ตอนที่37 พร้อมประกาศรับคำท้า

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่37 พร้อมประกาศรับคำท้า NovelHall

ตอนที่37 พร้อมประกาศรับคำท้า

เมื่อเห็นท่าทางสุดโมโหของเจียงเสี่ยวปิง จ้าวเฉียนก็คลี่ยิ้มเบิกกว้างด้วยความสบายใจ

ไม่นานก็มาถึง รถคันสวยเข้าจอดที่ชั้นใต้ดินของตึก เจียงเสี่ยวปิงนั่งนิ่งอยู่บนรถอย่างกระสับกระส่าย อีกด้าน จ้าวเฉียนก็ขึ้นไปหาหยวนมี่

จ้าวเฉียนมาที่ชั้น10 แต่แทนที่จะไปหาหยวนมี่โดยตรง เขากลับเลี้ยวไปทางออฟฟิศของแพลตฟอร์ม เทียนซูวที่อยู่ติดกัน

พนักงานสาวประจำอยู่ที่แผนกต้อนรับ เอ่ยปากทักทายพร้อมรอยยิ้มหวานทันทีว่า

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันช่วยหรือไม่ค่ะ?”

ท่าทางการแสดงออกของพนักงานสาวที่คอยต้อนรับดูเป็นกันเอง ใครเห็นก็รู้สึกสบายใจเมื่อเดินเข้ามา แตกต่างไปจากพนักงานต้อนรับของบริษัทซิงหยวนโดยสิ้นเชิง ที่ชอบเอาแต่ดูถูกคนอื่น

จ้าวเฉียนยิ้มและตอบไปว่า

“พอดีเลย ฉันขอพบCEOของที่นี่หน่อยครับ รบกวนติดต่อหาคุณหงซิ่วและบอกว่าจ้าวเฉียนต้องการพบเธอครับ”

“ได้เลยค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”

พนักงานสาวแผนกต้อนรับ รีบยกโทรติดต่อเรียกหงซิ่วทันทีและบอกไปว่า มีแขกที่ชื่อว่า จ้าวเฉียน มาขอเข้าพบเธอ

หงซิ่ววางสายและรีบวิ่งออกมาโดยเร็ว แต่เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยขึ้น ขณะใกล้มาถึงแผนกต้อนรับ เธอก็เปลี่ยนท่าทางเป็นค่อยๆ เดินเข้ามาหาแทน ทันทีที่มาถึงก็เอ่ยขึ้นว่า

“คุณจ้าว ยินดีต้อนรับค่ะ”

จ้าวเฉียนยิ้มพลางพยักหน้าตอบ จากนั้นก็ตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวพร้อมกับหงซิ่ว

หงซิ่วผายมือเชิญให้จ้าวเฉียนไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเอง และกล่าวขึ้นอย่างสุภาพว่า

“ประธานจ้าว เชิญนั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันไปรินน้ำให้สักแก้วนะคะ”

จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบเธอว่า

“ไม่จำเป็น วันนี้ที่ขึ้นมา ผมมาทำธุระอย่างอื่น อ่อ พอดีผมเป็นอีกบริษัทนึงทำเกี่ยวกับวงการบันเทิงชื่อ เฉียนเก๋อ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อยู่ติดกับบริษัทนี้เลย สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้เสมอนะครับ แต่กฎเกณฑ์ยังคงเหมือนเดิม ห้ามเปิดเผยตัวตนของผม”

“เข้าใจแล้วค่ะ ประธานจ้าวนี่มีพรสวรรค์ด้านการทำธุระกิจจริงๆ ไม่นานก็เปิดบริษัทแห่งใหม่ได้แล้ว”

“ฮ่าฮ่า…ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ก็ค่อยเป็นค่อยไป เอ่อแล้ว…อู๋ซินเป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่มีปัญหาอะไรมากค่ะ หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ก็มีเหล่าบรรดาแฟนคลับ หาหลักฐานต่างๆ นาๆ มาแก้ต่างให้ จนเรื่องนี้มันจบลงด้วยดี ทางเราได้เพิ่มช่องทางโปรโมตพร้อมคิดคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้เธออยู่ตลอด ตอนนี้ไลฟ์สตีมทุกวัน จนมีผู้ชมเฉลี่ย500,000ถึง1ล้านคนต่อวัน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ นี่ไม่ได้เลวร้ายเลย ในทางตรงข้ามกลับเริ่มต้นได้ดีมาก ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือนสามารถปั้นยอดผู้ชมจนแตะหลักล้านได้ นี่ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และความนิยมยังต้องสะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่ทั้งคู่สนทนากันสักพัก จ้าวเฉียนก็ขอตัวออกจากออฟฟิศแพลตฟอร์ม เทียนซูว และไปยังออฟฟิศบริษัท เฉียนเก๋อ

หยวนมี่ที่กำลังนั่งสัมภาษณ์ผู้คนที่มาสมัครงานจำนวนมาก พอเห็นว่าจ้าวเฉียนมาถึงที่นี่แล้ว เธอจึงรีบปลีกตัวออกมาทันที ทั้งยังทิ้งท้ายไปว่า ขอให้ผู้สมัครทุกคนเตรียมความพร้อมให้ดีก่อนเข้าสัมภาษณ์จริง

หยวนมี่วิ่งตรงเข้ามาหา เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า

“ประธานจ้าว ดิฉันแสดงเป็นไงบ้าง?”

