บทที่ 219: คงจะต้องเดินทางอย่างระมัดระวัง

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 219: คงจะต้องเดินทางอย่างระมัดระวัง

ทหารรอบ ๆ ตัวเขางั้นเหรอ?

โรเอลตกตะลึงกับคำพูดโดยกะทันหันของเปตรา ในฐานะลูกขุนนางที่เติบโตขึ้นมาในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ เขาจึงมักจะมองข้ามคนที่อยู่รอบข้างตนไปในบางครั้ง โดยเฉพาะทหารองครักษ์

ทหารองครักษ์มีความสำคัญต่อการทำงานของตระกูลขุนนาง เช่นเดียวกับสาวใช้และพ่อบ้าน แต่ที่ต่างจากสองหน้าที่นั้นก็คือด้วยขอบเขตงานขององครักษ์ พวกเขาจะต้องพยายามทำตัวไม่ให้โดดเด่น

ทหารองครักษ์ของตระกูลแอสคาร์ด ล้วนเป็นมืออาชีพที่เกษียณมาจากสนามรบ ทำให้พวกเขามีทักษะมากกว่าองครักษ์ทั่วไป พวกเขาเชี่ยวชาญในการปกปิดตัวตน ซ่อนอยู่เบื้องหลัง เพื่อรอรับมือกับอันตรายที่จะเกิดขึ้น

นี่ทำให้โรเอลเคยชินต่อการเพิกเฉยทหารองครักษ์รอบ ๆ ตัวเขา ดังนั้นเมื่อเด็กชายหันไปหาทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างประตู เขาจึงเกือบจะไม่สามารถระงับความตกใจที่เกิดขึ้นในใจได้

ระหว่างมองไปที่เหล่าทหารองครักษ์ในชุดเกราะ ทันใดนั้น โรเอลก็จำได้ว่าตนเคยคุยกับชาร์ล็อตเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตามคำบอกเล่าของเธอ ทหารองครักษ์ที่รับใช้ในตระกูลโซโรฟยานั้นมาจากกลุ่มทหารรับจ้างที่พวกเขาได้เซ็นสัญญาความร่วมมือระยะยาวไว้

ทหารองครักษ์เหล่านี้มีทักษะพิเศษในการต่อสู้ป้องกันตัว พวกเขาเป็นคนที่พาชาร์ล็อตไปยังเขตการปกครองแอสคาร์ด ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นก็ได้ถูกกักขังไว้ในเขตการปกครองแอสคาร์ดร่วมกับเกรซ ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวทีหลัง

ไม่มีกฎหมายใด ๆ ห้ามไม่ให้ขุนนางจ้างผู้นับถือลัทธินอกรีตมาเป็นทหารองครักษ์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เป็นปัญหาเลย นอกจากนี้​ หลังจากที่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขามากขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านี้ใช้คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด ความแน่วแน่​ ของเปตรา

คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ เคยเป็นของเทพธิดาแห่งผืนปฐพีเพียงผู้เดียว แต่ต่อมาเมื่อตำแหน่งเทพธิดาแห่งผืนปฐพีถูกสืบทอดไปยังเปตรา เธอก็กระจายคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดนี้ออกไปเพื่อหาผู้ศรัทธา อย่างไรก็ตามเชื้อสายของเทพธิดาแห่งปฐพีได้สูญสิ้นไปแล้ว เหลือแค่เปตราคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ตรงจุดสูงสุดของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิด

“ข้าคิดว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วเสียอีก นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เจ้ามาหาข้าเหรอ?”

