋นกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่ ตัวคนล้มคว่ำไปกับพื้น

ในขณะที่ร่วงลงไปบนพื้น ฉู่ชวิ๋นก็อาศัยพลังลมปราณที่เหลืออยู่น้อยนิดบวกเข้ากับแรงเฉื่อยตามกฎฟิสิกส์ ดีดตัวออกไปไกลเพื่อขยายระยะห่างให้มากขึ้น

“ฉู่ชวิ๋น เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ยอมให้ข้าตัดหัวซะดี ๆ” ราชันย์โลหิตยังคงตามติดเข้ามาไม่ลดละ

นี่เป็นเหมือนเกมแมวไล่จับหนู ชายชราจะปล่อยหอกโลหิตออกไปโจมตีใส่ฉู่ชวิ๋นเป็นระยะ ๆ

ตอนนี้ ฉู่ชวิ๋นถูกมวลพลังหอกโลหิตพุ่งเข้ามากระแทกหลายครั้ง อ้าปากทีไรก็กระอักเลือดออกมาแล้ว

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเดือดดาล ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป วันนี้เขาคงต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่แน่

“ฉู่ชวิ๋น ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวข้าจะจัดการมันเอง” ทันใดนั้น เสียงของเด็กน้อยคนหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่จะก้มมองกำไลข้อมือของตัวเองด้วยความดีใจ

จิ่วโยวตื่นขึ้นมาแล้ว จิ่วโยวสื่อสารกับเขาผ่านทางพลังจิต ฉู่ชวิ๋นไม่คิดเลยว่า จะสามารถพูดคุยกันทางนี้ได้ด้วย

“จิ่วโยว เขาเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า รับมือไหวหรือเปล่า ?” ฉู่ชวิ๋นคิดด้วยความเป็นกังวล

ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จิ่วโยวจะจำศีลแค่สู้กับปรมาจารย์ทั่วไป ก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้วด้วยซ้ำ

“ฉู่ชวิ๋น ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกมั่นใจขึ้นมาแล้ว ในเมื่อจิ่วโยวบอกว่าไม่เป็นไร มันก็คงไม่เป็นไรจริง ๆ เกิดแสงสว่างวูบวาบ แล้วกำไลข้อมือของเขาก็หายไป ฉู่ชวิ๋นรีบหนีไปข้างหน้าอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว

“ฉู่ชวิ๋น รอรับให้ดี!”

ราชันย์โลหิตคำรามเสียงดัง รวบรวมมวลพลังขึ้นมาเป็นหอกโลหิตในมือ เขายกมือขึ้นและปาหอกเล่มนั้นตรงมาที่ฉู่ชวิ๋น

ในทันใดนั้นเอง เกิดลำแสงสว่างพุ่งออกมาจากต้นไม้ที่อยู่ข้างตัวของราชันย์โลหิต การถูกจู่โจมแบบประชิดตัว ทำให้ชายชราไม่สามารถหลบได้ทัน

เหมือนกับเนื้อเพลงที่ว่า จะกลับตัวก็ไม่ได้ แต่จะให้ไปต่อก็ไปไม่ถึง

ฟู่!

เลือดสาดกระจายเต็มท้องฟ้า สวยงามเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน

ราชันย์โลหิตร้องโหยหวนในขณะที่ร่างกระเด็นไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ก่อนที่ร่างจะร่วงลงมากองอยู่บนพื้น ฉู่ชวิ๋นได้ยินเสียงทุกอย่างจึงหยุดและหันกลับไปมอง ก่อนที่จะอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว

ต้องยอมรับเลยว่าตอนนี้จิ่วโยวมีพลังฝีมือที่น่ากลัวจริง ๆ

นี่คือพลังลมปราณที่รุนแรงไม่น้อย มุมปากของราชันย์โลหิตมีเลือดไหลซึมออกมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจากหางตาอีกด้วย

แต่ที่น่ากลัวที่สุด ก็คือ บนศีรษะของราชันย์โลหิต กำลังมีเลือดไหลทะลักเหมือนกับท่อน้ำแตก และมีรอยแผลเปิดกว้างขนาดห้าเซนติเมตร

การโจมตีของจิ่วโยวในครั้งนี้ ทำให้ชายชราบาดเจ็บสาหัส

พรึบ!

