ตอนที่ 391 ร่างกายราวกับถูกดูดวิญญาณ โดย ProjectZyphon
ผลการทดสอบสมบูรณ์แบบ!
ปรากฏการณ์ในตำนาน ‘แสงทองทะยานฟ้า’!
หลังจากรู้ผลจากปากลิ่งหูซิว นักสลักวิญญาณที่อยู่ภายในโถงต่างอึ้งจนพูดไม่ออก ทำหน้าเหมือนเห็นผี
น่าทึ่งเกินไปแล้ว เดิมคิดว่าหลินสวินจะพ่ายแพ้ตั้งแต่ด่านแรกจนชื่อเสียงป่นปี้ ถูกตระกูลฉู่เยาะเย้ย
ใครจะคิดว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้
บรรยากาศอึมครึม เงียบจนน่ากลัว
พอมองฉู่ไห่ตงอีกครั้ง เขายิ้มค้างตรงมุมปาก ดวงตาเบิกโพลง ตัวแข็งค้างอยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า
ผลลัพธ์แบบนี้ประหนึ่งฟ้าผ่าจริงๆ ทำเอาเขาถึงกับทำอะไรไม่ถูก
ทำไม…ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้?
ภายในใจเขาร้องคำรามดุจสัตว์เดรัจฉาน ไม่อาจรับความจริงได้
“นะ นี่…นี่ไม่ใช่ของจริงใช่ไหม”
สีหน้าของฉู่อวิ๋นคงเปลี่ยนไป ท่าทางเหมือนไม่ตายใจ จึงเอ่ยเสียงสั่นขึ้นมา
เขารอแก้แค้นหลินสวินอยู่นะ ไหนเลยจะคิดว่าสถานการณ์จะพลิกผัน เกิดจุดเปลี่ยนอันชวนตะลึงเพียงนี้
ได้ยินแบบนี้ลิ่งหูซิวหน้าขรึมทันที พูดอย่างไม่พอใจ “แสงทองทะยานฟ้าจะปลอมได้อย่างไร หากเจ้าไม่เชื่อก็ขึ้นมาทดสอบบนแท่นประตูมังกรดู หากสามารถทำให้เกิดแสงทองทะยานฟ้า ข้าจะขอโทษเจ้าเดี๋ยวนี้!“
ฉู่อวิ๋นคงตัวสั่นไปหมด ถูกโจมตีจนขวัญหนีดีฝ่อ ในที่สุดก็ยอมเชื่อว่าทั้งหมดนี้มันจริงเสียยิ่งกว่าจริง!
บรรยากาศภายในโถงยิ่งวังเวงเข้าไปใหญ่ ทุกสายตาที่มองไปยังคนตระกูลฉู่ต่างดูแปลกประหลาด
ก่อนหน้านี้พวกเขายังประกาศอย่างมาดมั่นอยู่เลยว่า ไม่มีทางที่หลินสวินจะผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกร ทั้งยังเย้ยหยันหลินสวินทุกทาง
แต่ตอนนี้พอเกิดแสงทองทะยานฟ้า ราวกับเป็นการตบหน้าคนตระกูลฉู่อย่างแรง!
……
ในอีกโถงหนึ่ง บรรยากาศดูคลุมเครือมาก
เหล่าผู้มีชื่อเสียงต่างนิ่งเงียบ มีความคิดที่แตกต่างกันไป สีหน้าเผยความอึดอัดไม่มากก็น้อย เพราะเมื่อครู่นี้พวกเขายังคิดว่าหลินสวินยังเด็กจึงบ้าระห่ำ ไม่รู้จักประมาณความสามารถของตัวเอง
ถึงขั้นประกาศว่า หากหลินสวินทำแบบนี้ต่อไปภูเขาชำระจิตจะต้องพินาศคามือเขาแน่!
ทว่าตอนนี้…
ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ!
อีกทั้งจุดเปลี่ยนนี้ยังชวนตะลึงมาก ‘แสงทองทะยานฟ้า’ ในตำนาน กลับเกิดขึ้นกับเด็กอายุสิบกว่าปีอย่างหลินสวินที่ยังเป็นเพียงนักสลักวิญญาณชั้นต้น ใครจะกล้าคิดเล่า
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้ฉู่ไห่ตงได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมา แต่เมื่อเจอกับปรากฏการณ์ ‘แสงทองทะยานฟ้า’ แล้ว ถือว่าเล็กน้อยมาก!
