ภายในห้องขังชั้นใน นางฮานนอนขดตัวไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนหญ้าฟางโดยมีโซ่ตรวนล่าม เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออกจึงเงยหน้าขึ้นทันใด ยามที่เห็นว่าเป็นหมิงเจ๋อและหมิงอวิน สีหน้าของนางเผยให้เห็นความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนด้วยกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “เขาตายแล้วหรือไม่”
ต่อให้หลี่หมิงเจ๋อฝันไปก็คาดไม่ถึงว่าสตรีบ้าคลั่งจอมชั่วร้ายที่ตนเองพูดถึงนั่นจะเป็นมารดาของเขาไปได้ แยกจากกันไปไม่ถึงสามเดือน มารดาของเขาดูชราภาพขึ้นไปหลายสิบปี ใบหน้าซูบผอมและเต็มไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่น ผิวพรรณดำคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดรุ่ย หากไม่ใช่เพราะอาศัยการได้ยินน้ำเสียง เขาคงไม่อาจเชื่อได้ว่าสตรีที่ดูเหมือนขอทานเบื้องหน้าเขาก็คือมารดาของเขานั่นเอง
“ท่านแม่ เหตุใดถึงเป็นท่านไปได้ ท่านมิได้กลับบ้านเกิดไปแล้วหรือขอรับ” หลี่หมิงเจ๋อรู้สึกสับสนจนสมองคิดตามไม่ทัน เขาจึงเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
นัยน์ตาของนางฮานเผยให้เห็นถึงความเยือกเย็น นางพยายามพยุงตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วกล่าวอย่างเคียดแค้น “ทำไมน่ะหรือ เจ้าควรไปถามบิดาที่ชั่วร้ายเสียยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานผู้นั่น ถามดูสิว่าจิตใจของเขามันเป็นสีดำใช่หรือไม่ เลือดของเขามันเป็นเลือดเย็นเฉียบใช่หรือไม่ หรือว่าแท้จริงแล้วเขามันคนไม่มีหัวใจกันแน่”
“นี่…นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นแล้วกันแน่” หลี่หมิงเจ๋อไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างสิ้นเชิง
นางฮานรวบรวมสติอารมณ์ เรือนร่างสั่นเทา น้ำเสียงก็สั่นสะท้านยากเกินกว่าจะควบคุมได้เช่นกัน “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าบิดาเจ้าจะจิตใจโหดเหี้ยมได้เพียงนี้ เขาคิดจะเอาชีวิตข้าก็ช่าง ทว่ากระทั่งบุตรสาวของตนเองก็ยังไม่ยอมละเว้น…” นางใช้มือและเท้าตะเกียกตะกายขึ้นมาด้วยความเคียดแค้น แล้วพุ่งเข้ามาเบื้องหน้าคว้ามือของหลี่หมิงเจ๋อเอาไว้ หยาดน้ำตาที่ไหลรินนองใบหน้าของนางชะล้างร่องรอยที่เห็นได้อย่างชัดเจน นางกล่าวด้วยความเศร้าโศก “หมิงเจ๋อ เจ้าไม่รู้ว่าพ่อเจ้ามันโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงใด เขาให้เจ้านำขนมของว่างมาให้ มันเป็นยาพิษทีปลิดชีวิตเราสองแม่ลูกได้ เขาใส่ยาพิษลงไปในขนมนั่น ทว่าน้องเจ้าช่างน่าสงสาร…ด้วยความหิวที่ไม่ได้กินอะไรหลายวัน ใครจะรู้ว่าขนมที่พ่อเจ้ามอบให้ดันมียาพิษอยู่ในนั้นด้วย…”
