บทที่ 867+868 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 867
กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองเขา “เป็นเช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า?” ยอมรับคำถามของเขาโดยปริยาย
“ไปทำอะไรมา?” เขาถามอีกปะโยคหนึ่ง
หัวคิ้วกู้ซีจิ่วขมวดมุ่น “นี่ไม่เกี่ยวอันใดกับท่านกระมัง? นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของซีจิ่ว ไม่อยากบอกแก่ผู้อื่น”
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเคร่งตึง กล่าวอย่างเฉยชาว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่ก้าวก่ายเจ้าหรอก เพียงแต่เรื่องส่วนตัวของเจ้าส่งผลกระทบต่อสภาพการเรียนของเจ้า ในเมื่อครั้งนี้เจ้ามิได้ขึ้นมาด้วยความสามารถที่แท้จริงของตน เช่นนั้นก็รับบทลงโทษเสียเถิด เย็นวันนี้หลังเลิกเรียน จงมาที่นี่แล้วใช้วิชาเหินหาวเหาะขึ้นมาบนหน้าผานี้สิบครั้ง เหาะขึ้นมาไม่ครบสิบครั้งไม่อนุญาตให้พักผ่อน!”
ฝูงชนเงียบสงัด
สีหน้าของทุกคนล้วนแปรเปลี่ยน
การโคจรวิชาเหินหาวนี้อันที่จริงสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมาก โดยเฉพาะกับมือใหม่ที่เพิ่งเพิ่งเรียนได้ครึ่งๆ กลางๆ อย่างพวกเขา การเหาะต่อเนื่องกันจะสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมากกว่าเดิม
ต่อให้เป็นพวกเขาเหล่าศิษย์ที่พลังวิญญาณบรรลุขั้นหกตอนกลางขึ้นไปแล้ว การเหาะขึ้นมาในครั้งนี้ยังรู้สึกว่าเหนื่อยจนหายใจหอบถี่เลย หากให้พวกเขาเหาะต่อเนื่องกันสิบครั้ง เกรงว่าคงเหนื่อยจนล้มพับไปทันที!
ส่วนกู้ซีจิ่วการที่นางสามารถเหาะขึ้นมาครั้งนี้ยังลำบากลำบนถึงเพียงนี้ แล้วจะให้นางเหาะสิบครั้ง…
เช่นนั้นกู้ซีจิ่วมิต้องเหาะถึงพรุ่งนี้เช้าเลยหรือ?! ร่างกายเล็กๆ ของนางจะรับไหวหรือ?
เมื่อท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายลงโทษผู้อื่นขึ้นมาจะวิปริตยิ่งนักจริงๆ ด้วย! ดูเหมือนจะโดดเรียนวิชาของเขาไม่ได้จริงๆ โดดเรียนเพียงครั้งเดียวก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนหนักหนายิ่ง!
สิ่งที่บรรดาเพื่อนร่วมชั้นคิดได้กู้ซีจิ่วก็ย่อมคิดได้เช่นกัน ในใจเธอคล้ายมีกระแสธารร้อนระอุโหมซัดอยู่ ทว่าเธอฝืนข่มลงไปอีกครา มุมปากเธอยกขึ้นแวบหนึ่ง ตอบรับด้วยเสียงสงบนิ่งยิ่ง “เจ้าค่ะ!”
ยิ่งเขาลงโทษเธออย่างโหดเหี้ยม เธอก็ยิ่งตัดสินใจได้ว่าจะตัดขาดทุกอย่างให้สิ้น!
ตี้ฝูอีมองนัยน์ตามืดดำของนาง จู่ๆ ก็ใจหายวาบ
ตนทำเกินไปแล้วใช่หรือไม่?
….
กู้ซีจิ่วเป็นประเภทที่ไม่ว่าในใจจะตัดสินใจไว้อย่างไร แต่เรื่องที่เธอควรทำเธอก็จะทำมันให้ดีที่สุดเหมือนเดิม
ยกตัวอย่างเช่นหากว่าตันสินใจว่าจะลาออก แต่ภาระหน้าที่ก่อนจะลาออกเหล่านั้นเธอก็จะทำให้เสร็จสมบูรณ์ทุกอย่างเหมือนเดิม
ตอนบ่ายหลังจากเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ เธอก็ไปกินอาหารเย็นที่โรงอาหาร แล้วรีบมาที่หน้าผาแห่งนั้น มาปฏิบัติบทลงโทษของเธอให้เสร็จสิ้น
เดิมทีหลานไว่หูกับเชียนหลิงอวี่อยากตามมาด้วย แต่กู้ซีจิ่วไม่ยอม เธอยิ้มแล้วบอกพวกเขาว่า “ถ้าพวกเจ้ามาข้ารู้สึกกดดัน ไม่อยากให้พกเจ้าเห็นข้าในสภาพที่น่าอาย ถ้าเป็นสหายที่ดีก็อย่าตามมาเลย ให้ข้าเหลือหน้าไว้เถอะ!”
