บทที่ 221: ฉันไม่ใช่คนหลอกลวงซะหน่อย!

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 221: ฉันไม่ใช่คนหลอกลวงซะหน่อย!

ทันทีที่มือของโรเอลสัมผัสกับศีรษะของซินเทีย พลังเวทสีเหลืองซีดก็เริ่มเข้าครอบคลุมร่างกายของหญิงสาว​ ไหลผ่านมือของเด็กชายเข้าสู่ร่างกายของเธอ

วินาทีถัดมา ซินเทียก็สะดุ้งด้วยแรงกระแทกบางอย่าง ร่างกายของเธอแข็งทื่อ แต่มันไม่ใช่ผลกระทบที่เกิดจากคาถาเวท เนื่องจากโรเอลนั้นไม่ได้ใช้เวทมนตร์ใด ๆ เลย แรงกดดันที่หญิงสาวรู้สึกได้นั้นคือแรงกดดันตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากผู้ที่เหนือกว่าตรงหน้าเธอ

ในฐานะเทพธิดาแห่งผืนปฐพี พลังเวทของเปตราเป็นพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ ทำให้ทันทีที่ผู้ครอบครองคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ได้สัมผัสกับมัน พวกเขาก็จะสัมผัสได้ถึงตัวตนของเธอ ความแตกต่างนั้นชัดเจนมาก นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเทพเจ้าโบราณถึงมีอิทธิพลต่อผู้ศรัทธาที่อ่อนแอกว่าของพวกเขา

ระหว่างที่พลังเวทของเทพธิดาแห่งปฐพีค่อย ๆ หลั่งไหลลงไปในร่างกายของซินเทีย จากนั้นจิตสำนึกของเธอก็ถูกส่งไปยังหุบเขาอันไกลโพ้น ที่ซึ่งเธอพบว่าตัวเองยืนอยู่ต่อหน้างูยักษ์ขนาดมหึมาใหญ่เกินจินตนาการ นี่คือร่างอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาแห่งปฐพี ตัวตนดั้งเดิมของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ เพียงแค่การปรากฏตัวของเปตราก็ทำให้ผู้ศรัทธาต้องยอมสยบ

ใน ‘ภาพลวงตา’ นี้ ซินเทียพบว่าพลังเวทของเธอไหลเวียนเร็วกว่าปกติ แผลเป็นเก่าที่ด้านข้างของซี่โครงเริ่มร้อนขึ้น พลังเวทสีเหลืองซีดเริ่มรักษาบาดแผลเก่าที่เธอดิ้นรนพยายามเยียวยามาตลอดหลายปี

ซินเทียประหลาดใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ แม้ว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ใช้ คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ มักจะเป็นที่รู้จักในการมีพลังชีวิตอันล้นเหลือ แต่เธอก็ยังไม่เคยได้สัมผัสกับพลังเวทบริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อน

อาการบาดเจ็บทางร่างกายเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ทหารรับจ้างมักจะอายุสั้น การมีอยู่ของพลังเหนือธรรมชาติในโลกนี้ทำให้อาการบาดเจ็บเป็นอะไรที่รุนแรงมาก โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวข้องกับยาพิษ ทักษะเฉพาะตัว หรือพลังทางสายเลือด ทำให้บางทีบาดแผลเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะอยู่ไปตลอดชีวิต

บาดแผลที่ด้านข้างซี่โครงของซินเทีย เกิดจากผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายที่เธอต่อสู้ด้วยในระหว่างภารกิจ มันเป็นบาดแผลมาจากพลังทางสายเลือดที่ไม่เหมือนใคร เธอจึงไม่สามารถทำการรักษาบาดแผลนี้ได้อย่างสมบูรณ์แม้จะฆ่าศัตรูคนนั้นไปแล้ว แม้ว่าซินเทียจะพยายามตามหาหนทางการรักษา และพยายามระงับผลกระทบของมันให้มากที่สุด แต่เธอก็ยังต้องทนทุกข์ทรมานและต้องตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความเจ็บปวดเป็นครั้งคราว

องค์กรที่น่าจะสามารถรักษาบาดแผลนี้ได้ดีที่สุด ก็คือโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง แต่แน่นอนว่าผู้นับถือลัทธินอกรีตเช่นเธอ ไม่มีสิทธิ์ในบริการนั้น

