ตอนที่ 365 ที่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเป็นความผิดของเธอเอง / ตอนที่ 366 แล้วแต่สถานการณ์

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 365 ที่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเป็นความผิดของเธอเอง

ความคิดเพิ่งก่อตัวขึ้นในสมองของเธอไปหมาดๆ แต่วินาทีต่อมาโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

แน่นอนว่ามันคือข้อความของป๋อจิ่งชวน…

[คืนนี้กลับไป]

[กินข้าวด้วยกัน]

[เดินเล่นด้วยกัน]

[นอนด้วยกัน]

เฉินฝานซิง “…”

เธอผิดไปแล้ว

ที่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเป็นความผิดของเธอเอง!

เขาเก็บโทรศัพท์ลง รอยยิ้มจางๆ บนดวงตาลึกล้ำสลายหายไปในเสี้ยวนาที เขาจับโทรศัพท์เอาไว้มั่น แล้วเดินสำรวจต่อไปด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น

ผู้บริหารคนอื่นๆ หันมองหน้ากันไปมาอีกครั้ง!

เมื่อครู่นี้ผู้เป็นนายของพวกเขากำลังแชทอยู่หรือ

กับใครกันนะ

สงสัยชะมัด!

เฉินฝานซิงรู้สึกผิดกับความผิดพลาดของตัวเองอย่างสุดซึ้ง คิดมาคิดไปก็รู้สึกว่าตัวเองควรทำอะไรสักอย่าง

แต่ว่าชีวิตนี้เธอเคยคบหาดูใจมาแค่หนเดียว นั่นก็คือกับซูเหิง อีกทั้งเรื่องระหว่างเธอกับเขา…

เหมือนจะไม่ค่อยมีเรื่องโรแมนติกเกิดขึ้นเลย!

เธอส่ายหน้า ใช้วิธีคิดไปถึงวันวานของเธอกับซูเหิงไม่สู้ไปถามเอาจากแม่ตู้[1]ผู้มากความสามารถ!

เธอเปิดหน้าค้นหาแล้วใส่หัวข้อลงไปว่า ‘แฟน…’ แค่เธอกรอกตัวอักษรลงไปเพียงไม่กี่ตัว เนื้อหาแรกที่ถูกแนะนำขึ้นมาในช่องค้นหากลับเชิญชวนให้เธอกดเข้าไปอย่างอดไม่ได้!

หน้าค้นหาปรากฏเป็นหน้าบอร์ดสนทนาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี โดยมีชื่อหัวข้อสนทนาว่า…

‘ตอนนี้การกินตับกับแฟนเป็นเรื่องปกติไหมคะ’

ผู้ตั้งหัวข้อสนทนาคือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

แม่คอยพร่ำบอกฉันตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยว่าเกิดเป็นลูกผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ห้ามกินตับกับแฟนก่อนแต่งงาน!

แต่พอแฟนฉันต้องการแล้วฉันปฏิเสธ!

เขากลับบอกกับฉันว่าเพื่อนของเขาที่มีแฟนต่างก็จุด จุด จุดกับแฟนกันหมดแล้ว!

ฉันเลยอยากรู้ว่าการที่ชายหญิงเป็นแบบนี้คือเรื่องปกติไหมคะ

สิ่งที่แม่ปลูกฝังฉันมาตั้งแต่เด็กๆ ฉันจะลืมๆ มันไปได้รึเปล่า

เฉินฝานซิงหรี่ตา คำถามนี้มัน…

ทำให้เธอรู้สึกสนใจขึ้นมา!

เธอกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างไม่รู้ตัว แล้วขยับเข้าใกล้คอมก่อนจะอ่านมันต่อไปด้วยความสงสัยอย่างสุดขีด!

ผู้ตอบกระทู้คนแรกใช้ไอดีที่ชื่อว่า ‘เหลี่ยงที่นกทุกเรื่อง : : x ทันตแพทย์ผู้ศึกษาเรื่องจิตวิทยาการใช้ชีวิตคู่’

“…”

ทันตแพทย์…

ตอบ: [ก่อนอื่นขอเข้าประเด็นเลยแล้วกัน!

การตัดสินว่าจะทำไม่ทำเป็นสิทธิ์ของคุณ มันคืออิสระของคุณ มันคือสิ่งที่กำหนดขึ้นด้วยเหตุผลและความตั้งใจของคุณ

ไม่เกี่ยวกับเรื่องซิงไม่ซิง จะมีไม่มีก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคนรอบข้างของคุณ ไม่เกี่ยวกับอายุ คุณจะมีหรือไม่มันก็ไม่! เกี่ยว! อะไร! กับเพื่อนของแฟนคุณด้วย

เพราะฉะนั้นคุณหิวตับขึ้นมาตอนไหนก็กินตอนนั้น!

อยากจะกินตับแบบไหนก็กินแบบนั้น!

คุณอยากจะกินตับกับใครก็กินกับคนนั้น!