ด้วยเหตุนี้หลานไว่หูกับเชียนหลิงอวี่จึงไม่ตามมาอีก เพียงเอ่ยกำชับกำเธอไว้ว่า “เจ้าต้องระวังตัวหน่อยนะ อย่าได้หักโหมเกินไป”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “วางใจเถอะ ข้ารักชีวิตยิ่ง ไม่ปล่อยให้ตัวเองทุกข์ทรมานขนาดนั้นหรอก”
เชียนหลิงอวี่ยังคงไม่วางใจ ยัดเยียดพลุไฟดอกหนึ่งให้เธอ บอกว่าหากเธอเหนื่อยจนแทบสลบก็ให้จุดพลุไฟลูกนี้ แล้วพวกเขาจะรีบมารับเธอ
กู้ซีจิ่วตอบรับ แล้วหันหลังจากไป
เชียนหลิงอวี่มองส่งจนนางเดินไปไกล ในใจตัดสินใจไว้ว่า จะไปดูนางทุกๆ สองชั่วยาม เลี่ยงไม่ให้นางเหนื่อยจนสลบไสลอยู่ในทุ่งแล้วถูกสัตว์ร้ายอันใดคาบไป
ต้องทราบก่อนว่าใกล้ๆ หน้าผาแห่งนั้นจะมีสัตว์ร้ายปรากฏตัวขึ้นเสมอ
กู้ซีจิ่วมาถึงด้านล่างหน้าผา จากนั้นได้พบว่าตี้ฝูอีก็อยู่ด้วย เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วงยืนสง่าอยู่ตรงนั้นท่ามกลางราตรีดูสูงส่งปานทพเซียนยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วเห็นขาอยู่ที่นี่ก็ค่อนข้างประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นก็เข้าใจนีว่าเขามาจับตาดูเธอ ดูเหมือนจะเกรงว่าเธอจะแอบใช้กลโกง…
“ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย” เธอประสานมือให้เขา ทำความเคารพแบบครึ่งขั้น
สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เคารพนับถือครูบาอาจารย์ยิ่งนัก นี่คือมารยาททั่วไปที่ศิษย์พึงมีต่ออาจารย์ ไม่เกี่ยวกับฐานะของแต่ละฝ่าย
————————————————————————————-
บทที่ 868 ดูเหมือนจะห่างไกลจากเขายิ่งกว่าเดิม
ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ มองสีหน้านางแวบหนึ่ง ดูเหมือนจะดูดีกว่ายามสายขึ้นมาหน่อย ไม่ซีดเซียวขนาดนั้นอีกแล้ว
“ที่ข้ามาประการแรกคือมาควบคุมเจ้า ประการที่สองคือเสริมบเรียนคาบที่แล้วให้เจ้า คาบที่แล้วเจ้าไม่มา คิดว่าน่าจะเข้าใจเนื้อหาไม่ครอบคลุม…” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณมาก ลำบากท่านแล้ว” กู้ซีจิ่วเอ่ยขอบคุณ ทำความเคารพตามมารยาทอีกครั้ง
ตี้ฝูอีเงียบไป
เขาอ้าปากขึ้น คลายว่าจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก้ไม่ได้พูดออกมา เปลี่ยนคำพูดกะทันหัน “พวกเราเริ่มกันเถอะ”
ตี้ฝูอีไม่ได้นำเนื้อหาบรรยายอะไรมา แต่เริ่มบรรยายเนื้อหาในคาบที่แล้วพวกนั้นให้เธอโดยตรง เขาจดจำได้ชัดเจนและละเอียดนัก ถึงขั้นนำเนื้อหาเหล่านั้นมาวิเคราะห์ในใจอย่าละเอียดอีกรอบ พยายามทำให้เข้าใจได้ง่ายๆ ทำให้เธอฟังรอบเดียวก็เข้าใจได้
กู้ซีจิ่วก็ตั้งใจฟังมากเช่นกัน สติปัญญาของเธอล้ำเลิศยิ่ง ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เธอสามารถระงับอารมณ์ด้านลบทั้งหมดไว้ได้ จิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องราวนี้โดยเฉพาะ
ตี้ฝูอีเตรียมที่นั่งไว้แล้ว ถึงขั้นเตรียมกระดาษกับพู่กันไว้ให้เธอด้วย ให้เธอจดบันทึกได้สะดวก
เมื่อบรรยายเนื้อหาทั้งหมดในคาบก่อนจบ เขาก็มองเธอแล้วเอ่ยถาม “ฟังทั้งหมดเข้าใจหรือไม่? มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจหรือเปล่า?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “เข้าใจทั้งสิ้นเจ้าค่ะ”
เธออ่านบันทึกของจิ้งจอกน้อยแล้วมีจุดไม่เข้าใจอยู่บ้างจริงๆ แต่พอเรียนเสริมครั้งนี้เธอก็เจาะจงฟังเนื้อหาส่วนนั้นเป็นพิเศษ ย่อมเข้าใจแล้ว
และเข้าใจยิ่งกว่าเดิมว่าเนื้อหาในคาบที่แล้วมีความสำคัญต่อการประยุกต์ใช้วิชาเหินหาวในครั้งนี้
เมื่อเช้าเธอจดจำบทเรียนคาบที่แล้วเข้าไปทั้งดุ้นโดยที่ไม่เข้าใจก็ยังสามารถเหาะได้สูงถึงเพียงนั้น! กู้ซีจิ่วก็นับถือตัวเองในยามนั้นแล้วเช่นกัน!
