ภาคที่ 1 บทที่ 175 การสอบครั้งนี้สำคัญ

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 175 การสอบครั้งนี้สำคัญ

“เหตุผลที่สอง ผมคิดว่ามีเด็กคนหนึ่งที่สมควรเป็นผู้ชนะมากกว่าลูกผมเอง”

หลี่เคอหมิงพูดต่อ

“ใครเหรอครับ?”

ผู้ร่วมวงประชุมถามด้วยความสงสัย

หลี่เคอหมิงมีสถานะเป็นหนึ่งในแพทย์แผนจีนชื่อดัง ดังนั้น ผู้ที่ได้รับการจับตามองจากเขาจึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

“ซูเย่”

หลี่เคอหมิงตอบ

“ซูเย่? ที่เป็นเด็กจากคณะอื่นใช่ไหมครับ? เห็นว่าเขาเพิ่งมาศึกษาเรื่องแพทย์แผนจีนได้ไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำ นี่มัน…”

“ซูเย่เป็นเด็กจากคณะอื่น แถมไม่มีพื้นฐานเรื่องการรักษาผู้คนมาก่อน แล้วเขาจะทำได้จริง ๆ เหรอครับ?”

ผู้ร่วมวงประชุมหลายคนอดถามออกมาไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าซูเย่กำลังเรียนพิเศษอยู่กับหลี่เคอหมิง เพราะฉะนั้น จึงไม่มีใครกล้าพูดจาดูถูกเด็กปีหนึ่งจากคณะวิจัยสมุนไพรจีนคนนี้ต่อหน้าหลี่เคอหมิงมากเกินไป

“ฮ่าฮ่า”

หลี่เคอหมิงหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ผมรู้ว่าพวกคุณคิดอะไรอยู่ แต่เดี๋ยวทุกคนก็เข้าใจเองนั่นแหละ”

“แต่ว่า…”

“สิ่งที่ผมกำลังจะพูดก็คือ ผมอุตส่าห์เสียสละลูกสาวของตัวเองแล้ว พวกคุณก็ควรตัดสินผลการสอบอย่างยุติธรรมเช่นกัน ผู้ชนะในครั้งนี้จะต้องเป็นเด็กที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดเท่านั้น ห้ามเอาเหตุผลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเด็ดขาด!”

ทุกคนพยักหน้ารับคำอย่างหนักแน่น

ครั้งนี้ พวกเขาเองก็จะเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญเช่นกัน เพราะเมื่อการสอบสิ้นสุดลง ทุกคนที่อยู่ร่วมวงประชุมในขณะนี้ก็จะต้องรับลูกศิษย์คนใหม่ ดังนั้น ทุกคนจึงจำเป็นต้องคัดเลือกเอาแต่เด็กที่มีศักยภาพมากที่สุดเท่านั้น

แต่ผู้ร่วมวงประชุมก็ยังอดสงสัยอยู่ในใจไม่ได้ว่า

ซูเย่เก่งกาจถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?

สองชั่วโมงต่อมา

ซูเย่ชูมือขึ้นในอากาศ

ผู้เข้าสอบทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย

เช่นเดียวกับผู้คุมสอบ

ซูเย่พูดว่า “ขอส่งข้อสอบครับ”

ทันทีที่ประกาศออกไป บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ

จะส่งข้อสอบอย่างนั้นหรือ?

ต้องทำข้อสอบให้เสร็จก่อนสิ ถึงจะส่งข้อสอบได้!

อย่าบอกนะว่าหมอนี่ทำเสร็จแล้ว?

ทุกคนที่อยู่ในห้องสอบจ้องมองซูเย่ด้วยความพิศวง

ผู้คุมสอบถามย้ำด้วยความไม่แน่ใจว่า

“ยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงเลยนะ คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าอยากจะส่งข้อสอบ?”

“แน่ใจครับ”

ซูเย่พยักหน้า

“ถ้าคุณยังทำไม่เสร็จ ผมขอแนะนำให้คุณทำให้เสร็จก่อนดีกว่า” ผู้คุมสอบเดินเข้ามารับกระดาษข้อสอบไปจากมือของซูเย่และเปิดดูคำตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ก่อนที่ดวงตาของเขาจะต้องเบิกโตด้วยความตกตะลึง

ปรากฏว่ากระดาษข้อสอบ 20 แผ่นของซูเย่ได้รับการตอบคำถามเสร็จสิ้นทุกข้อ

นอกจากจะทำข้อสอบได้อย่างรวดเร็วแล้ว แม้แต่ลายมือของชายหนุ่มก็ยังเขียนออกมาอย่างสวยงาม!

