ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 115 สิ่งที่เจ้าทำได้ข้าก็ทำได้ สิ่งที่เจ้าทำไม่ได้ข้าก็ทำได้

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

“การเปลี่ยนแปลงของเพลงกระบี่เจ็ดดารานั้นลึกลับ ลึกซึ้ง และซับซ้อน เป็นวิถีแห่งกระบี่ที่เปลี่ยนจากยากไปง่าย”

ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอประมือกับลู่เวิ่น ก็กล่าวอธิบายให้จ้าวหมิงฟังไปด้วย

ระหว่างที่ทั้งสองประมือกัน ในชั่ววินาทีที่โจมตีและตั้งรับ การแย่งชิงตำแหน่งของดาวเหนือก็เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน

ผู้ที่ยึดครองตำแหน่งดาวเหนือจะโจมตีศัตรูให้ล่าถอยไป แต่ถ้าตำแหน่งของดาวเหนือถูกศัตรูยึดไปได้ ตนเองก็จะเป็นฝ่ายเสียโอกาส

“ผู้ชนะได้สิทธิควบคุม นี่ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าอยากจะทำให้ได้ถึงจุดนี้จริงๆ การนำใจความสำคัญในหนังสือ แปรเปลี่ยนให้เป็นเรื่องที่ตนเองสามารถทำได้ นั่นก็ต้องสะสมประสบการณ์”

ในขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอพูด ชั่วพริบตาที่เคลื่อนตัว เขาใช้นิ้วแทนกระบี่ เงากระบี่ก็พุ่งตัวออกไป

เงากระบี่ทั้งเจ็ดก็ปรากฏกลางอากาศแวบหนึ่ง ประดุจกับดาวเหนือเจ็ดดวง

“การสั่งสมประสบการณ์ต่อสู้จริง และการสั่งสมความความรู้ความเข้าใจในวิถีกระบี่ ถึงจะทำให้เจ้าได้เปรียบและใช้มันได้ตามใจในทุกสถานการณ์”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มให้จ้าวหมิง แล้วพูดว่า “เจ็ดดารารวมตัวกัน ดาวเหนือลอยสูง พูดง่ายแต่จะทำให้ได้อย่างไร ดังนั้นเมื่อครู่ข้าถึงบอกอย่างไรเล่า ว่าเหมาะที่เจ้าจะฝึกฝนมัน”

ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอพูด ชายหนุ่มก็ก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง ยึดตำแหน่งดาวเหนือไว้ จากนั้นเงากระบี่ทั้งเจ็ดก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับชี้ไปทางลู่เวิ่น

สีหน้าของลู่เวิ่นนิ่งเฉย เพราะตอนนี้เขากำลังอยู่ในท่าเดียวกันกับอีกฝ่าย ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่งเช่นเดียวกัน กระบี่ทั้งเจ็ดลอยอย่างพร้อมเพรียงกัน

ขาขวาของทั้งสอง ปลายเท้าประจันเข้าหากันทันที!

เงากระบี่สั่นไหวกลางท้องฟ้า คล้ายกับกระบี่ยาวจริงๆ กำลังปะทะกัน และมีเสียงเหล็กกระทบดังขึ้นรางๆ

ทั้งสองปะทะกันครั้งหนึ่งแล้วถอยทันที หลังจากประจันกันครั้งหนึ่ง และถอยกลับพร้อมกัน ทั้งคู่ก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอีกครั้งทันที!

แม้จะต่อสู้กันแค่เพียงการเปลี่ยนแปลงของกระบวนท่า ไม่ได้ปล่อยพลังจริงๆ ออกมา แต่ภายในหอคัมภีร์ก็เหมือนจะสั่นสะเทือนอยู่ไม่น้อย

ถึงกระนั้นระหว่างที่กระบี่ฟาดฟันกันไปมา ยอดศิษย์อัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งสองของเขากว่างเฉิงก็ได้แสดงความอัศจรรย์ของเพลงกระบี่เจ็ดดาราออกมาแล้ว