“กู้ซีจิ่ว เจ้าสามารถทำความเข้าใจอยู่ข้างล่างก่อนสักหน่อยได้ แล้วค่อยหาทางเหาะขึ้นไป เจ้าฝึกฝนดูก่อน ข้าจะดูว่าผิดตรงไหนไหม…” ตี้ฝูอีนั่งลงบนศิลาเขียวก้อนหนึ่ง มองเธอด้วยสายตาวาววาม
กู้ซีจิ่วก็มิได้พูดเป็นอื่น ตอบรับอีกครา “เจ้าค่ะ”
ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มจัดแจงท่าทางอยู่ตรงนั้น…
ใช้วิธีโคจรพลังยุทธ์ทั้งหมดในเส้นปราณตามที่เขาบอกก่อน จากนั้นก็รวบรวมพลังวิญญาณที่จำเป็นต่อวิชาเหินหาวไว้ที่แขนขาทั้งสี่…
เธอไม่ได้พักผ่อนมากหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ประกอบกับเช้าวันนี้หักโหมฝึกฝนอย่างหนัก พอเธอใช้วิธีโคจรพลังนนี้เช่นนี้ก็รู้สึกเพียงว่าแขนขาทั้งสี่ปวดร้าวไปทุกจุด ทำให้เธอเหงื่อตกทันที
สีหน้าตี้ฝูอีแปรเปลี่ยนนิดๆ ตรงเข้าไปหา กุมข้อมือข้างหนึ่งของเธอไว้ “หยุด!”
กู้ซีจิ่วที่ฝืนโคจรพลังยุทธ์อยู่ พอได้ยินวาจานี้ของเขาก็ลืมตาขึ้น ชักข้อมือกลับทันที ถอยหลังไปสองก้าว “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านจะทำอะไร?”
ตี้ฝูอีมองดูนาง นางประเดี๋ยวก็เรียกว่าท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายบ้าง ประเดี๋ยวก็เรียกว่า ‘ท่าน’ บ้าง ราวกับจะแบ่งแยกระหว่างนางกับเขา
ดูเหมือนจมีบางอย่างผิดไปเสียแล้ว
ตามวิธีที่มู่อวิ๋นบอกยามนี้นางควรจะมีท่าทีคับข้องหมองใจอย่างยิ่ง ใช้อารมณ์กับเขา ทะเลาะกับเขา ไม่แน่อาจจะโมโหจนร้องไห้ออกมา ถ้าสุดท้ายแล้วหัวใจนางมีเขาอยู่ ขอเพียงเขาค่อยๆ เกลี้ยกล่อมไปเอยๆ นางก็จะเปลี่ยนมุมมองใหม่…
แต่ยามนี้ นางไม่ร้องไม่ทะเลาะ ยังสงบนิ่งยิ่งนักอยู่ตลอด แต่ในใจกลับคล้ายตัดสินใจอะไรได้แล้ว
ทำให้เขาค่อนข้างร้อนรนอยู่บ้าง
ในใจนางมีเขาอยู่ เขาทราบดี
นางจำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ถึงจะทำให้นางรับรู้ความรู้สึกตัวเองได้ชัดเจน ยามนี้แรงกระตุ้นครั้งใหญ่ก็มีแล้ว แต่นางดูเหมือนจะห่างไกลจากเขายิ่งกว่าเดิม…
เขามองนาง เอ่ยถามออกไป “เมื่อคืนเจ้า…” เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านางกลับมาเร็วกว่าเขา เหตุใดถึงไม่ได้นอนทั้งคืนเล่า?
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเขาค่อนข้างสับสนว้าวุ่น จึงเลิกคิ้วมองเขา
————————————————————————————-