หลี่หมิงเจ๋อเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่ง “ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นความจริงหรือขอรับ”
นางฮานที่กำลังเศร้าโศก กล่าวด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “โชคดีที่น้องสาวเจ้าดวงแข็ง มีผู้สูงศักดิ์มาช่วยชีวิตไว้ได้ทันการณ์ ถึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ทว่า…ทว่า หมอเอ่ยว่า น้องสาวเจ้าจะให้กำเนิดบุตรไม่ได้อีกแล้ว หมิงจูผู้น่าสงสารของข้า…” นางฮานส่งเสียงร้องไห้โฮ
หลี่หมิงเจ๋อแทบไม่เชื่อหูของตนเองว่าบิดาจะทำเรื่องประเภทการเอาชีวิตคนอื่นเขาได้ นอกจากความโกรธแค้นที่ปะทุขึ้น เขายังนึกกล่าวโทษตนเอง เหตุใดตอนนั้นตนเองถึงไม่นึกอะไรเหล่านี้ขึ้นมาได้ มารดาและบิดาทะเลาะเบาะแว้งกันถึงขั้นไม่อาจแก้ไขได้แล้ว บิดาไม่แม้แต่จะให้โอกาสมารดากับน้องสาวเขาได้ไถ่โทษด้วยซ้ำ แล้วไยจะหวังดีมอบขนมให้ปานนั้น เป็นเขาเองที่ประมาทเลินเล่อ ขนมที่เขานำไปส่งเองกับมือ เกือบเอาชีวิตของมารดาและน้องสาวเขา นี่เขาไม่ต่างจากเป็นผู้ช่วยที่โหดร้ายของบิดาเลยสักนิด
นางฮานร้องห่มร้องไห้ขณะกล่าว “เขาทำลายหมิงจู ข้าก็ต้องทำลายเขาด้วยเช่นกัน ต่อให้ข้าไม่อาจปลิดชีพเขาได้ ก็ต้องทำให้เขาอยู่ในสภาพไม่เหมือนผู้เหมือนคนนับจากนี้ จะต้องให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างตายทั้งเป็น”
ความไร้จิตสำนึกของบิดาทำให้หลี่หมิงเจ๋อรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง เสียดายที่เขาให้ความเคารพนับถือเขาในฐานะบิดาผู้หนึ่งมาโดยตลอด และเมื่อมองดูมารดาในสภาพเช่นนี้จึงยิ่งปวดใจ “ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงไม่มาหาลูก มีเรื่องอันใดท่านมาปรึกษาหารือกับลูกก็ได้นี่ขอรับ ”
นางฮานกล่าวด้วยความเศร้าโศก “หมิงเจ๋อเอ๋ย! แม่ไม่เหลืออะไรแล้ว ชีวิตนี้ของแม่มันไร้คุณค่าเสียแล้ว ทว่าเจ้าแตกต่างออกไป เจ้ายังหนุ่มยังแน่น จะได้เป็นขุนนางหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ได้อยู่ใช้ชีวิตกับหลั้วเหยียนอย่างสงบสุขก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน แม่ยอมสละชีวิตที่เลวร้ายนี้เพื่อแลกกับการต่อสู้คนเลวทรามเช่นนั้น มันคุ้มค่าแล้วละ…”
หลี่หมิงอวินยืนสดับรับฟังอยู่ด้านข้างอย่างนิ่งเงียบ เห็นทีว่าหลังนางฮานหายตัวไร้ร่องรอยไปหาใช่การออกจากเมืองหลวงไปแล้วไม่ แต่เป็นการคอยติดตามข่าวคราวของบิดาเขามาโดยตลอด
