ตอนที่ 153 ปราบ

อีกด้านหนึ่งอันหลิงเกอที่นั่งอยู่บนรถม้าอีกคัน เมื่อเห็นสถานการณ์ นางก็รีบหยิบลูกธนูที่อยู่ด้านหลังมา 1 ดอกแล้วยิงไปทางหัวหน้าโจรภูเขาทันที

ท่าทางยิงธนูของอันหลิงเกอดูเยือกเย็นราวกับเคยทำมานับครั้งมิถ้วน ส่งผลให้หัวหน้าโจรภูเขาที่มิทันตั้งตัวโดนลูกธนูปักลงบนแขนขวาและดาบยาวในมือร่วงลงพื้น

“ที่แท้ในนี้ยังมีคนซ่อนอยู่อีก 1 คนนี่เอง”

หัวหน้าโจรภูเขาบาดเจ็บเพราะลูกธนูของอันหลิงเกอก็นิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงเงยหน้ามองสาวน้อยตรงหน้า

“สตรีเยี่ยงนี้ช่างอวดเก่งนัก ! ”

คำกล่าวของเขาดุดันน่าสะพรึงกลัวและเมื่อเห็นอาภรณ์ที่มิหรูหราของอันหลิงเกอ เขาก็รู้ทันทีว่านางคือเป้าหมายที่หลี่ซื่อกล่าวถึง

เมื่อนึกย้อนไปหลี่ซื่อ นางให้สาวใช้คนสนิทนำเงินจำนวนมิน้อยมาส่งให้พวกเขา พร้อมบอกว่าอยากให้หาโอกาสจัดการสาวน้อยคนนี้ ทว่าเป้าหมายกล้าทำร้ายเขา ดังนั้นโทษคือต้องตายสถานเดียว !

“เจ้ากล้าทำร้ายหัวหน้าของพวกข้า วันนี้เจ้าต้องตาย ! ” พวกโจรภูเขาหลายสิบคนที่ล้อมอันอิงเฉิงก็พุ่งตัวมาทางอันหลิงเกอทันที หลี่ซื่อเห็นก็แสร้งเผยใบหน้าหวาดกลัวออกมา แต่ในแววตามีรอยยิ้มชั่วร้ายแฝงอยู่

ตอนอยู่ในจวนมีฮูหยินผู้เฒ่าคอยให้ท้ายอันหลิงเกอ และนางยังอาศัยความที่เป็นคุณหนูใหญ่และบุตรภริยาเอกซื้อใจคนในจวนไปกว่าครึ่ง ทำให้หลี่ซื่อหาโอกาสลงมือกับอันหลิงเกอมิได้เสียที

ในตอนนี้มาทำความสะอาดสุสานแล้วพบโจรภูเขาเข้า หากอันหลิงเกอตายด้วยฝีมือโจรภูเขาก็จักบอกได้ว่านางโชคร้ายไปเอง

เมื่อถึงเวลานั้นจวนโหวจักกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของหลี่ซื่ออีกครา แล้วผู้ใดจักคิดว่าการตายของอันหลิงเกอเกี่ยวข้องกับนาง ?

ส่วนอันหลิงอีเห็นโจรภูเขามุ่งเป้าหมายไปที่อันหลิงเกอ แววตาของนางก็สั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น นางแทบอยากกลายเป็นหนึ่งในโจรภูเขาแล้วสังหารอันหลิงเกอด้วยมือ

ทว่าอันหลิงเกอสามารถยิงธนูได้ถึง 2 ครั้งติด ทำให้โจรภูเขาที่อยู่หน้าสุดโดนยิงจนล้มลงกับพื้น

ทำให้พวกโจรภูเขาตระหนักแล้วว่านางมีฝีมือยิงธนูมิเลวจึงมิกล้าประมาท ได้แต่เข้าไปล้อมรถม้าเอาไว้

“พวกเจ้ากลัวอันใด พวกเรามีคนมากถึงเพียงนี้ จักมากลัวเด็กเยี่ยงนางคนเดียวหรือ ? ”

หัวหน้าโจรภูเขาตะโกนด้วยความโมโห “ถ้าผู้ใดกล้าถอย ข้าจักสังหารมัน ! ”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ พวกโจรภูเขาก็มิกล้าถอยอีก แต่ละคนจึงฝืนเข้าไปเผชิญหน้ากับอันหลิงเกอ