“นี่มัน…”
ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งส่งเสียงขึ้น แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
“ครั้งนี้ทุกคนต่างมองพลาดไป เฮอะ อยู่มาจนปูนนี้คิดไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าหนุ่มนี่หลอกตา”
อวี๋เป่ยโต้วหัวเราะน้อยๆ พูดเยาะหยันตัวเอง
“อวี๋เป่ยโต้ว ฉู่ไห่ตงยกให้เจ้าก็ได้ แต่สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิต้องได้ตัวหลินสวิน!”
เฉิงจิ่งพูดเสียงขรึมอย่างเด็ดขาด
“อย่าได้ฝันไปเลย!”
ไม่คิดเลยว่าสีหน้าของอวี๋เป่ยโต้วจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “ยอดฝีมือระดับประวัติการณ์แบบนี้ ข้าจะยอมให้คนอื่นได้อย่างไร”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีของแต่ละคนแล้ว แต่ข้ารับรองได้เลยว่า สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของข้าทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวหลินสวินมา!”
สีหน้าของเฉิงจิ่งเผยความหมายมาด
ในชั่วพริตาทั้งสองก็ทะเลาะกันอีกครั้งเพื่อช่วงชิงตัวหลินสวิน ทำเอาผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ต่างยิ้มเศร้าสบประสานสายตากัน
และในขณะนั้นเอง เสิ่นทั่วก็พูดขึ้น “ทั้งสองท่าน ก่อนหน้านี้สำนักศึกษามฤคมรกตของข้าไม่ได้แย่งชิงฉู่ไห่ตงกับพวกท่าน แต่ตอนนี้เพื่อให้ได้ตัวยอดฝีมืออย่างหลินสวิน สำนักศึกษามฤคมรกตก็ขอเข้ามาช่วงชิงด้วย”
ทุกคนอึ้งงันไปทันที ในใจพลันรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
พวกเขาเองก็อยากได้ตัวหลินสวิน แต่เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ และสำนักศึกษามฤคมรกตแล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว!
ยิ่งเห็นตอนนี้ทั้งอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วต่างทำท่าว่าหากไม่ได้ตัวหลินสวินก็จะไม่ยอมรามือเด็ดขาด จะให้พวกเขากล้าเข้าไปแทรกแซงได้อย่างไร
“ผู้อาวุโสทุกท่าน นี่เพิ่งจะผ่านการทดสอบด่านแรกไป พวกท่านด่วนตัดสินเพียงนี้เห็นจะ…ใจร้อนเกินไปหรือเปล่า”
เฟิงชิงโยวอดเตือนไม่ได้
ทันใดนั้นทั้งอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วพลันถูกเรียกสติกลับคืนมา ต่างฝ่ายต่างสบตากันด้วยท่าทางเหมือนกำลังบอกว่า ‘คอยดูเถอะ’
ทำเอาเฟิงชิงโยวอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ ตอนที่นางผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรก็เคยได้รับเกียรติเช่นนี้ แต่ตอนนั้นไม่ได้ดุเดือดเพียงนี้…
……
“ไห่ตง ทำอย่างไรดี”
ฉู่อวิ๋นคงหน้าถอดสี พูดขึ้นอย่างหวาดหวั่น
ฉู่ไห่ตงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนกัดฟันพูดด้วยเสียงต่ำ “ยังไวไป! นี่เพิ่งจะด่านแรกเท่านั้น กลัวอะไร แม้หลินสวินจะร้ายกาจเพียงใด ก็ใช่ว่าจะผ่านการทดสอบอันหนักหน่วงหลังจากนี้ได้!”
“ใช่!”
ฉู่อวิ๋นคงตั้งสติ “แสงทองทะยานฟ้าแล้วอย่างไร ยังเหลือการทดสอบอีกแปดศิลาบนประตูมังกร ไม่ว่าเด็กนั่นจะเก่งมาจากไหน ใครจะมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่พลาด”
แม้จะพูดเช่นนี้แต่ฉู่ไห่ตงและฉู่อวิ๋นคงกลับไม่มั่นใจเลยสักนิด เพราะถึงอย่างไรแสงทองทะยานฟ้าก็น่าตกตะลึงมาก!