“ผมทำเสร็จแล้วนะครับ”

ซูเย่ว่า

ทำข้อสอบเสร็จแล้ว?

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เพื่อนนักศึกษาที่อยู่ในห้องสอบด้วยกันต่างก็ปากอ้าตาค้างด้วยความเหลือเชื่อ

นี่พวกเขาหูฝาดไปหรือเปล่านะ? สองชั่วโมงผ่านไป ทุกคนยังทำข้อสอบได้ไม่ถึงครึ่งทางเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมซูเย่ถึงทำเสร็จแล้ว?

ยิ่งนึกได้ว่าซูเย่ไม่ได้มาจากคณะแพทย์แผนจีนโดยตรง เรื่องราวนี้ก็ยิ่งไม่สมเหตุสมผลไปกันใหญ่

พลัน ทุกคนหัวเราะในลำคอด้วยความเหยียดหยาม

สงสัยซูเย่คงทำข้อสอบโดยอาศัยลูกมั่วเข้าว่าล่ะสิท่า

ทำเสร็จเร็วก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้คะแนนดีสักหน่อย

หลังจากหัวเราะเยาะใส่ซูเย่จนพอใจแล้ว บรรดาเด็กจากคณะแพทย์แผนจีนก็หันกลับมาก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบของตัวเองต่อไป

ผู้คุมสอบได้แต่ถือกระดาษข้อสอบของซูเย่กลับไปยังโพเดียมของตัวเอง แต่ก็อดพิศวงสงสัยไม่ได้ว่า

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นความจริงได้อย่างไร?

เขาหันหน้าไปชำเลืองมองซูเย่อีกหลายครั้งโดยไม่รู้ตัว

จังหวะนี้

ซูเย่เก็บข้าวของเสร็จแล้ว กำลังจะเตรียมตัวเดินออกจากห้องสอบ

“เดี๋ยวก่อน”

ผู้คุมสอบร้องเรียก

“ครับ?”

ไม่ใช่แค่ซูเย่เท่านั้น แต่เด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องสอบก็ต้องหันไปมองผู้คุมสอบด้วยความแปลกใจเช่นกัน

“เดิมทีฉันต้องประกาศเรื่องนี้ตอนที่ทุกคนสอบเสร็จแล้ว แต่ในเมื่อนายส่งข้อสอบเร็วกว่ากำหนด ฉันก็เลยจะขอประกาศตอนนี้เลยแล้วกัน” ผู้คุมสอบพูดเสียงดังฟังชัด “เพื่อความยุติธรรมต่อทุกคน ทางมหาวิทยาลัยจะจัดการสอบช่วงที่สองในเวลาบ่ายสองโมงของวันนี้ เวลาที่ใช้ในการสอบก็คือสามชั่วโมงเช่นกัน สถานที่สอบยังคงเป็นที่นี่ ที่นั่งของทุกคนยังเป็นที่เดิม กรุณามาเข้าสอบให้ตรงเวลาด้วย”

หืม?

เมื่อได้ยินคำประกาศนี้ ภายในห้องสอบก็ดังอื้ออึงไปด้วยเสียงครวญครางและเสียงอุทานอย่างท้อใจ

“ยังต้องสอบอีกรอบเหรอเนี่ย? นี่มันความยุติธรรมแบบไหนกัน แถมยังต้องใช้เวลาอีกตั้งสามชั่วโมง!”

“แบบนี้ไม่เรียกว่ายุติธรรมแล้ว เรียกว่ากะเอากันให้ตายเลยมากกว่า ใครจะไปทำไหวอ่ะ!”

นักศึกษาบางส่วนร้องโอดครวญด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็ยังมีนักศึกษาอีกจำนวนมากที่ก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบต่อไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่ปริปากบ่นใด ๆ

เพราะพวกเขาถือคติที่ว่า ระหว่างที่คนอื่นเอาแต่บ่นอยู่นี้ พวกเขาเอาเวลามาทำข้อสอบดีกว่า ไม่แน่ว่าคำตอบที่พวกเขาเขียนลงไปในเวลาเดียวกันนี้ อาจจะช่วยทำให้ตนเองกลายเป็นผู้เข้าสอบ 100 คนสุดท้ายก็เป็นได้!