“ท่านแม่ ลูกจะช่วยคิดหาวิธีพาท่านออกมาให้ได้อย่างแน่นอนขอรับ” หลี่หมิงเจ๋อกล่าวด้วยความหดหู่ใจ
“หมิงเจ๋อ เจ้าไม่ต้องสนใจแม่แล้วละ แม่ขอเพียงเจ้าดูแลน้องสาวเจ้าให้ดีๆ หลังจากนี้ ชั่วชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ของน้องสาวเจ้าก็มีเพียงพี่ชายแท้ๆ อย่างเจ้าผู้เดียวที่พึ่งพิงได้” นางฮานสีหน้าเศร้าโศกยิ่งขึ้นเมื่อเอ่ยถึงหมิงจู
“ท่านแม่ ท่านวางใจได้ ข้าจะช่วยดูแลน้องหมิงจูให้ดีอย่างแน่นอนขอรับ และข้าก็จะคิดหาวิธีช่วยท่านด้วยเช่นกัน” หลี่หมิอเจ๋อกล่าวด้วยความแน่วแน่ ทันใดนั้นเขานึกขึ้นมาได้ว่ายังมีหมิงอวินอีกคน จึงรีบหันไปร้องขอหมิงอวิน “น้องรอง ตอนนั้นท่านแม่ข้ากระทำผิดต่อท่านแม่เจ้า ทว่านางก็ตกมาอยู่ในขั้นนี้แล้ว ซึ่งก็ถือว่าได้รับผลของการกระทำมากพอแล้วเช่นกัน น้องรอง ว่ากันโดยรวมแล้ว ท่านพ่อต่างหากที่เป็นผู้ริเริ่มปัญหาทั้งหมด ท่านพ่อเป็นผู้ที่สมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างแท้จริง น้องรอง พี่ขอร้องเจ้าละ เจ้าช่วยท่านแม่ข้าด้วยเถิด!” เขาเอ่ยพลาเตรียมคุกเข่าให้หมิงอวิน
หลี่หมิงอวินยื่นมือออกไปยับยั้งหมิงเจ๋อ มองดูนางฮานในสภาพอนาถาพลางแอบครุ่นคิดว่า ตราบใดที่บิดาเขายังไม่ตาย เช่นนั้นนางฮานอย่างมากก็ถือเป็นผู้กระทำผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายคน ซึ่งอย่างร้ายแรงสุดก็ถูกจองจำในคุกสักระยะหนึ่ง อีกทั้งยามนี้บิดาเขาเป็นคนที่ไร้ซึ่งอำนาจใดๆ ผู้คนต่างรุมประณาม คาดว่าไม่ต้องให้เขาเอ่ยปากพูดเจ้าหน้าที่ทางการขุนนางก็คงรู้ถึงฐานะตัวตนของนางฮานเป็นอย่างดี และเพื่อเห็นแก่หน้าเขาก็คงให้ความเมตตาต่อนางฮานอยู่บ้างเช่นกัน
นางฮานเห็นว่าบุตรชายของตนต้องการคุกเข่าให้หมิงอวิน ทั้งยังเห็นสีหน้าลังเลใจของหมิงอวิน นางจึงกล่าว “หมิงเจ๋อ เจ้าไม่ต้องไปขอร้องเขา เขาอยากให้แม่ตายๆ ไปสิยิ่งดี”
หมิงเจ๋อรีบกล่าวขึ้นทันควัน “ท่านแม่ ท่านอย่าได้พูดอะไรเช่นนี้สิขอรับ น้องรองจิตใจดีมีเมตตา มิได้เป็นอย่างที่ท่านคิดเช่นนั้นนะขอรับ หากไม่มีน้องรอง ตอนนี้ลูกก็คงยังต้องอยู่ในห้องขัง”
หลี่หมิงอวินนึกยิ้มเยาะภายในใจ นางฮานหนอนางฮาน เจ้าคิดว่าข้าอยากช่วยเจ้าหรือไร ใครจะรู้ว่าเจ้าพ้นออกมาแล้วยังจะก่อเรื่องชั่วช้าเลวทรามขึ้นมาอีกหรือไม่
หลี่หมิงอวินเพิกเฉยต่อนางฮาน หันไปกล่าวกันหมิงเจ๋อ “ข้าจะลองขอความเห็นใจจากใต้เท้าตู้ดูแล้วกัน ทว่า หากท่านพ่อไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป เกรงว่าเรื่องนี้คงค่อนข้างกระทำการใดได้ยากยิ่ง”
หลี่หมิงเจ๋อกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอเพียงน้องรองยินยอมช่วยก็ดีมากแล้ว”