เรื่องนี้ไม่มีใครยุ่งกับคุณได้และไม่มีเหตุผลที่จะยุ่งด้วย เพราะว่าคุณไม่ใช่เด็กๆ แล้ว!

คุณจะรักษาไว้ก็ได้ หากคิดมาเสมอว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดควรเกิดขึ้นในคืนแรกของการเข้าหอ…

ถ้าหากเขายอมรับและให้เกียรติคุณ แน่นอนว่านั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดี!

แต่ถ้าเขาไม่ยอมและต้องการจะเลิกกับคุณ ผู้ชายแบบนี้ก็ไม่มีอะไรให้ไปอาลัยอาวรณ์!

แต่คุณต้องเตรียมใจไว้ให้ดีนะ เพราะเขาพร้อมจะไปได้ทุกเมื่อ พร้อมจะนอกใจได้ทุกเมื่อ และจะนัดไปนอนกับใครตอนไหนก็ได้!

แม้ว่าการกระทำเหล่านี้จะเป็นเรื่องที่ผิด แต่มนุษย์ก็เป็นเพียงสัตว์ที่มีความต้องการ

อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย ผู้หญิงเองก็มีสิ่งกระตุ้นเรื่องพวกนี้อยู่เช่นกัน

คุณไม่ยอม แน่นอนว่าจะต้องมีผู้หญิงคนอื่นที่ยอม

เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ชีวิตแบบชิลๆ เป็นชีวิตที่นึกจะกินตับตอนไหนก็ได้

แล้วทำไมจะต้องมาอดทนกับคุณด้วยล่ะ!

คุณไม่ยอมนอนกับเขา สำหรับเขาแล้ว เขาก็คงคิดว่าจริงๆ แล้วคุณก็ไม่ได้เชื่อใจเขาเลย เพราะงั้นเขาเองก็ไม่อาจรักคุณจนหมดใจได้ มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละ!

อีกอย่างนะ เจ้านั่นน่ะมันจะหดหายไปตามอายุ รอให้คุณผ่านวัยยี่สิบสี่ไปก่อน ในตอนนั้นคุณอาจลงเอยด้วยการแต่งงานหาผัวเด็กสักคนและดื๊อดือดื๊อดึ่มกันอย่างสุขสม

แต่ผลสุดท้าย คุณอาจไม่มีเลือดให้ไหลออกมาอีกแล้ว…]

เฉินฝานซิง: “…”

อ่านจนถึงประโยคสุดท้าย เฉินฝานซิงก็นิ่งเงียบไปเกือบค่อนวัน แต่ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็กลับไปอ่านโพสต์นั่นใหม่ตั้งแต่แรกอีกครั้ง!

ซึมซับทุกประโยคทุกตัวหนังสือเข้ามาอยู่ในหัวใจ!

เธอปิดหน้าค้นหาลงอย่างลวกๆ นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนเก้าอี้คนเดียวพลางครุ่นคิดบางอย่างขึ้นมา!

ความคิดการเสียพรหมจรรย์ครั้งแรกในคืนเข้าหอเนี่ย มันมาจากไหนกันนะ!

[1]แม่ตู้ หรือ‘度妈’ ก็คือไป๋ตู้หรือ ‘百度’ ซึ่งเป็นเครื่องมือค้นหาของประเทศจีนที่มีความคล้ายกันกับ Google ที่เราใช้กัน การเรียกไป๋ตู้ว่า ‘แม่ตู้’ ก็คล้ายกันกับการที่คนไทยเรียกกูเกิ้ลว่า ‘อากู๋’ นั่นเอง

ตอนที่ 366 แล้วแต่สถานการณ์

ณ คฤหาสน์เซิ่งจิ่ง

เพราะป๋อจิ่งชวนได้ติดต่อจางมาไว้ก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นนั้นหลังจากที่เขารับเฉินฝานซิงกลับไปไม่นาน มื้อเย็นก็ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย

กินไม่พูดนอนไม่จา[1] เฉินฝานซิงเอาแต่เป็นเช่นนั้นตลอดทั้งเย็น

ทั้งคู่ไม่ได้กินอาหารกันมากนัก ปกติเวลาที่ทั้งคู่กินข้าวกันสองต่อสองก็ใช่ว่าจะไม่พูดอะไรกันเลยสักคำ

แล้วทำไมเย็นนี้ถึงได้เงียบอย่างไรชอบกล

ระหว่างนั้นป๋อจิ่งชวนก็มองเธอหลายครั้ง!

แถมยังพบว่า แทบจะทุกครั้ง ร่างของเฉินฝานซิงจะมีอาการกระตุกเกร็งเล็กน้อย

ป๋อจิ่งชวนร่นคิ้วเข้าหากัน รอจนกระทั่งพวกเขากินมื้อเย็นเสร็จแล้วออกไปดูอัลปากาด้วยกัน เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงถอยห่างออกไปจากเขาแทบจะแปดก้าว เสียงทุ้มจึงได้เอ่ยออกมาในตอนนั้น

“เฉินฝานซิง คุณเป็นอะไร”

เสียงนั้นเยียบเย็นจนแทบเปลี่ยนอากาศรอบๆ ให้กลายเป็นน้ำแข็ง

“ฮะ? เปล่านี่คะ?”