ซูเย่เดินกลับออกมาจากห้องสอบด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

ด้านนอกตึกใหญ่ปราศจากผู้คน บรรยากาศเงียบสงบ

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความไปแจ้งหลี่เคอหมิงสั้น ๆ ว่า : สอบเสร็จแล้วครับ

เมื่อหลี่เคอหมิงผู้อยู่ในห้องประชุมได้รับข้อความ ก็ฉีกยิ้มออกมาด้วยความพอใจ และตอบกลับข้อความกลับไปว่า “ตอนบ่ายก็พยายามให้เต็มที่เลยนะ”

“ขอบคุณครับ”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

การสอบช่วงเช้าจบลง

คณะนักศึกษาทยอยเดินออกมาจากห้องสอบ

“ข้อสอบยากจังเลยว่ะ เวลาแค่สามชั่วโมงมันจะไปพออะไร มีใครทำได้ครบพันข้อบ้าง?”

“นั่นสิ ขนาดฉันยังทำไม่ครบเลย”

“นอกจากข้อสอบจะยากแล้ว เวลาทำข้อสอบยังน้อยอีก เฮ้อ แล้วใครมันจะทำเสร็จวะ”

ระหว่างทางไปโรงอาหาร

กลุ่มนักศึกษาจำนวนมากเดินไปด้วยบ่นไปด้วยเสียงดังวุ่นวาย

“ฉันได้ยินมากับหู ลวี่อวิ๋นเผิงบอกว่าตัวเองก็ทำไม่เสร็จเหมือนกัน ขนาดนักศึกษาท็อปห้าของมหาลัยยังทำไม่ได้ แล้วพวกเราจะไปเหลืออะไร”

“ฉันจะบอกให้นะ ฉันสอบรอบเดียวกับลู่จวิ้น รายนี้เห็นว่าต้องรีบทำให้เสร็จเพราะกลัวจะไม่ทันเวลา แสดงว่าคำตอบต้องมีผิดหลายข้อแหง ๆ”

ทันใดนั้น นักศึกษาคนหนึ่งโพล่งออกมาว่า

“ฉันเข้าสอบที่ห้อง 8 อยู่รอบเดียวกับซูเย่ หมอนี่มันไม่ได้มาจากคณะแพทย์แผนจีนด้วยซ้ำ แต่ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงมันทำข้อสอบเสร็จเฉยเลย”

“ซูเย่?”

“สองชั่วโมง? หมอนั่นรู้หรือเปล่าว่าการสอบครั้งนี้สำคัญแค่ไหน?”

“หมอนี่ไม่ได้มาจากคณะแพทย์แผนจีน ใช้เวลาทำข้อสอบเสร็จเร็วขนาดนี้ ก็มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่างนะ คือถ้าไม่เก่งสุด ๆ ก็ตอบมั่วสุด ๆ ไปเลย!”

“ฮ่าฮ่า…”

ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ

ขณะนี้ ซูเย่ ซูชือและจินฟานกำลังนั่งรับประทานข้าวกลางวันอยู่ในโรงอาหาร

ซูชือได้ยินคำพูดถากถางเหล่านั้นก็เลือดขึ้นหน้า ลุกขึ้นยืน ส่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมกับชี้มือไปที่บัตรสมาชิกสมาคมแพทย์แผนจีนบนหน้าอกของซูเย่

“ซูเย่เป็นสมาชิกของสมาคมแพทย์แผนจีนอย่างเป็นทางการแล้วนะโว้ย พวกนายมีปัญญาทำได้อย่างเขาหรือเปล่า? ถ้ามีปัญญาเอาบัตรสมาชิกแบบนี้มาติดหน้าอกได้เหมือนเขาเมื่อไหร่ ค่อยมาทำปากดีก็แล้วกัน!”

เมื่อคำพูดหลุดออกจากปาก

บทสนทนาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามและถ้อยคำถากถางเหล่านั้นก็เงียบลงทันที

ให้ตายเถอะ!

มีบัตรสมาชิกสมาคมแพทย์แผนจีนติดตัวมันดีแบบนี้เองสินะ!

เอาไว้ใช้ข่มคนอื่นได้ตลอด!

มันเป็นการตอกหน้าเด็กคณะแพทย์แผนจีนว่า ถ้าไม่เก่งจริงก็อยู่เงียบ ๆ ไปซะ!

ว่าแต่มีใครรับทำบัตรสมาชิกเถื่อนบ้างไหมเนี่ย?