จ้าวเฉียนขึ้นกับยกนิ้วให้เธอและกล่าวชมเชยทันที

“ยอดเยี่ยม! เล่นนอกบทพลิกแพลงสถานการณ์ได้ดี ดูไปดูมาเธอก็มีพรสวรรค์ด้านนี้เหมือนกันนะ! ฮ่าฮ่า…ไปสัมภาษณ์งานต่อเถอะ ฉันขอนอนพักที่นี่สักแปปนึง”

“ประธานจ้าวดื่มน้ำสักแก้วก่อนไหมคะ? เดี๋ยวดิฉันไปรินให้”

“อ๋อ…แขนขาฉันยังมีอยู่น่ะ เรื่องแค่นี้ฉันทำเองได้ ไปจัดการงานตัวเองต่อเถอะ”

หงซิ่วยกมือขึ้นป้องปากพลางขำเล็กน้อย แล้วก็รีบจากออกไปสัมภาษณ์ต่อ ตอนนี้เธอรู้สึกว่า จ้าวเฉียนแตกต่างไปจากทายาทหรือเศรษฐีคนอื่นๆ คนพวกนั้นมีทั้งเงินและอำนาจ โดยส่วนใหญ่เป็นพวกขี้เอาแต่ใจจนเสียนิสัย แต่จ้าวเฉียนกลับไม่ใช่แบบนั้นเลย เขาเป็นพวกอยู่ง่ายกินง่าย ทั้งยังถ่อมตนและไม่เคยใช้อำนาจหรือเม็ดเงินรังแกหรือดูถูกคนอื่นเลย

คนแบบนี้สิถึงจะสมกับคำว่า คนรวย

จ้าวเฉียนนั่งพิงเก้าอี้ประธานของหยวนมี่ พลางหยิบมือถือออกมาอ่านนิยาย ทันทีที่จิ้มเข้าไปในแอป ก็เพิ่งค้นพบได้ว่า วันนี้เป็นวันสิ้นเดือนและเป็นเวลาที่นิยายแต่ละเรื่องต้องเร่งทำยอด เพื่อให้ได้สิทธิ์ขึ้นแท่นนิยายฮิตติดหน้าแรก

แต่ด้วยกระแสที่มาแรงแซงทางโค้งของเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》ทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งปั่นยอดหรือโปรโมทใดๆ เพราะนิยายเรื่องนี้ทรงคุณค่าในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกัน สองมหาเทพแพลตตินั่มยังต้องพึ่งพาเงินสนับสนุนจากหยางหมิง เพื่อให้ได้ขึ้นติดทำเนียบนิยายฮิต สุดท้ายนี้ สองมหาเทพแพลตตินั่มก็ยังไม่เลิกก่อปัญหา พวกเขาเข้ามาเขียนข้อความในช่องสนทนาบัญชีของหรูเมิ่งว่า พึ่งพาแต่กระแสและโชคช่วย ถ้าเทียบตั๋วเข้าซื้อนิยายรายเดือน ของพวกเขามีมากกว่านิยายเธอมาก นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเขามีความสามารถเหนือกว่าเธอในด้านการเขียนนิยาย

หรูเมิ่งตอบกลับไปหาสองมหาเทพแพลตตินั่มไปว่า ที่ตั๋วเข้าอ่านนิยายรายเดือนของพวกเขามากกว่า เพราะว่ามีโปรโมชั่นลดราคา ในขณะที่นิยายของเธอไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ขายดี และเธอไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับพวกเขาให้เปลืองตัว เธอมีหน้าที่แค่ตั้งใจเขียนในแต่ละตอนให้ออกมาดีที่สุดก็เท่านั้น

แต่ทั้งสองคนนี้ก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ พวกเขาโต้กลับไปทันทีว่า เป็นเพราะกระแสนิยมของนิยายเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》ตกลงใช่ไหม ถึงไม่กล้านำไปเปรียบเทียบกับนิยายของพวกเขา

ไม่ว่าตัวการเรื่องนี้จะเป็นสองมหาเทพแพลตตินั่ม หรือหยางหมิงอยู่เบื้องหลัง แต่นิสัยไล่เห่าไปเรื่อยแบบนี้ก็นับว่าไม่มีมารยาทเลยจริงๆ