สายตาเย็นยะเยือกมองเธออยู่พักใหญ่ ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงเข้มอีกครั้ง “มานี่!”

เฉินฝานซิงสับสนเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินเข้าไป

“ทำไมเหรอคะ”

ป๋อจิ่งชวนรั้งเธอเข้ามาในอ้อมแขน นัยน์ตาสีดำขลับจ้องเธอไม่วางตา “คุณมีเรื่องอะไรในใจ?”

“…ไม่มี” เธอว่าพลางหลบตาเขาเล็กน้อย การกระทำเล็กๆ นี้เพียงเพื่อที่จะรักษาระยะห่างกับป๋อจิ่งชวนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ฝ่ามือที่วางอยู่ตรงเอวของเธอค่อยๆ บีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ เสียงทุ้มแฝงไปความขุ่นเคือง

“พูดอย่างทำอย่างเป็นนิสัยไปแล้วเหรอ?”

หัวใจเธอกระตุกวูบ “ฉันพูดอย่างทำอย่างตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตอนที่หลีกเลี่ยงความรู้สึก”

เฉินฝานซิงอ้าปาก ทว่าสุดท้ายก็เถียงไม่ออก

ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลงดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ก่อนจะเข้าใจได้ในทันที “ใช่สินะ”

“…”

“พูดสิ! คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่” เสียงของเขาเยือกเย็นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่าทีข่มขู่นั้นทำเอาคนฟังรู้สึกใจเสาะ

เฉินฝานซิงลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เสี้ยวหนึ่งของดวงตาสุกใสปรากฏให้เห็นความเจ็บปวดและกังวล

“ป๋อจิ่งชวน คุณว่าคุณพร้อมจะจากฉันไปทุกเมื่อรึเปล่า”

“…” ป๋อจิ่งชวนขมวดคิ้ว

“คุณจะนอกใจฉันไหม”

“…”

“คุณจะไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นรึเปล่า”

“…”

หัวคิ้วของป๋อจิ่งชวนขมวดแน่น “สรุปว่าใครพูดอะไรกับคุณกันแน่! ถึงทำให้คุณมีความคิดแบบนี้ในหัว”

“แม่ตู้”

ความกดดันฉาบทับขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอล่ะซูฮกตัวเองเลยจริงๆ ที่เผลอไปเชื่อของแบบนี้!

“แม่ตู้? ใครกัน”

เฉินฝานซิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เครื่องมือค้นหา”

หางตาของเขากระตุกเล็กน้อยจนไม่อาจสังเกตเห็น “ที่เอาอัลปากามาด่าผมก็เพราะเรียนมาจากในนั้นด้วยใช่ไหม”

“ฉันไม่ได้ด่าคุณนะ!” เธอเถียง “แต่ว่าจริงๆ แล้วคำนั้นก็กำลังฮิตในอินเตอร์เน็ต ฉันก็แค่ไม่อยากตกเทรนด์”

ป๋อจิ่งชวนยิ้มเย็น แสงแห่งความหนาวเหน็บลากผ่านนัยน์ตาสีหมึก “ผมว่าแม่ตู้นี่ควรโดนสะสางยกชุดซะแล้ว”

นึกไปถึงโพสต์ที่อ่านไปเมื่อบ่าย เฉินฝานซิงก็ถอนหายใจแล้วพึมพำออกมา

“ฉันก็คิดว่าอย่างงั้น ในนั้นดันไม่คัดค้านเรื่องชิงสุกก่อนห่าม ซ้ำยังจะพูดไปในทางชี้ชวนอีก…อย่างกับแชร์ลูกโซ่แน่ะ…อีกนิดเดียวฉันก็เกือบจะถูกล้างสมองแล้วเชียว…”

ได้ฟังดังนั้น คิ้วของเขาก็กระตุกเล็กน้อย หลังจากที่เงียบไปเนิ่นนาน เสียงที่ติดจะแข็งๆ อยู่ก็ค่อยๆ ดังขึ้นมา

“แม่ตู้นั่น…หลายเรื่องก็เชื่อถือได้นะ”

เฉินฝานซิงได้ยินดังนั้นก็เนื้อตัวแข็งทื่อ เธอยกศีรษะขึ้นมองป๋อจิ่งชวนช้าๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

“เมื่อกี้คุณเพิ่งจะบอกไปว่ามันควรถูกสะสางไม่ใช่เหรอ”

“แล้วแต่สถานการณ์”

“เหอะ…”

[1]กินไม่พูดนอนไม่จา เป็นสำนวนจีน หมายถึงการไม่ยอมพูดจาเพราะเกรงว่าหากพูดคุยกันตอนรับประทานอาหารจะส่งผลต่อกระเพาะ หรือหากพูดคุยกันตอนนอนก็จะส่งผลต่อการหลับ