เล่มที่ 9 บทที่ 249 เกี้ยวพานท่านราชบัณฑิตน้อยโดยไม่ตั้งใจ

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

นั่นเป็นกระต่ายสีดำตัวหนึ่ง

กระต่ายน้อยตัวนี้ไม่เคยพบเห็นมนุษย์ จึงกระโดดออกมาด้วยความสงสัยใคร่รู้ สบสายตากับเซี่ยยวี่หลัวครู่หนึ่ง ก่อนกระโดดมุดหายเข้าไปในกอหญ้า

ตัวต้นเหตุก่อเรื่องแล้วก็สะบัดก้นหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งให้เซี่ยยวี่หลัวทั้งทุบอกทั้งกระทุ้งเท้า

ไข่ไก่ที่เพิ่งเคี้ยวแค่สองครั้งถูกกลืนลงไปทั้งอย่างนั้น ติดอยู่ในคอจนใบหน้าแดงก่ำ รีบตบอกกระทุ้งเท้า พยายามกลืนลงไป นางใช้แรงไปมาก แต่ไข่แดงกลับยังติดอยู่ในคอ คายออกมาไม่ได้ จะกลืนก็กลืนไม่ลง ใบหน้าเล็กขึ้นสีแดงก่ำ

เซียวยวี่สังเกตเห็นความผิดปกติของเซี่ยยวี่หลัว เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ “เจ้าเป็นอะไรไป? ”

เซี่ยยวี่หลัวชี้ไปที่คอ ก่อนทุบอกตัวเองอีกที หมายจะกลืนไข่แดงลงไป

แต่เดิมทีไข่แดงก็แห้งมากอยู่แล้ว ทั้งยังกลืนลงไปชิ้นใหญ่ คิดจะกลืนก็สามารถกลืนลงไปได้ที่ไหนกัน เซี่ยยวี่หลัวกลืนลงไปไม่ได้ ร้อนรนจนน้ำตาจะไหลออกมาอยู่แล้ว

เซียวยวี่ตัดสินใจเด็ดขาด เปิดถุงน้ำออก ยื่นไปประกบปากเซี่ยยวี่หลัว ก่อนเทให้นางหนึ่งคำ “เจ้าค่อยๆ ดื่มลงไป ลองดูว่าสามารถกลืนลงไปได้หรือไม่”

เซี่ยยวี่หลัวจะยังมีแก่ใจสนใจเรื่องประกบปากหรือไม่ได้อย่างไร นางแหงนหน้าดื่มน้ำทีละนิด ดื่มติดต่อกันหลายคำ ไข่แดงถูกชะลงไปช้าๆ ดื่มอีกไม่กี่คำ ไข่แดงที่ติดอยู่ในคอก็ไหลลงไป

ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ ร้อนรนจนน้ำตาไหลออกมา เซี่ยยวี่หลัวตบอกตัวเองเบาๆ ด้วยความหวาดผวา ก่อนกล่าวด้วยความตื้นตัน “เมื่อครู่นี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก! ”

เซียวยวี่ขานรับด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ เห็นว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ

เซี่ยยวี่หลัวกลับมองไปทางทิศที่เจ้ากระต่ายตัวต้นเหตุกระโดดหนีไป กัดฟันกล่าวด้วยอารมณ์โมโห “อย่าให้ข้าพบเจ้าอีก หากพบเจ้าอีก ข้าจะจับเจ้ากลับไปบำรุงร่างกายเสีย เกือบตกใจตายเพราะเจ้าแล้ว”

ไม่ได้ตกใจจนตายยังเกือบอาหารติดคอจนตาย

ระหว่างนั่งกินอาหารอยู่ที่นี่ พลางชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสิ่งมีชีวิตพุ่งพรวดออกมาจากกอหญ้า ใครจะรู้ว่าเป็นกระต่ายตัวหนึ่ง ตกใจแทบตาย

“ฮะฮะ…” จู่ๆ เซียวยวี่ที่อยู่ข้างๆ ก็ส่งเสียงหัวเราะ

เซี่ยยวี่หลัวหันขวับไปมองเขา เห็นเซียวยวี่นั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ข้างๆ กินอาหารพลางเผยรอยยิ้มที่มุมปาก เขาถือขนมหนึ่งชิ้น กินไปหนึ่งคำก่อนจะดื่มน้ำจากถุงน้ำหนึ่งคำ

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเซียวยวี่จึงยิ้ม แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

รอยยิ้มช่างดูดีเหลือเกิน!