พลังกระบี่หนึ่งลึกซึ้งประณีต ราวกับเส้นทางในยามวิกาลเปล่งประกายระยิบระยับชั่วนิรันดร์ ส่วนอีกกระบวนกระบี่หนึ่งกลับโอ่อ่าผ่าเผย เสมือนจักรวาลที่กำลังเคลื่อนตัว

หลังจากประมือกันครู่หนึ่ง แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มทอประกาย เพราะเขาเริ่มรู้ทางกระบี่ของลู่เวิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

แววตาของลู่เวิ่นเองก็วูบไหวเช่นกัน มีความรู้สึกว่าจับทิศทางของอีกฝ่ายได้แล้ว

ทั้งสองเคลื่อนไหวด้วยวิชากาย แย่งชิงตำแหน่งดาวเหนือกันอีกครั้งหนึ่ง

ต่อสู้กันมาจนถึงตอนนี้ เจตจำนงกระบี่ของทั้งสองคนก็ถูกขับเคลื่อนจนเต็มกำลัง สถานการณ์การต่อสู้มาถึงช่วงตัดสินแพ้ชนะแล้ว

ในเวลานี้ผู้ใดสามารถยึดตำแหน่งดาวเหนือได้ อีกฝ่ายก็จะชิงกลับไปได้ยากยิ่งขึ้น และจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบไป ส่วนฝ่ายที่ครอบครองตำแหน่งดาวเหนือ จะได้รับชัยชนะไป!

เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วมือแทนกระบี่ เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังขึ้น เขาปลดปล่อยพลังของกระบี่จนถึงขีดสุด ราวกับในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยความขุ่นเคืองของเพลงกระบี่เจ็ดดาราที่ถูกลู่เวิ่นข่มไว้มานาน

เงากระบี่ทั้งเจ็ดสั่นไหวอยู่กลางอากาศ แล้วเทตัวลงมาประหนึ่งกับฝนดาวตก โจมตีไปทางลู่เวิ่น

เจ็ดดาราขึ้นเหนือ!

กระบวนท่าที่แก่กล้าที่สุดของเพลงกระบี่เจ็ดดารา!

“ดูท่าหลายปีมานี้เจ้าไม่ได้ทิ้งเพลงกระบี่เจ็ดดาราไปจริงๆ สินะ ถึงได้มีผลสัมฤทธิ์เช่นนี้”

ลู่เวิ่นกล่าวอย่างนิ่งเฉยว่า “สู้กับข้าได้สูสีนานเช่นนี้ เพลงกระบี่เจ็ดดาราของเจ้าก็เหนือกว่าคนอื่นๆ มากแล้ว หากตอนนั้นระดับความสามารถของเจ้าเป็นเช่นนี้ ก็คงไม่ต้องไปคิดวิชามังกรเขียวในชายเสื้ออะไรนั่นแล้วละ”

ระหว่างที่พูด ลู่เวิ่นก็โจมตีด้วยพลังเจ็ดดาราขึ้นเหนือของทั้งเจ็ดกระบี่เช่นเดียวกัน เข้าปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกออย่างซึ่งหน้า

กระบี่ของทั้งสองคนกระทบกันอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพลังกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอหมดแล้ว พลังกระบี่ของลู่เวิ่นก็เปลี่ยนไป “เจ้าพัฒนาขึ้น แต่ข้าพัฒนามากกว่าเจ้าอีก”

ลู่เวิ่นใช้นิ้วมือแทนกระบี่ พลังกระบี่กวัดแกว่ง จู่ๆ เจ็ดกระบี่ก็กลายเป็นหกกระบี่

นั่นไม่ใช่กระบี่เจ็ดดาราตามความหมายอีกต่อไป แต่หลอมรวมเข้ากับการเปลี่ยนแปลงตามความเข้าใจของลู่เวิ่นที่มีต่อวิถีกระบี่ของตน!

กลุ่มดาวไถเจ็ดดารา กับกลุ่มดาวคนยิงธนูหกดารา ขณะนี้ส่องสว่างระยิบระยับขึ้นพร้อมกัน!