ก่อนที่จ้าวเฉียนจะมอบรางวัลให้แก่หรูเมิ่ง1ล้าน เขาจัดการซื้อตั๋วเข้าอ่านนิยายรายเดือนจำนวน1,000ใบ เขานั่งกดแบบนี้อยู่60ครั้ง ดังนั้นนิยายเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》จึงทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของเว็บทันที ด้วยจำนวนตั๋วเข้าอ่านกว่า60,000ใบ

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนตั๋วเข้าอ่านจะมีมากกว่า60,000ใบ แต่นี่ก็ยังไม่สามารถการันตีชัยชนะได้ ในเมื่อลงสนามแบบนี้แล้วก็ต้องเล่นใหญ่ไว้ก่อน ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงส่งข้อความส่วนตัวถึงหรูเมิ่งทันทีว่า ให้เธอตอบรับคำท้าทายของไอ้เจ้าสองมหาเทพนั้น และเขาจะคอยหนุนหลังเธอเอง

หรูเมิ่งรีบพิมพ์ตอบกลับโดยทันที พร้อมคำถามพ่วงท้ายว่า คุณเป็นใครกันแน่? หากคุณสามารถออกมาได้ ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณสักมื้อ

แต่แน่นอนว่า จ้าวเฉียนไม่ต้องการให้หรูเมิ่งรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดังนั้นจึงตอบปฏิเสธไป แค่ต้องการให้เธอลงข้อความตอบรับคำท้าทายของอีกฝ่าย และครั้งนี้เธอต้องไม่เสียหน้าโดยเด็ดขาด

หรูเมิ่งพิมพ์ตอบกลับทันทีว่า นี่ก็แค่เรื่องในอินเตอร์เน็ต และไม่จำเป็นต้องสนใจคนพวกนั้น

จ้าวเฉียนตอบสวนทันทีว่า : “สิ่งไหนที่ผมไม่ชอบต้องหายไป และผมไม่อนุญาตให้ใครมาดูถูกนักเขียนที่ผมเคารพรัก หากทางคุณไม่กล้า เดี๋ยวผมจะประกาศสงครามกับพวกนั้นเอง พรุ่งนี้ตอนเที่ยง เตรียมตัวได้เลย”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็เข้าแอปติดต่อเติมเงิน เพื่อเข้าสนทนากับพ่อค้าทุกคนที่รับเติมตั๋วอ่านนิยายรายเดือน พร้อมระบุว่าขอซื้อตั๋วนิยายทั้งหมดที่ขาย นอกจากนี้ถ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้ามีโควตาตั๋วมาเพิ่ม จ้าวเฉียนก็ยินดีออกเงินจ่ายก่อนล่วงหน้า

เมื่อเหล่าพ่อค้าพบเข้ากับลูกค้าระดับเศรษฐีแบบนี้ ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน พร้อมบอกว่าสามวันหลังจากนี้ตั๋วล็อตใหม่ถึงจะเข้ามาถึงมือพวกเขา ดังนั้นทุกคนจะเก็บไว้ให้จ้าวเฉียนเมื่อมาถึง ทันทีที่ถึงเวลาหรูเมิ่งประกาศตอบรับคำท้าของอีกฝ่าย จ้าวเฉียนก็จะส่งสัญญาให้พวกพ่อค้าเหล่านี้โอนตั๋วให้กับนิยายเรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》ทันที

จำนวนตั๋วเข้าอ่านนิยายของพ่อค้าแต่ละรายมีจำกัด และหยางหมิงที่ต้องการให้สองมหาเทพแพลตตินั่มชนะ จะต้องมาเหมาซื้อกับพวกพ่อค้ารายย่อยเหล่านี้แน่นอน ดังนั้น เขาจึงชิงกว้านซื้อมาก่อนให้หมด ใช้เงินจำนวน100,000หยวนต่อพันครั้ง ซึ่งเขาจะใช้เงินจำนวนมากแค่ไหนก็ได้จนกว่าตัวเขาจะพอใจ

พ่อเหล่านี้เร่งลงมือทันที ทั้งยังตะเวนซื้อตั๋วจากแหล่งอื่นๆ ที่รู้จักเก็บไว้ และตุนรอจ้าวเฉียนให้สัญญาอีกทีนึง

นี่ก็เป็นเวลาบ่ายเกือบเย็นแล้ว จ้าวเฉียนจึงพาหยวนมี่ออกไปด้วยกันเพื่อรับประทานอาหารเย็น เมื่อทั้งสองมาถึงตรงลานจอดรถใต้ดิน ก็พบว่าเจียงเสี่ยวปิงหลับคารถไปแล้ว

“ตื่นเดี๋ยวนี้! นี่เธอกล้านอนในเวลาทำงานเหรอ? อยากโดนหักเงินเดือนนักใช่ไหม?”