เดิมทีเซียวยวี่ก็หน้าตาหล่อเหลามากอยู่แล้ว เป็นประเภทรูปลักษณ์ดูดีอย่างหาได้ยากยิ่งนัก ตอนนี้เขาแย้มรอยยิ้ม ทำให้รู้สึกราวกับได้อาบสายลมฤดูใบไม้ผลิ อารมณ์ดีเสียยิ่งกว่ากระไร

ดูท่ามีประโยคหนึ่งที่กล่าวได้ถูกต้อง มองดูบุรุษรูปงามสามารถผ่อนคลายสภาวะอารมณ์ตึงเครียดได้ พอเซียวยวี่ยิ้ม เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้รู้สึกแย่เลยแม้แต่น้อย

เซี่ยยวี่หลัวมองจนตาค้าง จ้องมองเซียวยวี่อยู่อย่างนั้น

เซียวยวี่รู้สึกวางตัวไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกเซี่ยยวี่หลัวจ้องมองจนตาค้าง แก้มขึ้นสีแดงเรื่ออย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ “เป็นอะไรไป? ”

ท่านราชบัณฑิตน้อยหน้าแดงแล้ว!

เป็นเรื่องใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินทีเดียว!

ท่านราชบัณฑิตน้อยที่ในอนาคตมีจิตใจเด็ดขาดหน้าแดงเป็นด้วย ถือเป็นครั้งแรกในประวัติกาลเลย!

เซี่ยยวี่หลัวก็ยิ้มตาม กล่าวด้วยสีหน้าใสซื่อ “เจ้ายิ้มแล้วช่างดูดีเหลือเกิน”

ใบหน้าของเซียวยวี่แดงยิ่งกว่าเดิม แม้แต่ใบหูยังถูกย้อมด้วยสีแดงจางๆ หนึ่งชั้น เขาก้มหน้าด้วยอาการเขินอาย เม้มริมฝีปากหัวเราะเบาๆ

หลังจากหัวเราะ เขาพบว่า ตัวเองไม่มีอารมณ์โทสะสักนิด ตรงกันข้าม เหมือนว่าเขาจะรู้สึกดีใจเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ

เซี่ยยวี่หลัว “…” พอนางรู้ตัวว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองเกี้ยวพานท่านราชบัณฑิตน้อย เซี่ยยวี่หลัวเกือบร่วงลงไปในลำธาร

นาง… นาง… นาง เมื่อครู่นี้นางเกี้ยวพานท่านราชบัณฑิตน้อยโดยไม่ตั้งใจเสียแล้ว!

ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ท่านราชบัณฑิตน้อยไม่ได้โมโห!

เซี่ยยวี่หลัวตกใจเป็นอย่างยิ่ง ดาวอังคารพุ่งชนโลกยังไม่น่าตกตะลึงเท่าท่านราชบัณฑิตน้อยยิ้ม!

เซียวยวี่ถูกเกี้ยวพาน อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ยกถุงน้ำในมือขึ้น ดื่มแบบประกบปากหนึ่งคำ

ทั้งสองคนกินอาหารเที่ยงอย่างเรียบง่ายเสร็จแล้ว จึงเริ่มเก็บดอกจินหยินต่อ

คราวนี้เร็วขึ้นมาก ใช้เวลาไปเพียงครึ่งชั่วยาม ตะกร้าหิ้วและตะกร้าสะพายที่นำมาก็ถูกใส่จนเต็ม เซี่ยยวี่หลัวกดลงไปเบาๆ สามารถใส่เพิ่มได้อีกไม่น้อย ดอกจินหยินรอบนอกถูกเก็บจนหมดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวอยากเก็บเพิ่มอีกเล็กน้อย จะได้ไม่ต้องมาอีกครั้ง จึงเสนอให้เดินลึกเข้าไป เซียวยวี่ย่อมกล่าวอะไรไม่ได้ เพียงนำทางอยู่ด้านหน้า

กระบองในมือคอยเปิดทางด้านหน้า คอยตีหญ้าให้งูตื่นตกใจ

คราวนี้เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่กล้าไปไกลมาก ตามติดเซียวยวี่ทีละก้าว แทบจะเดินตามทางที่เซียวยวี่เคยเหยียบผ่านทั้งหมด

ทั้งสองคนเดินมายังตำแหน่งใหม่ ดอกจินหยินตรงนี้ก็บานสะพรั่งเช่นกัน ทั้งคู่เริ่มเก็บดอกจินหยินอย่างต่อเนื่อง

คราวนี้เก็บอีกครู่หนึ่ง เก็บจนไม่มีที่ใส่แล้ว พวกเขาจึงหยุดเก็บและกลับไป

เซี่ยยวี่หลัวมองดูดอกจินหยินที่พวกเขาเก็บไปเพียงครึ่งหุบเขา คิดไว้ว่าจะทำสบู่ชุดแรกก่อน หากผลตอบรับดี ค่อยทำอีกหนึ่งชุด

ทั้งสองคนเดินตามเส้นทางเดิมกลับบ้าน เซียวยวี่สะพายตะกร้าเดินเปิดทางอยู่ด้านหน้าเหมือนเดิม เมื่อมีประสบการณ์ครั้งแรก การปีนเขาจึงง่ายขึ้นมาก เมื่อปีนถึงยอดเขา ทั้งคู่จึงนั่งพักอยู่บนยอดเขาครู่หนึ่ง

เซี่ยยวี่หลัวมองดูทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้า มองดูจนเหม่อลอยอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้

เซียวยวี่ยื่นส่งน้ำให้นางก็ยังไม่รู้ตัว

“ดื่มน้ำ! ” เซียวยวี่เรียกให้นางดื่มน้ำเป็นหนที่สี่แล้ว

นางดูเหม่อลอย กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?

เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งตอบสนอง รีบขานตอบทีหนึ่ง ยื่นมือรับมา แหงนหน้าดื่มน้ำโดยประกบปากถุง ดื่มรวดเดียวหลายคำ ก่อนยื่นส่งคืนให้เซียวยวี่โดยไม่คิดอะไร

มือที่ยื่นออกไปพลันแข็งทื่ออยู่กลางอากาศ ถุงน้ำนี่ทั้งก่อนหน้านี้และเมื่อครู่นางล้วนดื่มแบบประกบปาก ท่านราชบัณฑิตน้อยจะรับได้อย่างไร!

เซี่ยยวี่หลัวคิดในใจว่าแย่แล้ว ท่านราชบัณฑิตน้อยเป็นโรครักสะอาด เช่นนี้เท่ากับทำให้เขารังเกียจไม่ใช่หรือ? นางกำลังจะชักมือกลับ เซียวยวี่เร็วกว่านาง เอื้อมมือรับไป

เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าถุงน้ำถูกรับไป คิดว่ารับไปก็รับไป อย่างไรเสียรับไปเขาก็ไม่ดื่มแน่

เซียวยวี่ปิดฝาถุงน้ำจนแน่น ใส่ไว้ในตะกร้า เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาว เห็นหรือไม่ เขาไม่ยอมดื่มแน่

ทั้งสองคนพักครู่หนึ่ง แล้วจึงเริ่มลงเขา

ลงเขาเหมือนกับตอนขึ้นเขา เซียวยวี่ยังคงเดินนำด้านหน้า เซี่ยยวี่หลัวตามอยู่ด้านหลังติดๆ ไม่ทิ้งห่างแม้แต่ก้าวเดียว

ลงจากเขา ทั้งคู่รีบเดินทางกลับบ้านโดยไม่หยุดพัก ตอนนี้เป็นยามเซิน* กลับถึงบ้าน ภายในบ้านเงียบสนิท เด็กสองคนนอนหลับอยู่บนเตียงของเซี่ยยวี่หลัว กำลังนอนหลับฝันหวาน

เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้รบกวนพวกเขา วางตะกร้าลงก่อนจะตักน้ำล้างมือ

ภายในลานบ้านมีน้ำโอ่งหนึ่ง ใช้ผ้าสีดำสะอาดปิดไว้บนโอ่ง นั่นเป็นน้ำที่ใช้อาบในฤดูร้อน วางไว้ข้างนอกตากแดดหนึ่งวัน เมื่อถึงเวลาอาบน้ำตอนค่ำน้ำจะร้อน เช่นนี้ก็ไม่ต้องต้มน้ำแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวตักน้ำสะอาดมาหนึ่งอ่าง ก่อนจะนำสบู่มาหนึ่งก้อน จากนั้นจึงกล่าวกับเซียวยวี่ที่วางตะกร้าลง “ล้างมือก่อน”

เซียวยวี่พยักหน้า ถกแขนเสื้อขึ้น เดินมาทางนี้

เซี่ยยวี่หลัวเทดอกจินหยินในตะกร้าหิ้วและตะกร้าสะพายลงไปในอ่างไม้ขนาดใหญ่ จากนั้นจึงหยิบเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งลง เริ่มแยกเศษหญ้าและใบไม้ในกลีบดอกไม้ออก

เซียวยวี่ย่อตัวอยู่ข้างอ่างไม้เพื่อล้างมือ ถูสบู่กลิ่นดอกกุ้ยฮวา

กลิ่นของสบู่ดอกกุ้ยฮวานั้นหอมเสียจริง ถูบนมือก็มีกลิ่นหอม เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกกุ้ยฮวา วันนี้พวกเขาเก็บดอกจินหยินกลับมามากมายถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าสบู่ที่ทำออกมา จะมีกลิ่นเช่นไร

เขาหันหน้ามองดูเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังคัดแยกดอกไม้อย่างตั้งใจอยู่ใต้ชายคา หรี่ตาจนแทบเป็นเส้นตรง ในดวงตาราวกับมีดวงดาราทอประกาย ประหนึ่งหมู่มวลดาราบนท้องนภา

—————————

เชิงอรรถ

*ยามเซิน คือ 1 ใน 12 ชั่วยามของจีน เป็นช่วงเวลาระหว่าง 15:00 – 17:00 น.