หลังออกจากห้องขังนักโทษหญิง หลี่หมิงเจ๋อได้ไปพบใต้เท้าตู้อีกครั้ง เขานำเรื่องราวต้นสายปลายเหตุที่กระทำลงไปบอกกล่าวให้เขารับรู้ อย่างไรก็ตามผลของการกระทำโดยบิดาถูกตัดลูกอัณฑะก็เป็นอะไรที่สาสมเกินพอแล้ว
ใต้เท้าตู้ได้ยินดังกล่าวถึงกับรู้สึกตื่นตกใจอย่างยิ่ง เขาเข้าใจความหมายของหลี่หมิงอวินจึงรับปากว่าจะเก็บเอาไปพิจารณาอีกที
กว่าหลี่หมิงอวินจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มเสียแล้ว หลินหลันยังคงรอคอยเขาโดยไม่หลับไม่นอน
หลังหลี่หมิงอวินจัดแจงสระผมเผ้าจนเสร็จเรียบร้อย จึงขึ้นไปเอนกายลงบนเตียงนอนและถอนหายใจออกมาด้วยความอ่อนล้า
หลินหลันนำตะเกียงไฟเคลื่อนไปวางบนเก้าอี้ตัวสูงที่ตั้งอยู่หน้าเตียงตามด้วยปลดม่านมุ้งลง หลังจากนั้นจึงเอนกายลงนอนข้างเขาแล้วเอ่ยถาม “ท่านพ่อเป็นไรไปแล้วหรือ”
หลี่หมิงอวินยื่นแขนข้างหนึ่งเป็นหมอนหนุนให้แก่นาง ส่วนอีกข้างหนุนศีรษะของตนเองแล้วกล่าวด้วยความหดหู่ “เจ้าคงคิดไม่ถึงเป็นแน่ แท้จริงแล้วนางฮานแอบซ่อนอยู่ในเมืองหลวงตลอดที่ผ่านมา”
หลินหลันตกตะลึงปนประหลาดใจ “การบาดเจ็บของท่านพ่อเป็นฝีมือของนางฮาน? สาหัสหรือไม่ นางฮานคงอยากฆ่าเขาสินะ”
หลี่หมิงอวินแสยะยิ้ม “เจ้าก็ดูถูกนางฮานเกินไปเสียแล้ว วิธีการที่นางใช้ลงมือแก้แค้นคนปกติทั่วไปคิดไม่ออกเป็นแน่”
“เช่นนั้นนางทำอันใดท่านพ่อแล้วหรือ” หลินหลันถามด้วยความสงสัย
“ตัดอัณฑะ” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หลินหลันสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ นี่มันช่างโหดเหี้ยมจริงๆ ด้วย ครานี้พ่อหลี่เป็นอันจบสิ้นของจริง กลายเป็นขันทีไร้นกเขาเสียแล้ว หลินหลันแอบนึกคิดในเชิงร้ายกาจ ในที่สุดแม่มดชราก็กระทำเรื่องที่สาแกใจผู้คนเขาบ้างเสียที! นางแอบมองสีหน้าของหลี่หมิงอวิน เห็นเขาคล้ายกับรู้สึกไม่ได้รู้สึกย่ำแย่แต่อย่างใดต่อการที่บิดาถูกตัดอัณฑะ นางจึงอดนึกคิดเชิงร้ายกาจขึ้นมาไม่ได้อีกครั้ง หรือว่าภายในใจหมิงอวินจะคิดเช่นเดียวกับนาง
“เช่นนั้น…ตอนนี้ท่านพ่อคงไม่เป็นอะไรแล้วสินะ” หลินหลันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงบางเบา
“พี่ฮว๋าเอ่ยว่าหากรอดพ้นคืนนี้ไปได้ก็คงรักษาชีวิตเอาไว้ได้” หลี่หมิงอวินกล่าวโดยไร้สีหน้าอาการใดๆ
“อ้อ…” หลินหลันพยักหน้าเล็กน้อย นางยังคงเชื่อมั่นอย่างยิ่งในทักษะการรักษาของฮว๋าเหวินไป่ เพียงแต่ผลร้ายที่ตามมาหลังถูกตัดอัณฑะไปแล้วนี่สิ คงเป็นช่วงเวลายาวนานยิ่งที่ต้องทุกข์ระทมอย่างมาก ทั้งจิตใจและร่างกายคงได้เจ็บปวดจนไม่อาจรับไหว พ่อผู้ไร้ยางอายนี่ช่างน่าอนาถจริงๆ!