กลุ่มดาวไถกุมความตาย กลุ่มดาวคนยิงธนูกุมการกำเนิดชีวิต

เดิมทีลู่เวิ่นได้เปลี่ยนแปลงถึงจุดสิ้นสุดของเพลงกระบี่เจ็ดดาราแล้ว แต่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นใหม่อีกครั้ง!

พลังที่เมื่อครู่ใช้จนหมดสิ้นแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องฟื้นคืนมันโดยสิ้นเชิง เพราะเกิดพลังใหม่ขึ้นมาฉับพลันอย่างไม่น่าเชื่อ

ลู่เวิ่นกระตุ้นพลังกระบี่ แล้วก้าวเท้าออกไปชิงตำแหน่งดาวเหนือทันที!

จ้าวหมิงอ้าปากตาค้างอยู่ข้างๆ คาดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะพลิกผันได้ถึงเพียงนี้!

เพลงกระบี่เจ็ดดารา หนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพ ผ่านการศึกษาพัฒนาจากยอดฝีมือแห่งเขากว่างเฉิงแต่ละยุคแต่ละสมัย จากรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมา แม้จะประสบความสำเร็จแต่ก็ต้องมุมานะบากบั่นต่อไป ช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียนี่กระไร

ทว่าบัดนี้ ลู่เวิ่นกลับขับเคลื่อนมันจนเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นใหม่อยู่หลายส่วน แม้จะยังไม่แข็งแกร่งพอ และยังเป็นเพียงแค่โครงสร้างเท่านั้น แต่บัดนี้ จ้าวหมิงราวกับเห็นเงาของสือเถี่ยอยู่รางๆ

สือเถี่ยที่ฝึกฝนวิชากายเพชรจนไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ อีกทั้งยังคงพัฒนามันต่อไปไม่หยุดหย่อน

ถ้าหากให้ลู่เวิ่นก้าวเดินต่อไปจนถึงระดับวรยุทธ์ของสือเถี่ยในขณะนี้ เขาจะสามารถพัฒนาเพลงกระบี่เจ็ดดาราขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หรือไม่

แม้ว่าจ้าวหมิงจะสังกัดคนละค่ายกับลู่เวิ่น แต่ตอนนี้เขาก็จำต้องพูดว่า ‘ยอมแพ้’ กับอีกฝ่ายเช่นกัน

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความกังวล ทว่ากลับเห็นว่าใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอพลันปรากฏรอยยิ้มออกมา!

ชั้นที่สี่ของหอคัมภีร์ ชายชราคนหนึ่งที่หลับใหลอยู่จู่ๆ ก็เบิกตาทั้งสองขึ้น สายตาราวกับสามารถมองทะลุพื้นลงไปยังชั้นที่สามได้

แววตาของชายชรากลับไม่ได้มองไปที่ลู่เวิ่น ทว่ามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ!

เยี่ยนจ้าวเกอใช้พลังกระบี่จนหมดสิ้นแล้ว ส่วนลู่เวิ่นกำลังจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ขึ้น เพื่อช่วงชิงโอกาสก่อน

กระนั้นเพลงกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฏการเปลี่ยนแปลงอย่างเหนือความคาดหมายเช่นกัน!

ระหว่างที่เงากระบี่ซ้อนทับกัน เยี่ยนจ้าวเกอไม่เข้าไป ทว่าถอยกลับออกมา!

ลู่เวิ่นที่กำลังออกกระบี่พลันรู้สึกไม่สบายอย่างยิ่งอยู่พักหนึ่ง เขารู้สึกว่าตอนที่ใช้พลังอยู่ กระบวนกระบี่ของเขาถูกเยี่ยนจ้าวเกอคุมไว้!

กระบวนกระบี่ของทั้งสองคนเกิดการเรียกหากันอย่างน่าประหลาดค ล้ายกับไม่ได้กำลังต่อสู้กันเอง แต่ร่วมมือกันโจมตีศัตรูอื่นอย่างไรอย่างนั้น

ตอนที่ปราณตัดสลับกัน เพลงกระบี่เจ็ดดาราทั้งสองสายพลันรวมเป็นหนึ่ง

ทว่าจากการที่เยี่ยนจ้าวเกอถอยกลับไปครานี้ ตำแหน่งดาวเหนือก็เกิดการเปลี่ยนแปลง!