เจียงเสี่ยวปิงสะดุ้งตื่นอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินจ้าวเฉียนตะคอกใส่ฉับพลัน ด้วยความตกใจเจือผสมกับความโกรธจัดที่ปล่อยให้เธอรอตั้งนาน ก็เตรียมปริปากจะด่าสวนกลับไปทันที แต่เมื่อเห็นว่าหยวนมี่อยู่ข้างกายเขา เจียงเสี่ยวปิงก็รีบกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอในบัดดล

เจียงเสี่ยวปิงรีบลงมาจากรถและกล่าวทักทายหยวนมี่อย่างสุภาพนอบน้อม

“สวัสดีค่ะคุณหยวนมี่”

หยวนมี่ในตอนนี้กลับเข้าสู่โหมดการแสดงแล้ว เธอปั้นหน้าดุกล่าวตอบน้ำเสียงเย็นชาไปว่า

“มีอะไร? พนักงานบริษัทคุณคงไม่ได้ดูถูกฉันทุกคนหรอกนะ? จะพาไปกินอะไรก็รีบไป ก่อนที่ฉันจะหมดอารมณ์”

จ้าวเฉียนเร่งโค้งศีรษะให้เล็กน้อยและตอบกลับไปว่า

“แน่นอนครับคุณหยวนมี่ แล้วไม่ต้องกังวลว่าผมจะตามตื้อขอความร่วมมือกลับมา ผมแค่อยากเชิญคุณไปทานอาหารเย็นร่วมกันสักมื้อน่ะครับ เชิญ”

หยวนมี่แสร้งทำเป็นพยักหน้าด้วยสายตาแสนเหยียดหยาม ก่อนจะเดินขึ้นรถของตัวเองไป และเป็นหน้าที่ของจ้าวเฉียนที่ต้องขับนำทาง

จ้าวเฉียนเองก็รีบขึ้นรถเพื่อขับนำทางไป ทันทีที่เจียงเสี่ยวปิงขึ้นรถตามเข้ามา เธอก็เอ่ยถามด้วยความหงุดหงิดขึ้นว่า

“แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงนานขนาดนี้?”

“แล้วจะให้อีกฝ่ายโดดงานมากระทันหันรึไง? เธอเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัทเรานะ ทำอะไรก็ควรระมัดระวัง ถ้าใจร้อนแล้วเกิดพังขึ้นมา เธอรับผิดชอบไหวไหมล่ะ?”

“อ่อ..อืม เข้าใจแล้ว”

เจียงเสี่ยวปิงรีบรายงานความคืบหน้าให้หวังเฉียนทราบโดยไวผ่านWeChat

จ้าวเฉียนขับนำหยวนมี่มาที่โรงแรมเอ็มเพอร์เรอร์

“ฉันจะไปรับประทานอาหารเย็นก่อน ส่วนเธออยู่ในรถไป”

ทันทีที่จ้าวเฉียนพูดจบ เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยกำลังเดินลงจากรถ แต่ทันใดนั้นเองเจียงเสี่ยวปิงก็รับคว้าแขนของเขาเอาไว้

“นี่ยังจะแกล้งอะไรอีก! ฉันเองก็หิวนะ!”

“อดทนหน่อยสิ! เดี๋ยวฉันสั่งกลับมาให้เธอกินทีหลัง! เธอเองก็เห็นไม่ใช่รึไงว่า คุณหยวนมี่ดูไม่ชอบขี้หน้าเธอ ถ้าเธอตามมารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน อีกฝ่ายต้องไม่พอใจแน่นอน แล้วโอกาสที่จะขอร้องได้เธอคงเป็นศูนย์แน่นอน!”

“ฉัน…เอ่อ…งั้น…”

ปัง!

เจียงเสี่ยวปิงโกรธจัดจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ระหว่างนั้นเองจ้าวเฉียนก็ปิดประตูรถใส่หน้าแบบไม่ใยดี เธอที่รออยู่ในรอได้แต่กระทืบเท้าไปมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเอนหัวลงบนเบาะเพื่อหลับต่อ ไม่มีร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้ออยู่บริเวณใกล้เคียงเลย เธอจึงไม่สามารถออกไปหาอะไรกินได้แม้แต่น้ำดื่ม

จ้าวเฉียนเดินหัวเราะเยาะตรงเข้าห้องอาหารพร้อมกับหยวนมี่ และทั้งสองก็นั่งรับประทานอาหารกันเป็นระยะเวลาหนึ่งเลย

ชั่วโมงครึ่งผ่านไป พวกเขาก็กลับออกมาจากร้านอาหาร

ทางด้านหยวนมี่กลับขึ้นรถตัวเองและขับจากไป ส่วนจ้าวเฉียนก็เดินมาที่รถตัวเอง