นอกจากนี้ ซินเทียคิดว่าต่อให้เธอสามารถระงับผลจากบาดแผลนี้ได้ ในช่วงจุดสูงสุด แต่มันก็อาจจะกลายเป็นเหตุที่ทำให้เธอต้องเสียชีวิตในอีกร้อยปีนับจากนี้ ในตอนที่เธออ่อนแอหรือเริ่มป่วย

ซินเทียเคยเห็นผู้อาวุโสในกลุ่มทหารรับจ้างประสบชะตากรรมเช่นนั้นมานักต่อนักแล้ว รวมทั้งพ่อของเธอด้วย

ทว่าชะตากรรมของหญิงสาวก็ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปในวันนี้ ด้วยพรอันทรงพลัง ซินเทียได้ยินเสียงของเปตราดังก้องอยู่ในหู ความอบอุ่นนี้ทำให้เธอถูกชักจูง ปลดปล่อยร่างกายให้ซึมซับพลังเวทและพรจากเทพธิดาแห่งปฐพี

ขณะเดียวกัน​ โรเอลนั้นยังคงจ้องมองไปที่เธออย่างสงบ แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต้นระรัวอย่างประหม่าแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่แสดงอยู่ก็ตาม

แน่นอนว่าเด็กชายไม่ได้มีความคิดสัปดนอะไร ที่เขาประเมินซินเทียก่อนหน้านี้ ก็เพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของเธอด้วยพลังของเปตรา ซึ่งมันก็สำเร็จสมบูรณ์ได้ด้วยดี หลังจากใส่พลังเวทของเปตราเข้าไปในร่างกายของเธอ

เมื่อนึกถึงท่าทางที่แข็งทื่อบนใบหน้าของซินเทียและร่างกายที่สั่นเทาเล็กน้อยของเธอก่อนหน้านี้ โรเอลก็ส่ายหัวและถอนหายใจ เขาพอจะรู้เรื่องราวมาบ้าง จากคนของโรซ่าว่ากลุ่มทหารรับจ้างกำแพงเหล็กนั้นไม่ค่อยชอบใจจักรวรรดิเซนต์เมซิทเท่าไหร่ แต่เด็กชายก็ไม่คิดว่ามันจะหนักถึงขนาดนี้ โรเอลรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มน้าวเธอด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากเปตรา

โรเอลนั้นต้องการพรรคพวกที่ทรงพลังคอยช่วยเหลือ มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่ หากเขาจะต้องจัดการกับปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง นอกจากนี้ มันยังถือเป็นการบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของเขาในฐานะตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองอีกด้วย หากเขาต้องลงมือจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ ๆ

อันที่จริงโรเอลนั้นกระหายที่จะได้เผชิญการต่อสู้จริงเป็นอย่างมาก หลังจากได้ไปถึงระดับแก่นแท้ 4 แต่เด็กชายก็รู้ดีว่ามันอาจจะเกิดผลข้างเคียง ที่ทำให้ตนต้องร้องขอการเยียวยาจากนอร่า ชาร์ล็อต และอลิเซีย แม้ว่าเขาจะใช้เอสเซนด์วิงเพื่อฟื้นฟูจากสถานะคืนชีพอันเดธได้ แต่ด้วยวิธีนั้น นอร่าก็ยังสัมผัสถึงมันได้อยู่ดี

หากถูกสาว ๆ จับได้ว่าโรเอลมีส่วนร่วมในการต่อสู้โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร บทลงโทษของเขาอาจมีตั้งแต่การเตือนเบา ๆ ไปจนถึงการร้องไห้อย่างหนักจากสาว ๆ

นี่ทำให้โรเอลรู้ดีว่าตนอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะทำให้สาว ๆ หลั่งน้ำตาได้ ไม่ว่าจะเป็นอลิเซียหรือชาร์ล็อต ส่วนนอร่า​ แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนประเภทที่ร้องไห้ได้ง่าย ๆ แต่เธอก็มีพลังที่จะ ‘จำกัดการเคลื่อนไหวของโรเอล’ เพื่อความปลอดภัยของเขาในฐานะผู้พิทักษ์ได้… ซึ่งก็เดาได้ไม่ยากเลยว่า เธอจะทำอะไรกับเขาในตอนนั้น

เพียงความคิดนี้ก็ทำให้โรเอลกลัวจนตัวสั่นแล้ว เด็กชายรีบสะบัดความคิดนั้นออกไป และหันกลับมาสนใจซินเทีย ในที่สุดเมื่อพลังเวทหยุดลง หญิงสาวก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

“ดูเหมือนมันจะเป็นฝันที่ดีใช่ไหมซินเทีย”

“… ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอโทษด้วยที่ได้ดูหมิ่นท่าน ได้โปรดยกโทษให้ความไม่รู้ของข้าด้วย”

???

