ตอนที่ 152 ปล้น

เรื่องของเซิ่นเจียวเจียวเป็นแค่เหตุการณ์เล็ก ๆ เท่านั้น อันอิงเฉิงเลยมิได้เก็บมาใส่ใจ เมื่อรอให้อันหลิงเกอ อันหลิงจุนและคนอื่นจุดธูปไหว้ฮูหยินใหญ่อันเสร็จแล้วก็พาทุกคนนั่งรถม้าลงเขา

รถม้าจวนโหวส่งเสียงดังกึกก้องบนถนนคดเคี้ยวของหุบเขา ขณะเดินทางผ่านป่าทึบ ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนกระโดดออกมาขวางทางเอาไว้

กลุ่มคนพวกนี้มีร่างกายแข็งแรงบึกบึน ในมือถือดาบและขวางหน้ารถม้าด้วยท่าทางดุดัน

“สหายทั้งหลาย วันนี้เราจับแกะอ้วนได้เลยทีเดียว”

หัวหน้ายกมือเท้าสะเอวข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือก็ยกดาบชี้มาทางรถม้าพร้อมแววตาแห่งความโลภ

องครักษ์จวนโหวมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างหวาดระแวง แต่ละคนเอื้อมมือไปจับฝักดาบที่ติดกาย เพราะหากคนพวกนี้มีท่าทีผิดแปลกไป พวกเขาจักเข้าไปปะทะทันที

“แค่เห็นรถม้าก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ด้านในต้องเป็นคนตระกูลใหญ่ คราวนี้พวกเรารวยแน่ ! ”

โจรอีกคนกระโดดออกมา เขากวาดสายตามองสำรวจโดยรอบรถม้าสองสามคัน ขณะเดียวกันก็ลูบเคราแล้วฉีกยิ้มอย่างตื่นเต้น

อันอิงเฉิงรู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้คือโจรภูเขา เขาจึงเดินลงจากรถม้าและมองไปทางกลุ่มโจรภูเขาด้วยสายตาดุดัน

เหล่าองครักษ์ฉลาดเป็นกรดจึงรีบตะโกนไปทางกลุ่มโจรภูเขาว่า “บังอาจ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังขวางขบวนรถม้าท่านโหว ? ”

“ท่านโหวเป็นผู้ใด ข้ามิเคยได้ยินมาก่อน สหาย พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ ? ”

หัวหน้าโจรภูเขาหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วหันไปถามพวกที่อยู่ข้างกาย

“มิเคยได้ยิน มิเคยได้ยิน”

ทันใดนั้นพวกโจรก็หัวเราะอย่างพร้อมเพรียง เป็นการเหยียดหยามท่านโหวอย่างโจ่งแจ้ง

หัวหน้าโจรภูเขาหัวเราะจนพอแล้วก็ทำสัญญาณมือบอกให้คนข้างหลังหยุดหัวเราะ

“ข้ามิสนว่าพวกเจ้าเป็นผู้ใด วันนี้พวกเจ้ามาเจอข้าก็ต้องมอบเงินออกมา แล้วข้าจักไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่ถ้าต่อต้านก็อย่าหาว่าพวกข้าแล้งน้ำใจ”

หัวหน้าโจรที่มีหนวดเคราเอ่ยพร้อมทำตาเบิกกว้าง ท่าทางเยี่ยงนี้ดูน่ากลัวอยู่บ้าง

ใบหน้าของอันอิงเฉิงมืดมนในทันใด ท่านโหวโดนโจรต่ำทรามเยี่ยงโจรภูเขาข่มขู่ได้ตั้งแต่เมื่อไร ?