“ไม่ ไม่ พวกเขาเป็นลูกน้องของชาร์ล็อต การพบกันของเราเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ”

หลังจากชี้แจงความเข้าใจผิดของเปตราแล้ว โรเอลก็ถามต่อว่าเธอสามารถให้พรแก่ผู้ศรัทธาของตนเองได้ไหม ปรากฏว่าเธอเองก็สามารถให้พรได้เหมือนกับกรันด้า แต่ที่ดึงดูดความสนใจของโรเอลเป็นพิเศษคือพรของเปตราสามารถเพิ่มพลังการป้องกันให้กับผู้ศรัทธาของเธอได้มหาศาล ทำให้ผู้นับถือลัทธินอกรีตที่ถึกทนอยู่แล้วของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ รับมือได้ยากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

โรเอลรู้สึกยินดีกับสิ่งที่ได้รู้มาก เขาตัดสินใจที่จะระดมผู้นับถือลัทธินอกรีตที่มีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่มาเป็นพรรคพวกของเขา แต่มีบางอย่างที่เด็กชายต้องจัดการเสียก่อน

โรเอลต้องเจรจากับตระกูลโซโรฟยา ซึ่งเป็นนายจ้างปัจจุบันของพวกเขาก่อน เนื่องจากพวกเขามีสัญญาจ้างระยะยาวระหว่างกัน เด็กชายจึงต้องจัดการให้แน่ใจ ว่าทางตระกูลโซโรฟยาจะเต็มใจปล่อยสัญญาจ้างนี้ เพื่อที่เขาจะได้ไปเจรจากับผู้นำลัทธินอกรีต คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่

พูดตามตรงเลยว่า โรเอลไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าเขาจะเจรจาเรื่องนี้ได้สำเร็จ ผู้นับถือลัทธินอกรีตคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ เป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังป้องกันของเมืองโรซ่า ซึ่งหมายความว่านี่อาจเป็นการลดทอนความมั่นคงของเมืองโรซ่า และอาจทำให้แนวป้องกันของพวกเขาถูกโจมตี เมื่อพิจารณาจากตัวแปรนี้แล้ว ชาร์ล็อตจึงไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ มันจะต้องได้รับการอนุมัติจากกองทัพด้วย

บางอย่างในระดับนี้จำเป็นต้องมีการแทรกแซงของคาร์เตอร์ ดังนั้นโรเอลจึงเดินทางไปยังที่ที่บิดาของเขาพักอยู่

“โรเอล? มีอะไรงั้นเหรอ? ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วนล่ะก็ ข้าขอพักก่อน…”

“ท่านพ่อ ผมเจอกองทัพของพวกนอกรีตที่ไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย ผมอยากรับพวกเขามาเป็นกองกำลังของผม”

“!”

อ๊ะ ข้าไม่รู้สึกง่วงแล้ว

แนวคิดเรื่อง ‘การขยายกองทัพ’ นั้นมากเกินพอที่จะขจัดความเหนื่อยล้าของคาร์เตอร์ได้ในทันที หลังจากที่โรเอลอธิบายรายละเอียดให้บิดาของตนฟังแล้ว มาร์ควิสก็รีบเตรียมเอกสาร เพื่อเริ่มการเจรจากับ เมืองโรซ่าอย่างรวดเร็ว โดยหวังว่าจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ก่อนที่เขาจะกลับไปยังชายแดนตะวันออก

โรเอลรับผิดชอบในการพูดคุยกับชาร์ล็อตเกี่ยวกับเรื่องนี้ น่าแปลกที่เธอดูจะยินดีเกี่ยวกับเรื่องนี้มากพอสมควร

“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยนะเนี่ย​ ว่าคุณเปตราจะเป็นเทพเจ้าแห่งคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ นี่มันวิเศษมากจริง ๆ!”

ชาร์ล็อตเดินเข้ามากอดโรเอลอย่างนุ่มนวล วางศีรษะของเธอลงบนไหล่เขา พลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เด็กสาวกังวลเรื่องเกี่ยวกับความสามารถทางสายเลือดของโรเอลมาก ประสบการณ์ของชาร์ล็อตในมิติสถานะผู้เฝ้ามองได้เปิดตาของเธอต่อภัยคุกคามที่ซุ่มซ่อนอยู่ในโลก เช่นภาคีแห่งนักบุญและลัทธิชั่วร้ายอื่น ๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความสามารถและศักยภาพของโรเอล เป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อเป้าหมายของคนพวกนั้น และพวกเขาจะต้องพยายามกำจัดเด็กชายในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน

ที่เลวร้ายกว่าที่สุดก็คือ โรเอลนั้นมีสถานะโดดเด่นราวกับอยู่ในที่โล่งแจ้ง แต่ศัตรูของเขานั้นล้วนซ่อนตัวอยู่ในเงามืดและอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่ามาก สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือการหาองครักษ์ที่ทรงพลังให้กับโรเอลและหวังว่ามันจะเพียงพอเมื่อการโจมตีของศัตรูมาถึง

“ที่รัก ข้าเกรงว่าข้าคงจะไม่สามารถตามเจ้าไปที่ป่าเครอนด้วยกันได้”

“ฉันรู้ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะเดินทางไปด้วยกันในเวลาแบบนี้”

โรเอลถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากประสบการณ์ของพวกเขาในกองเรือทองคำ มันคงจะสมบูรณ์แบบมาก ถ้าได้ชาร์ล็อตเดินทางไปด้วยกันกับเขาในครั้งนี้ เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับการต่อสู้ร่วมกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าด้วย ‘เหตุการณ์ลักพาตัว’ ทำให้เธอสูญเสีย ‘คุณสมบัติ’ นั้นไป

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พวกเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่ป่าเครอนเป็นอย่างไร ฉันควรจะตรวจสอบพื้นที่ก่อน บางทีเทรนท์ขี้เมาอาจไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ได้ และมันอาจจะเป็นแค่การเดินทางที่สูญเปล่า”

“อืม สัญญากับข้านะว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรเสี่ยง ๆ เมื่อต้องเผชิญกับอันตราย เจ้าควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อสถานการณ์​เริ่มจะดูไม่ดี เจ้าควรถอยกลับทันที และทบทวนแผนของตัวเองใหม่”

“ไม่ต้องกังวลไป เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไงนี่ ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายหรอก”

เมื่อเห็นว่าโรเอลตบหน้าอกของตนอย่างภาคภูมิใจโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด ชาร์ล็อตลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้สืบทอดจากตระกูลมาร์ควิสอย่างเจ้าจะเกือบตายจากผลข้างเคียงของคาถาเวทของตัวเองหรือ?”

“อา…”

“ข้ามีความสุขมากที่ได้อยู่เคียงข้างเจ้า เพื่อกำจัดผลข้างเคียงนั้น แต่ที่รัก ข้าไม่อยากเห็นเจ้าบาดเจ็บหรือเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว”

เมื่อหวนนึกถึงช่วงเวลาคืนแล้วคืนเล่าที่โรเอลต้องตัวสั่นจากความหนาวเย็น ทำให้ดวงตาของชาร์ล็อตรื้นด้วยน้ำตา ค่ำคืนเหล่านั้นเองก็ยากลำบากสำหรับเธอเช่นกัน การต้องมองดูคนรักของเธอทรมานเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง ทำให้มีหลายครั้งที่เธอแอบร้องไห้ไปกับมัน

“ฉัน ฉันผิดไปแล้ว จ…ใจเย็น ๆ นะ”

โรเอลยอมรับความผิดพลาดของเขาทันที เมื่อเห็นว่าชาร์ล็อตเกือบจะร้องไห้ เขาลูบผมเรียบลื่นของเธออย่างครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

เด็กชายตระหนักได้ว่าตนทำให้ชาร์ล็อตเป็นห่วง ในฐานะนายหญิงของตระกูลโซโรฟยา เธอไม่ควรต้องมาทนทุกข์กับเขาเช่นนี้ แม้โรเอลจะเป็นคนช่วยเธอให้รอดชีวิตกลับมาจากมิติของสถานะผู้เฝ้ามองได้ แต่หลังจากที่พวกเขากลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง โรเอลคงตายไปแล้วถ้าไม่ได้รับการดูแลจากเธอ

ชาร์ล็อตพิงตัวลงบนอก​ ฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะของโรเอล บนระเบียงของสวนร้อยปักษา ภายในสายตาของเหล่านก จากนั้นทั้งคู่ก็กอดกันเป็นเวลานาน

ครั้งนี้เราคงจะต้องเดินทางอย่างระมัดระวังซะแล้วสิ

ระหว่างที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่นและกลิ่นหอมของชาร์ล็อต โรเอลก็พึมพำกับตัวเองในใจ