บุตรศักดิ์สิทธิ์? ทำไมเราถึงถูกเรียกแบบนี้อีกแล้วเนี่ย?

โรเอลจำได้ว่าตนเคยถูกเรียกแบบนี้ ในตอนที่เขาลี้ภัยไปซ่อนโบสถ์แห่งหนึ่งในช่วงการเดินขบวนแห่งความวุ่นวาย ชวนให้เขาคิดว่า อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในโลกนี้ มักจะต้องมีคำนำว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ อยู่ด้วยเสมอ ๆ

“ดูเหมือนว่า เปตราได้อธิบายสถานการณ์ของฉันให้เธอฟังแล้วสินะ ”

“ใช่แล้ว ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ องค์เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำการชี้แนะและประทานพรให้แก่ข้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

เสียงของซินเทียเต็มไปด้วยความรู้สึก​ผิด ก่อนหน้านี้เธอได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับอุปนิสัยของโรเอล และอคติต่อเขาที่เป็นขุนนางระดับสูงของจักรวรรดิเซนต์เมซิท คิดว่าเด็กชายเป็นคนที่มีอคติต่อผู้นับถือลัทธินอกรีต ทว่าเมื่อได้รับคำชี้แนะ​จากเทพธิดาแห่งปฐพีแล้ว หญิงสาวก็ตระหนักว่าเธอเข้าใจเขาผิดไป

หากนี่เป็นในสมัยโบราณ โรเอลคงจะได้รับการพิจารณาให้เป็นอัครสาวกแห่งลัทธิบูชาคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความแน่วแน่ไปแล้ว เขาคงจะได้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งรองจากเทพธิดาแห่งปฐพี ไม่ว่าจะในนิกายใด​ ใครก็ตามที่กล้าขัดต่อเจตจำนงของอัครสาวกจะต้องได้รับโทษจากสวรรค์ ทำให้คำพูดของอัครสาวกนั้นถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด

ซินเทียรู้ดีว่าโรเอลจะบังคับให้เธอต้องยอมจำนนก็ยังได้ แต่เด็กชายกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จากอำนาจที่เขามีเพื่อบังคับเธอเลย ตลอดการเจรจาที่ผ่านมา แม้ว่าจะถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ไม่เคยอารมณ์เสีย แต่กลับมอบพรให้แก่เธอแทน นี่ทำให้ซินเทียรู้สึกประทับใจกับความจริงใจของเขาเป็นอย่างมาก

หญิงสาวนึกถึงคำพูดต่าง ๆ ที่โรเอลพูดไว้ก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้เธอไม่คิดที่จะสงสัยคำพูดเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มันกลายเป็นความหวัง สำหรับอนาคตอันสดใสสำหรับเธอและเหล่าสหาย

ในทวีปเซียมีขุนนางเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เต็มใจจะเข้าข้างผู้นับถือลัทธินอกรีต และแน่นอนว่าไม่มีสักคนที่เป็นขุนนางชั้นสูงผู้ทรงอำนาจเช่น ตระกูลแอสคาร์ด

เนื่องจากโรเอลเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเธอ มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กชายจะทรยศต่อพวกเธอ นอกจากนี้ซินเทียยังรู้สึกว่า เขานั้นเป็นคนที่คู่ควรแก่การรับใช้ หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ในที่สุดกลุ่มของพวกเธอก็จะได้หลุดพ้นจากวิถีชีวิตอันเร่ร่อน และมีที่ที่เรียกว่าบ้านได้จริง ๆ เสียที

และมันก็คงจะดียิ่งขึ้นไปอีก หากทัศนคติของผู้คนในจักรวรรดิเซนต์เมซิทที่มีต่อผู้นับถือลัทธินอกรีตจะเปลี่ยนไปจริง ๆ ในอนาคต…

ความคิดนี้ทำให้หัวใจของซินเทียเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น หญิงสาวรีบปรับท่าทางของตนให้คุกเข่าข้างหนึ่งอย่างเป็นทางการ แล้วก้มศีรษะลงพร้อมยกมือขึ้นวางที่หน้าอก

“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้า ซินเทีย อัลเกิร์ต ตัวแทนของกลุ่มทหารรับจ้างกำแพงเหล็ก เต็มใจที่จะให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อท่าน”