เวลานี้ไฟโทสะของอันอิงเฉิงโหมกระหน่ำจึงออกคำสั่งโดยมิลังเลแม้แต่น้อย “ภายใต้ฝ่าเท้าโอรสสวรรค์ จักปล่อยให้โจรภูเขาทำตัวโอหังมิได้ เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน จงปราบโจรภูเขาให้ข้าเดี๋ยวนี้ ! ”

“ขอรับ ! ”

องครักษ์ขานรับเป็นเสียงเดียวกันแล้วชักดาบยาวออกมา ประกายดาบที่เยือกเย็นสะท้อนให้เห็นรอยยิ้มดูหมิ่นบนใบหน้าโจรภูเขาเหล่านั้น

“พี่น้องทั้งหลายลุย ! ”

หัวหน้าโจรภูเขาฉีกยิ้มอย่างดุร้ายและเย็นชา ราวกับมิเห็นคมดาบอยู่ตรงหน้า เพียงกวัดแกว่งดาบในมือมาที่ร่างองครักษ์และเพิ่งผ่านไปได้มิเท่าไรพวกเขาก็ใกล้มาถึงเบื้องหน้าอันอิงเฉิงแล้ว

ใบหน้าของอันอิงเฉิงเปลี่ยนไป องครักษ์ที่เหลือจึงรีบเข้ามาขวางตรงหน้าทันที “โจรภูเขากลุ่มนี้มิธรรมดา ท่านโหวรีบหนีไปขอรับ ! ”

คนอื่นบนรถม้าก็ได้ยินเสียงด้านนอก แต่ทางฝั่งหลี่ซื่อและอันหลิงอีหันมาสบตากันและยกยิ้มอย่างได้ใจ

เมื่ออันหลิงอีได้รับสัญญาณจากมารดาก็รีบลงจากรถม้าแล้วเดินมาข้างกายอันอิงเฉิง

“เจ้าออกมาทำอันใด ? ” อันอิงเฉิงกล่าวด้วยความโมโห แม้องครักษ์ที่พามาด้วยมีอาวุธครบมือ แต่ก็มีจำนวนคนน้อยจึงมิพอให้ต่อสู้กับโจรภูเขาหลายสิบคน

ในยามที่โดนโจรภูเขาล้อมไว้ อันหลิงอีกลับออกมาแล้วมิได้แปลว่าเข้ามาสร้างปัญหาเพิ่มหรือไร ?

ดวงตาอันหลิงอีเต็มไปด้วยความกังวล “ลูกได้ยินเสียงดังจึงกลัวท่านพ่อมีอันตราย เช่นนั้นลูกจึงลงมาดูเจ้าค่ะ”

อันหลิงอีเพิ่งกล่าวประโยคนี้จบก็ได้ยินเสียงหัวเราะน่าสมเพชของโจรภูเขาดังขึ้นและมาพร้อมคำมิรื่นหู “ไอหยา สาวน้อยนางนี้ผิวเนียนขาวสวยน่าจับมาเป็นเมียหัวหน้าเสียจริง”

“ใช่ใช่ใช่ จับนางไปเป็นของหัวหน้า”

พอกล่าวจบโจรภูเขาเหล่านั้นก็หัวเราะและพุ่งเข้ามาหาอันหลิงอีทันที

อันหลิงอีเผยใบหน้าหวาดกลัว แต่ยังกลั้นความกลัวเอาไว้และเข้าไปยืนขวางตรงหน้าอันอิงเฉิง “ท่านพ่อรีบหนีไปเจ้าค่ะ โจรภูเขาพวกนี้น่ากลัวเกินไปเจ้าค่ะ”

ร่างอันบอบบางของอันหลิงอียืนขวางตรงหน้าอันอิงเฉิงราวกับต้องการป้องกันการโจมตีของพวกโจรภูเขา

อันอิงเฉิงยังมิทันได้ซาบซึ้งก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของโจรภูเขาและแสงสะท้อนจากคมดาบผ่านเบื้องหน้าเขาไป

เขาตกใจจนถอยไปหนึ่งก้าว แต่โจรภูเขาคนนั้นก็พุ่งมาหาพร้อมรอยยิ้มที่ดุร้าย อันอิงเฉิงจึงยกเท้าเตะ ทว่าอึดใจต่อมาก็เห็นโจรภูเขาคนนั้นปัดฝุ่นบนเสื้ออย่างมิเจ็บปวดอันใด “คาดมิถึงว่าวรยุทธของท่านโหวแย่ถึงเพียงนี้ ลูกเตะนี่มิได้สะทกสะท้านผิวกายข้าสักนิด”

เมื่อโดนถากถางเยี่ยงนี้ อันอิงเฉิงก็โมโหจนหน้าแดงแต่มิได้เถียงกลับ

เดิมทีตัวเขาก็เดินบนเส้นทางปัญญาชนแล้วจักเทียบกับผู้มีวรยุทธเยี่ยงโจรภูเขาได้หรือ?