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลู่เวิ่นต้องก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ มิเช่นนั้นก็คงทำได้เพียงนั่งมองตำแหน่งดาวเหนือตกเป็นของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว

แม้ในใจจะรู้ว่าผิดปกติ กระนั้นลู่เวิ่นก็ทำได้เพียงกัดฟันแล้วก้าวไปข้างหน้า เพื่อแย่งชิงอำนาจฝ่ายรุกคืนมา

แต่พอร่างกายเริ่มขยับ เยี่ยนจ้าวเกอที่เดิมทีถอยกลับไปครึ่งก้าว ก็พลันสาวเท้ามาข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างรวดเร็ว!

ความเร็วของเยี่ยนจ้าวเกอในขณะนี้ รวดเร็วเสียกว่าตอนที่เขาถอยหลังไปเสียอีก ราวกับเขาไม่ได้คิดจะถอยหลังไปตั้งแต่แรก และเดิมทีเตรียมจะก้าวมาข้างหน้าอยู่แล้ว

การถอยหลังอย่างรวดเร็ว และการก้าวไปข้างหน้าอย่างกระชั้นชิดนี้ ล้วนเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงพริบตา ไม่มีการลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย กระนั้นกลับดูเหมือนง่ายดายยิ่งนัก ไม่มีความรู้สึกแข็งทื่อเลยสักนิด

การก้าวรุดไปข้างหน้าครั้งนี้ ก็เกิดจากกระบวนท่าของเพลงกระบี่เจ็ดดาราที่ส่งออกมา

ลู่เวิ่นเบิกตาโพลง เขาในตอนนี้ราวกับส่งตัวเองไปที่ปลายดาบของเยี่ยนจ้าวเกอด้วยตนเอง!

“ก็เป็นเช่นนี้แหละ”

เยี่ยนจ้าวเกอเก็บกระบี่แล้วยืดตัวตรง ไม่ได้มองลู่เวิ่นแต่อย่างใด แต่หันศีรษะกลับไปยิ้มและพูดกับจ้าวหมิง

จ้าวหมิงอ้าปากกว้าง ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ออกมา หลังจากสักพักใหญ่ถึงได้หัวเราะแห้งๆ “คนหนึ่งคืออัจฉริยะ ส่วนอีกคนก็คืออัจฉริยะที่สามารถเอาชนะอัจฉริยะได้!”

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า เยี่ยนจ้าวเกอที่ในอดีตเอาชนะลู่เวิ่นไม่ได้ และดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปฝึกวิถีกระบี่อื่นแทน ทว่าสุดท้ายกับซุ่มฝึกอีกครั้งอย่างเงียบๆ ดังคำกล่าวที่ว่า ‘หกล้ม ณ แห่งหนใด ก็จงลุกขึ้นยืน ณ ที่แห่งนั้น’

ลู่เวิ่นจ้องเยี่ยนจ้าวเกอไม่วางตา พลางกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เจ้ารู้การเปลี่ยนแปลงสุดท้ายจากตายแล้วเกิด จากว่างเปล่าถึงมีอยู่ของข้าแล้วหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาครั้งหนึ่ง แล้วตวัดมือ ใช้นิ้วแทนกระบี่ ปล่อยพลังเจ็ดดาราขึ้นเหนือไปที่กลางอากาศครั้งหนึ่ง ครั้นพลังกระบี่ถึงจุดสิ้นสุด ก็พลันกลายสภาพเป็นกระบี่กลุ่มคนยิงธนูทันที เมื่อพลังเก่าหมดสิ้นไป ก็เกิดพลังใหม่ขึ้นกลางอากาศ

ดูเหมือนใช้พลังทั้งหมดจนสิ้น ทว่าความจริงแล้วกลับมีพลังใช้เหลือเฟือ

“เพราะว่าข้าก็ทำได้อย่างไรเล่า” เยี่ยนจ้าวเกอผายมือออก

ลู่เวิ่นปิดเปลือกตาลง

การเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าสุดท้ายของเยี่ยนจ้าวเกอ เขากลับทำไม่ได้

…………