“พี่หญิงระวังขอรับ ! ” ขณะลงจากรถม้า อันหลิงจุนก็เห็นอันหลิงเกอโดนพวกโจรภูเขาล้อมเอาไว้แล้ว เขาจึงรีบเตะโจรที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วแย่งดาบมาจากมืออีกฝ่าย จากนั้นก็ฟันลงไปที่ตัวโจรคนนั้น

ในเมื่อโจรภูเขามิมีทางให้ถอยกลับก็มีโจรผู้หนึ่งยกดาบในมือแล้วฟันไปทางอันหลิงจุนทันที แต่เขาสนใจแค่สถานการณ์ของพี่สาวจึงมิทันสังเกตเห็นดาบที่กำลังพุ่งมาใส่

เมื่อเห็นเยี่ยงนั้น ดวงตาของอันหลิงเกอก็เบิกกว้าง นางยิงลูกธนูในมือตรงไปที่ดาบโจรภูเขา แต่ความเร็วของมันมิมากพอ

เวลาราวกับหยุดหมุน นางมองดาบเล่มนั้นฟันหาตัวอันหลิงจุน แต่เมื่อเปล่งเสียงออกมาก็กล่าวมิออก

ทันใดนั้นลู่จ้านก็ลอยตัวมาอยู่ตรงหน้าอันหลิงจุนและพาเขาหลบหลีกดาบ จากนั้นก็เบี่ยงแขนฟาดมือโจรภูเขาจนดาบศัตรูร่วงสู่พื้น

ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนของโจรภูเขาเพราะตอนนี้มือขวาได้ผิดรูปจากการถูกลู่จ้านหักข้อมือ

ลู่จ้านมิหันไปมองอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาดึงปกเสื้อด้านหลังของอันหลิงจุนแล้วพาตัวอีกฝ่ายลอยไปอยู่ข้างกายอันหลิงเกอ

“โจรภูเขากลุ่มเล็ก ๆ กล้าก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง”

ลู่จ้านกล่าวพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยความดุดัน

“เจ้าเป็นผู้ใด เหตุใดกล้ายุ่งเรื่องของผู้อื่น ? ” หัวหน้าโจรภูเขากล่าวเมื่อเห็นลู่จ้านทำร้ายลูกน้อง เขาโมโหและมองลู่จ้านด้วยสายตาดุร้าย

ลู่จ้านหัวเราะเสียงดังออกมาราวกับมิได้ยินคำของหัวหน้าโจร “วันนี้ข้าอารมณ์ดี จักช่วยให้พวกเจ้าตายอย่างสงบ”

เขาลอยตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางโจรภูเขา ช่วงขายาวกวัดแกว่งไปโดยรอบทำให้โจรภูเขาหกถึงเจ็ดคนโดนเตะแล้วลงไปนอนกองกับพื้น

“ข้าคือลู่จ้าน พวกเจ้าจำไว้ให้”

เมื่อกล่าวจบลู่จ้านก็ใช้เท้าเตะดาบที่ตกบนพื้นขึ้นมา จากนั้นใช้มือคว้าจับมันอย่างแม่นยำ

เมื่อแสงแห่งคมดาบส่องประกาย โจรห้าหกคนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็หยุดนิ่ง เหลือทิ้งไว้เพียงรอยสีแดงบนคอ บ่งบอกว่าพวกเขาสิ้นลมในคมดาบเดียว

หัวหน้าโจรภูเขาได้เห็นก็ตกตะลึงยิ่งกว่าอันใด ตอนที่หลี่ซื่อบอกให้ทำเรื่องนี้ก็มิเคยกล่าวแม้แต่น้อยว่าจักมีคนที่ร้ายกาจปรากฎตัวขึ้น !

ตอนนี้พวกเขายังมิได้สังหารอันหลิงเกอก็สูญเสียไปหลายคนแล้ว !