“พวกเจ้าโอหังเกินไปแล้ว ! ” อยู่ ๆ หลี่ซื่อก็กล่าวออกมาเสียงดังพร้อมเดินลงจากรถม้าแล้วรีบมาอยู่ข้างกายอันอิงเฉิง จากนั้นก็จ้องมองโจรภูเขาด้วยสายตาโกรธจัด “หากพวกเจ้าหยุดมือไว้เพียงแค่นี้ ท่านโหวจักคิดว่าเรื่องในวันนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถ้าพวกเจ้ายังทำต่อ พวกข้าจักเรียกองครักษ์หลวงมาที่นี่แล้วทำลายซ่องโจรของพวกเจ้าเสีย ! ”

“องครักษ์หลวงเยี่ยงนั้นหรือ ? ช่างน่ากลัวเสียจริง”

หัวหน้าโจรภูเขากล่าวออกมาพร้อมตบหน้าอกแสร้งทำหวาดกลัว ส่งผลให้โจรภูเขาคนอื่นที่อยู่ด้านหลังหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นก็มีโจรผู้หนึ่งยกกิ่งไม้ขึ้นและชี้มาทางอันอิงเฉิง “ในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้ พวกข้าคงปล่อยพวกเจ้ากลับไปมิได้แล้ว เพราะในตอนนี้พวกเราพี่น้องต้องการเงินและคน”

“ถูกต้อง สังหารผู้ชายทิ้งให้หมด ส่วนพวกผู้หญิงก็จับไปให้พี่น้องคนอื่นได้เพลิดเพลิน ! ”

หัวหน้าโจรภูเขาออกคำสั่งแล้วพวกพ้องก็ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าสิ่งใด พวกมันโห่ร้องและพุ่งมาทางรถม้าทันที

“อย่าเข้ามา ! ” อันหลิงอีขวางอยู่ตรงหน้าอันอิงเฉิงมิยอมขยับไปไหน ใบหน้าของนางซีดเผือด ปากสั่นระริกแต่ยังกล่าวกับอันอิงเฉิงที่อยู่ข้างหลังว่า “ท่านพ่อรีบหนีไปเจ้าค่ะ ท่านเป็นความหวังของจวนโหว ท่านย่ายังรอให้ท่านกลับไปที่จวน ท่านจักเป็นอันใดมิได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ”

อันอิงเฉิงได้ฟังก็ตาแดงก่ำ เนื่องจากเขามิเคยคิดมาก่อนว่าในเวลาที่ถูกโจรภูเขาข่มขู่ อันหลิงอีซึ่งเป็นบุตรสาวผู้เย่อหยิ่งที่สุดจักมายืนขวางตรงหน้าเพื่อปกป้องเขาจากอันตราย

แต่ในช่วงเวลาเยี่ยงนี้เขาจักทิ้งอนุภรรยาและมิสนใจบุตรสาวได้เยี่ยงไร ?

อันอิงเฉิงเม้มปากแน่นแล้วกล่าวอย่างเด็ดขาด “มิได้ ข้ามิมีทางทิ้งพวกเจ้าเด็ดขาด เจ้าวางใจได้เพราะนี่คือถนนหลวง สักครู่จักมีทหารลาดตระเวนมาที่นี่ ขอแค่พวกเราอดทนไว้ต้องมิเป็นอันใดแน่นอน”

เขามีฐานะเป็นท่านโหวย่อมเข้าใจการเฝ้าระวังในเมืองหลวงเป็นธรรมดา

ทว่าทางฝั่งหลี่ซื่อเผยแววตากระวนกระวายออกมาและรีบส่งสายตาให้หัวหน้าโจรภูเขาทันที

เมื่อได้รับสัญญาณ หัวหน้าโจรภูเขาก็เก็บท่าทีแมวไล่จับหนูก่อนหน้านี้และรีบกระโดดเข้าไปในรถม้า