“เช่นนั้นเจ้าเตรียมจะทำอย่างไรหรือ จะช่วยเหลือนางฮานหรือไม่” หลินหลันเอ่ยถามอีกครั้ง
หลี่หมิงอวินเผยรอยยิ้มขมขื่น “หากท่านพ่อดวงแข็ง ก็คงไม่ต้องให้ข้าช่วยเหลือแต่อย่างใด อย่างมากนางฮานก็แค่ถูกจองจำในคุกไประยะหนึ่งเดี๋ยวก็ได้ออกมา แต่อย่างไรก็ตาม พี่ใหญ่ยังคงอ้อนวอนขอร้องข้าให้ช่วยเหลือนางด้วย”
“ดังนั้นเจ้าก็เลยใจอ่อน? นางฮานคนชั่วร้ายปานนี้ เกิดนางยังผูกใจแค้นต่อเจ้า และคิดหาวิธีการมาเล่นงานพวกเราอีกจะทำอย่างไรล่ะ” หลินหลันคิดว่ามันไม่เหมาะสมเอาเสียเลย “เจ้าควรคิดหาวิธีทำให้นางทำให้นางถูกจองจำอยู่ในคุกจนตายถึงจะถูก”
หลี่หมิงอวินปรายตามองนาง “หากข้าซ้ำเติมเช่นนั้น พี่ใหญ่คงได้โกรธเกลียดข้าเป็นแน่ เจ้าวางใจเถิด ข้าได้พูดคุยกับพี่ใหญ่ไว้ชัดเจนแล้ว หลังนางฮานออกมาจะให้นางอยู่ในเมืองหลวงต่อไปมิได้เป็นอันขาด นี่เป็นเงื่อนไขที่ข้าตกลงรับปากช่วยมารดาของเขา”
หลินหลันบ่นพึมพำ “นี่ค่อยยังชั่วหน่อย หากนางอยู่ต่อทุกคนคงไม่เป็นอันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกันพอดี”
“ประเด็นนี้ พี่ใหญ่เองก็เข้าใจกระจ่างแจ้งเช่นกัน” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“เอาละๆ รีบนอนกันเถอะ! เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่อีก!” หลินหลันลุกขึ้นไปดับไฟตะเกียง หลังจากนั้นจึงเอนกายลงขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของหมิงอวิน นางจัดท่วงท่าให้สบายแล้วเตรียมตัวเข้าสู่ห้วงนิทรา
ภายใต้ความมืดมิด ได้ยินเพียงเสียงของหลี่หมิงอวินเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “หมิงจูอาศัยอยู่ในวัดเล็กๆ ทางตอนเหนือของเมือง พรุ่งนี้พี่ใหญ่จะไปรับนางกลับมา”
หลินหลันนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนานพอตัวแล้วจึงส่งเสียง “อืม” ขึ้นมา แม้นางไม่ถูกชะตากับหมิงจู ถึงขั้นเกลียดหมิงจูก็ว่าได้ แต่หมิงจูตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยังจะพูดอะไรได้อีกหรือ รับก็รับมาเถอะ! ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปก็สิ้นเรื่อง