ดูเหมือนเงินก้อนนี้จักได้มิคุ้มเสีย

เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น เขาก็เปลี่ยนใจอย่างรวดเร็วและมิสนใจสังหารเป้าหมายอีกแล้ว เขารีบออกคำสั่งต่อลูกน้องทันที “ถอย ! ”

โจรภูเขาพวกนั้นตกใจกลัวจนมิกล้าขยับตัว เมื่อได้ยินคำสั่งของหัวหน้า แต่ละคนก็รีบถอยออกมาอย่างมิคิดชีวิต ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจพวกเขาก็วิ่งเข้าป่าจนมิเหลือแม้แต่เงา

ลู่จ้านก็มิตั้งใจสังหารพวกโจรให้ตายเพราะเป้าหมายของเขาคือปกป้องคนในจวนโหว

“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยชีวิต”

จนถึงตอนนี้อันหลิงเกอจึงมีเวลาคำนับขอบคุณลู่จ้าน อันหลิงจุนก็เลียนแบบพี่สาว ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยความซาบซึ้งและชื่นชม “คุณชายช่างร้ายกาจเสียจริง แค่คนเดียวก็ทำให้โจรภูเขาหนีแบบมิคิดชีวิตได้แล้ว ! ”

“ข้าแค่ออกแรงเล็กน้อยเท่านั้น” ลู่จ้านกล่าวอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็เห็นอันอิงเฉิงพาหลี่ซื่อและอันหลิงอีเดินเข้ามา

อันอิงเฉิงทำมือคำนับลู่จ้าน “เรื่องในวันนี้ต้องขอบคุณแม่ทัพน้อยลู่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ พวกเราจวนโหวจึงปลอดภัย รอให้ข้ากลับถึงจวนเมื่อไรจักตอบแทนแม่ทัพน้อยอย่างดีแน่นอน”

ในตอนที่เขาเห็นลู่จ้านปรากฎตัวก็จำได้ทันทีว่าคือบุตรชายของแม่ทัพใหญ่ลู่เทียนหยา อีกทั้งยังเป็นแม่ทัพน้อยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง คนในราชสำนักคุ้นชินกับการเรียกว่าแม่ทัพน้อยลู่ อันอิงเฉิงเองก็เรียกเยี่ยงนั้น

ลู่จ้านเป็นคนรุ่นหลังจึงมิกล้ารับการคำนับจากอันอิงเฉิง เขารีบเบี่ยงตัวหลบทันที

ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่นก็กล่าวว่า “ท่านโหวเกรงใจเกินไปแล้ว ข้าแค่ผ่านทางมาเท่านั้น เห็นโจรภูเขากำลังก่อความวุ่นวายถึงได้ออกมาจัดการ มิถือว่าเป็นบุญคุณอันใดหรอกขอรับ”

เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้นอันอิงเฉิงยังอยากเอ่ยชมลู่จ้านอีกสองสามประโยค แต่ทันใดนั้นก็นึกถึงคำเล่าลือของลู่จ้านในราชสำนัก ว่ากันว่าเขามีวรยุทธเก่งกล้า รักการต่อสู้ ผดุงความยุติธรรม แต่มิชอบเห็นพวกหน้าซื่อใจคดในราชสำนัก อันอิงเฉิงจึงกลืนคำชมลงไปดังเดิม

จนถึงตอนนี้ลู่จ้านจึงมีเวลามองอันหลิงเกออย่างเต็มตา ดวงตาของนางงดงามยิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้า ราวกับสามารถบดบังสีสันทุกอย่างบนแผ่นดินได้

“คุณหนูใหญ่อันมีฝีมือยิงธนูดีใช้ได้เลย” เขาเอ่ยปากชมอันหลิงเกอ แต่กลับทำให้อันอิงเฉิงมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา

บัดนี้ฮ่องเต้มีราชโองการยกเลิกงานสมรสของจวนโหวและจวนอ๋องมู่แล้ว หากแม่ทัพน้อยลู่มีใจต่อเกอเอ๋อก็สามารถจับคู่กันได้

มิว่าเยี่ยงไรแม่ทัพน้อยลู่ก็มีรูปโฉมงดงาม วรยุทธสูงส่ง แม้เกิดในจวนแม่ทัพ แต่แม่ทัพใหญ่ลู่ก็คุมกำลังทหารสำคัญ แม้เกอเอ๋อแต่งเข้าไปก็มิถือว่าได้รับความมิเป็นธรรมอันใด

อันหลิงเกอมิทราบว่าอันอิงเฉิงคิดไปไกลเพราะคำชมเพียงประโยคเดียวของลู่จ้าน