ยามนี้หลังจากผ่านความตะลึงและเสียงฮือฮาในตอนแรก เหล่านักสลักวิญญาณในโถงต่างค่อยๆ กลับสู่ความสงบและเพ่งสายตาไปที่แท่นประตูมังกรอีกครั้ง
หลินสวินกำลังเข้ารับการทดสอบบนศิลาหลักที่สอง
โดยไม่รับรู้เลยว่า ด้านล่างแท่นประตูมังกรเกิดเสียงฮือฮาดุเดือดเพราะผลงานอันน่าทึ่งของเขา
เหมือนกับตอนที่หยั่งถึงรอยสลักพิสดารในศิลาหลักที่หนึ่ง เพียงแต่รอยสลักพิสดารบนศิลาหลักที่สองดูลึกลับและซับซ้อนกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็ทำอะไรหลินสวินไม่ได้
เขาในยามนี้กำลังมัวเมาอยู่ในมิติอย่างลืมตัว ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณล้วนจดจ่อกับโลกของรอยสลักวิญญาณอันมหัศจรรย์
สำหรับเขาแล้ว การได้หยั่งถึงและเรียนรู้รอยสลักวิญญาณเหล่านี้ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ความรู้สึกนั้นดีงามประหนึ่งปลาได้น้ำ
ที่แตกต่างจากรอบที่แล้วคือ ครั้งนี้เพียงเวลาครึ่งถ้วยชา หลินสวินก็สามารถหยังถึงและควบคุมรอยสลักพิสดารทั้งหมดบนศิลาหินหลักที่สองได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหลอมรวมกลายเป็นกระบวนรอยสลักวิญญาณอันลึกลับ!
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง แสงทองสายหนึ่งได้ปรากฏสู่สายตาของทุกคนอีกครั้ง ไหลท่วมออกมาจากฐานศิลาหลักที่สองประหนึ่งน้ำหลั่ง!
ฮู้ม~~
เพียงพริบตาเดียว ศิลาโบราณหลักที่สองก็ถูกแสงทองอร่ามเปล่งประกายนั้นปกคลุม ส่องสว่างเจิดจ้า ระยิบระยับเกรียงไกร!
นี่มันน่าตะลึงยิ่งนัก ตอนศิลาหลักที่หนึ่งหลินสวินใช้เวลาหนึ่งถ้วยชากว่าจะทำให้เกิดแสงทองทะยานฟ้าได้
แต่เมื่อเผชิญกับศิลาหลักที่สองที่ยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนี้ เวลาที่หลินสวินสามารถหยั่งถึงได้กลับน้อยลงไปกว่าครึ่ง!
คนมากมายต่างตื่นตะลึงจนยากจะสงบลงได้
สีหน้าของฉู่ไห่ตง ฉู่อวิ๋นคงและเหล่าผู้คนใสตระกูลฉู่ต่างย่ำแย่อย่างถึงที่สุด จนแทบจะพังทลายลงมาแล้ว
ส่วนในอีกหนึ่งโถง เหล่าผู้มีชื่อเสียงล้วนอดลุกขึ้นยืนไม่ได้ ในขณะที่สีหน้าเผยความตื่นเต้นอย่างที่สุด
แสงทองทะยานฟ้าเกิดขึ้นอีกครั้ง!
และก็เป็นอีกครั้งที่ปรากฏการณ์ในตำนานเกิดขึ้นจริง!
ถ้าจะบอกว่ารอบแรกหลินสวินทำได้เพราะโชคช่วย แต่ครั้งที่สองนี้ก็อ้างไม่ได้แล้วว่าเป็นเพราะโชค!
เพียงแต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตื่นตะลึงไวเกินไป
เพราะหลังจากนั้นหลินสวินราวกับถูกวิญญาณเซียนเข้าสิง สามารถผ่านการทดสอบแต่ละศิลาหลักแล้วหลักเล่าได้อย่างราบรื่น และอัตราความเร็วที่เขาผ่านการทดสอบยังไวขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด!
ช่างเป็นการเปิดโลกทัศน์อย่างแท้จริง ที่ผ่านมานักสลักวิญญาณคนใดก็ล้วนรู้สึกว่าเก้าศิลาประตูมังกรนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละด่าน
แต่ดูหลินสวินสิ อัตราความเร็วที่เขาผ่านการทดสอบกลับไวขึ้นเรื่อยๆ เหลือเชื่อจริงๆ!
แน่นอนว่าสิ่งที่ชวนตะลึงมากที่สุดคือ ทุกครั้งที่หลินสวินผ่านการทดสอบล้วนเกิดแสงทองทะยานฟ้า!
อย่างไม่มีข้อยกเว้น!