ลำแสงเป็นประกายระยิบระยับ จิ่วโยวในร่างของงูตัวหนึ่งปรากฏขึ้นบนหัวไหล่ของฉู่ชวิ๋นในวินาทีต่อมา

“จิ่วโยว ตอนนี้มีพลังถึงขั้นไหนแล้ว ?” ฉู่ชวิ๋นสื่อสารกับสัตว์เลี้ยงของเขา

“ถ้าว่ากันตามระดับพลังของมนุษย์ ตอนนี้ข้ามีพลังเทียบเท่ากับปรมาจารย์ระดับแปดแล้ว” เสียงของเด็กน้อยตอบมาดังกังวาน

ฉู่ชวิ๋นเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ การจะบรรลุพลังปรมาจารย์ระดับแปด สำหรับมนุษย์เป็นเรื่องที่ยากมาก บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังทำไม่สำเร็จ

ถ้าหลายคนมารู้เข้าคงเกลียดงูตัวนี้ไม่ใช่น้อย จิ่วโยวเพียงแค่นอนหลับเท่านั้น ก็ได้ครอบครองพลังของปรมาจารย์ระดับแปดแล้ว

“วิธีการฝึกตนที่เจ้ามอบให้มา มันเข้ากับข้าได้ดีมาก พลังลมปราณในร่างกายของข้าเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วและเนื่องจากบรรลุพลังได้เร็วกว่ากำหนดสงสัยคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่จะบรรลุขั้นต่อไปได้เสียแล้ว” จิ่วโยวบ่นด้วยความเสียดาย

“ต้องใช้เวลานานแค่ไหนล่ะ ?” ฉู่ชวิ๋นกล่าวอย่างสงสัย

“กว่าจะบรรลุระดับเก้าได้ ข้าว่าคงต้องใช้เวลาอีกปีสองปีนั่นแหละ”

ฉู่ชวิ๋นอ้าปากค้าง สำหรับมนุษย์ การใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวบรรลุพลังจากระดับแปดขึ้นไประดับเก้า คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดเท่านั้น เพราะโดยปกติแล้วจะต้องใช้เวลาสามถึงห้าปีเป็นอย่างน้อย บางคนอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้นด้วยซ้ำ

จิ่วโยวไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่ชวิ๋นกัดฟันกรอด การบรรลุพลังไปอีกขั้นได้ มันก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ ?

ที่จริงแล้ว ฉู่ชวิ๋นกำลังดีใจมาก จิ่วโยวมีพลังเท่ากับปรมาจารย์ระดับแปด แต่เนื่องจากร่างกายมีความแข็งแกร่งในแบบสัตว์วิญญาณ ทำให้พลังลมปราณจึงเทียบเท่ากับปรมาจารย์ระดับเก้า

ราชันย์โลหิต จึงกลายเป็นบททดสอบพลังฝีมือไปโดยปริยาย “อ๊าก…” ราชันย์โลหิตส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความโกรธแค้น

ชายชรายกมือกุมศีรษะ ความเจ็บปวดแล่นผ่านไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกเหมือนหัวตัวเองกำลังจะระเบิด รู้สึกเหมือนสมองเกิดรอยแตกร้าว

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? เขาผู้ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า กะโหลกศีรษะมีความแข็งแกร่งทนทานไม่ต่างจากสวมใส่หมวกเหล็ก ต่อให้ถูกรถไฟชน ทั้งขบวนก็ไม่เป็นอะไรแต่ในตอนนี้ชายชรากลับรู้สึกว่าหัวกำลังจะระเบิดแล้ว!

ราชันย์โลหิตรู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงขั้วหัวใจ

“อ๊าก…” ราชันย์โลหิตส่งเสียงร้องเหมือนกับสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ มันเจ็บปวดเกินไปแล้ว ความเจ็บปวดกินลึกลงไปถึงกระดูกดำ

ตู้ม!

ก้อนหินขนาดใหญ่เท่ากับโต๊ะกินข้าว ถูกกำปั้นของเขาต่อยกระจายด้วยความโกรธแค้น

“ไปกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูด ราชันย์โลหิตที่กำลังเสียสติมีความน่ากลัวมากยิ่งกว่าเดิมมาก จิ่วโยวไม่ควรเข้าไปต่อสู้กับเขา โดยไม่จำเป็น แลกตายกับคนบ้ายังไงก็ไม่คุ้ม!