เหล่านักสลักวิญญาณในโถงล้วนรู้สึกเหมือนแทบจะคลั่งแล้ว หัวใจเต้นระทึกจนแทบทนไม่ไหว น่ากลัวมาก ใครจะคิดว่าความสำเร็จในศาสตร์การสลักวิญญาณของหลินสวินจะร้ายกาจถึงเพียงนี้
นี่ไม่เพียงสร้างปาฏิหาริย์แล้ว เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เลยเชียว!
ต่อไปภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณจะต้องบันทึกผลงานในวันนี้ของหลินสวินเข้าไปในหน้าประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ จนกลายเป็นเรื่องเล่าขานรุ่นสู่รุ่นแน่!
เพราะถึงอย่างไรก็ยังไม่เคยมีนักสลักวิญญาณคนใดที่เป็นเหมือนหลินสวิน อายุเพียงสิบกว่าปี กลับมีความเชี่ยวชาญและความรู้ลึกซึ้งน่าหวาดกลัวเช่นนี้!
และในอีกโถง ผู้มีอิทธิพลอย่างอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วต่างลมหายใจถี่กระชั้น สายตาดูบ้าคลั่ง หัวใจเต้นระทึกรุนแรง ไม่อาจควบคุมตัวเองอยู่
เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
หลินสวินคนนี้ช่างเก่งเกินมนุษย์!
พวกเขากำลังคิดคำนวณในใจว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด จึงจะได้ผู้กล้ามากความสามารถอย่างหลินสวินมาอยู่ภายใต้อำนาจของตัวเอง
“เขา…”
เฟิงชิงโยวเองก็อึ้งงันอยู่กับที่ ใบหน้างดงามบริสุทธิ์เผยความตะลึงเต็มประดา ดวงตาเป็นประกายวิบวับ ไม่ได้มีท่าทางเกียจคร้านและผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
นางเองก็ตะลึง ถึงขั้นตกใจแล้ว
เมื่อก่อนความสำเร็จในด้านการสลักวิญญาณของนาง ได้รับการยอมรับให้เป็นแม่ทัพในบรรดาหนุ่มสาว ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ได้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว ชื่อเสียงสะท้านไปทั่วทั้งจักรวรรดิ
แต่ขณะนี้กลับมีคนที่สุดยอดกว่านางโผล่มา เด็กหนุ่มที่โดดเด่นกว่า ยอดเยี่ยมกว่า ถึงขั้นทำให้นางรู้สึกพ่ายแพ้ในหนทางแห่งนักสลักวิญญาณ
……
ศิลาหลักที่เก้า!
ศิลาที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ด่านคูน้ำสวรรค์’
ทุกคนยังไม่ทันตั้งสติจากความตะลึงได้ด้วยซ้ำ หลินสวินก็ผ่านการทดสอบไปได้อย่างราบรื่นแล้ว!
วินาทีที่เห็นแสงทองท่วมล้นศิลาหลักที่เก้าราวกับคลื่นน้ำ เหล่านักสลักวิญญาณที่ถูกความตะลึงครอบงำมาตั้งนานแล้วต่างอดส่งเสียงฮือฮากันอย่างดุเดือดไม่ได้!
ผ่านแล้ว!
หลินสวินผ่านการทดสอบด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อและรักษามาตรฐานคงเส้นคงวา ผ่านทั้งเก้าศิลาประตูมังกรได้ในรวดเดียว!
ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ บนศิลาหลักที่เก้าก็เกิดแสงทองทะยานฟ้าด้วยเช่นกัน!
ทั้งหมดนี้ราวกับความอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีกในอนาคตมาปรากฏให้เห็นตรงหน้า แรงสะเทือนนั้นหาที่เปรียบมิได้!
หลินสวินในยามนี้ ใครกล้าบอกว่าเขาไม่ใช่ปรมาจารย์สลักวิญญาณที่แท้จริง คงจะกลายเป็นเรื่องน่าขำและน่าเหยียดหยามอย่างที่สุด
พลั่ก!
และในตอนนั้นเอง ฉู่ไห่ตงพลันล้มลงบนเก้าอี้อย่างหมดอาลัยตายอยาก ดวงตาทั้งสองเลื่อนลอย
ผลการทดสอบสมบูรณ์แบบน่าตะลึงของหลินสวินราวกับค้อนขนาดใหญ่ ทุบลงกลางหัวใจของเขาจนแตกเป็นเสี่ยงๆ!
ฉู่ไห่ตงรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้ามืดสลัวลง ร่างกายราวกับถูกดูดวิญญาณ…