ตอนที่ 117-2 องค์หญิงหรงหวา

ชายาเคียงหทัย

เยี่ยหลียกชาขึ้นดื่ม ก่อนเอ่ยถามว่า “ที่องค์หญิงมาโวยวายกับข้าถึงที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือ เพียงเพื่อระบายโทสะหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่ตอบโต้ ท่านอยากโวยวายก็โวยวาย อยากด่าทอก็ด่าทอ อยากทำลายข้าวของก็ทำลายข้าวของ ขอเพียงให้ท่านสบายใจ เพียงแต่…ทำเช่นนี้แล้วจะมีความหมายอันใด จะเปลี่ยนอันใดที่เป็นอยู่ในยามนี้ได้หรือ อีกอย่าง องค์หญิงคิดจริงๆ หรือว่าที่ท่านต้องไปแต่งงานถึงเป่ยหรงในครานี้เป็นเพราะข้า”

 

 

ท่านหญิงหรงหวาอึ้งไป แต่ใบหน้าเรียวก็กลับมาแข็งขืนอย่างรวดเร็ว “ย่อมเป็นเพราะเจ้าเป็นแน่ ผู้ใดใช้ให้เจ้าใส่ชื่อของข้าเข้าไป เจ้ากล้าพูดหรือว่ามิใช่เพราะเจ้าคิดอยากแก้แค้นข้าเป็นการส่วนตัว”

 

 

เยี่ยหลีเลิกคิ้ว “แก้แค้นเป็นการส่วนตัวหรือ ท่านจะคิดเห็นเช่นนั้นก็ย่อมได้ เพียงแต่นั่นเป็นราชโองการของฝ่าบาท ข้าเพียงคัดเลือกคนที่ข้าคิดว่าเหมาะสม แต่คนสุดท้ายที่เลือกองค์หญิงนั้น มิใช่ข้า”

 

 

ท่านหญิงหรงหวาเอ่ยด้วยความโกรธเคืองว่า “เหตุใดเจ้าจึงไม่ตัดข้าชื่อทิ้งไป”

 

 

เยี่ยหลีมองนางด้วยความขบขัน ก่อนย้อนถามว่า “เหตุใดข้าถึงต้องตัดชื่อท่านทิ้งด้วย” นางรู้จักมักคุ้นกับท่านหญิงหรงหวาหรือ ระหว่างนางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหรือ

 

 

“ข้าไม่อยากไปแต่งงาน คนไร้อารยะอย่างเป่ยหรงทั้งหยาบกระด้าง แล้วยังดูไม่ได้…”

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าที่หยิ่งทระนงอยู่เป็นนิจของท่านหญิงหรงหวาดูมีความตื่นกลัวและอ่อนแอให้ได้เห็น เยี่ยหลีก็ได้แต่นึกถอนใจ “ผู้ใดบ้างอยากไปแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์”

 

 

ท่านหญิงหรงหวาอึ้งไป พูดไม่ออกไปพักใหญ่ ใช่สิ เป่ยหรงมิใช่แคว้นที่ดีเด่อันใด บุตรสาวผู้ดีชนชั้นสูงผู้ใดบ้างที่ยินดีจะไปแต่งงาน เยี่ยหลีกับตนไม่เคยไปมาหาสู่กัน ซ้ำยังเคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อน มีเหตุอันใดให้นางต้องช่วยตัดชื่อตนทิ้ง

 

 

เมื่อเห็นท่านหญิงหรงหวาฝืนกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นน้ำตา เยี่ยหลีจึงนึกส่ายหน้าในใจ ถึงแม้นางจะมิได้ชื่นชอบอันใดท่านหญิงหรงหวา แต่ก็มิได้จงเกลียดจงชังนาง ท่านหญิงหรงหวาเอาแต่ใจและจองหองก็จริง แต่ก็ถือว่าเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา อย่างน้อยเมื่อเทียบกับสตรีที่จิตใจมีแต่เล่ห์เหลี่ยมแล้ว ก็ถือว่าคบหาได้ง่ายกว่ามากนัก

 

 

“วันนี้เหตุใดองค์หญิงถึงออกนอกเมืองมาได้หรือ คงมิได้มาเพื่อทุบตีข้าเพื่อระบายความโกรธของท่านกระมัง”

 

 

“เจ้าจะยอมให้ข้าทุบตีเจ้าหรือ” ท่านหญิงหรงหวาเอ่ยถาม

 

 

เยี่ยหลีอมยิ้มพร้อมส่ายหน้า ถ้วยชากระเบื้องในมือแตกรับคำนาง เอ่ยเรียบๆ ว่า “ท่านไม่ชนะข้าหรอก”

 

 

“เจ้า!” ท่านหญิงหรงหวาจ้องเยี่ยหลีด้วยความโกรธ รู้สึกเพียงผู้หญิงคนนี้ทำให้นางดูเป็นคนโง่

 

 

เยี่ยหลีมองนางนิ่งๆ “เรื่องการแต่งงานนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว หากองค์หญิงมีเวลามาระบายความโกรธกับข้า สู้เอาเวลาไปคิดว่าต่อไปจะทำเช่นไรไม่ดีกว่าหรือ”

 

 

ดวงตาท่านหญิงหรงหวามีแววเสียใจและทำอันใดไม่ได้ เพียงส่งเสียงเหอะเบาๆ “จะทำเช่นไรได้ นอกจากรอให้ถูกจับไปแต่งงาน ขึ้นรถม้าไปเป่ยหรง รอไว้วันใดเป่ยหรงกับต้าฉู่ เกิดแตกหักกัน ข้าไม่ถูกจับไปอยู่วังเย็น ก็คงเป็นหมากที่ต้องสละทิ้งเท่านั้น” ต่อให้นางเป็นคนเอาแต่ใจเพียงไร แต่ก็เป็นคนที่เกิดเป็นราชนิกุล ความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์มิใช่นางจะไม่รู้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุจำเป็นต้องเป็นนางเท่านั้นเอง

 

 

แววตาเยี่ยหลีเปลี่ยนไป ก่อนนำถ้วยชาที่แตกคามือวางกลับลงบนโต๊ะ “เมื่อองค์หญิงไปยังเป่ยหรงแล้ว ก็จะกลายเป็นพระชายาขององครัชทายาทแห่งเป่ยหรง ขอเพียงเป่ยหรงและต้าฉู่ยังไม่ถึงขั้นแตกหักกัน ต่อหน้าก็คงมิมีผู้ใดทำอันใดท่านได้ ขอเพียงองค์หญิงฉลาดพอ หากท่านสามารถใช้ชีวิตรอดอยู่ในเป่ยหรงได้ บางทีในอนาคตอาจมีโอกาสได้กลับมายังต้าฉู่

 

 

แน่นอนว่าท่านหญิงหรงหวาย่อมไม่เชื่อ นางส่งเสียงเหอะเย็นๆ ก่อนเอ่ยว่า “กลับมายังต้าฉู่หรือ เจ้าพูดน่ะง่าย ถึงเวลานั้นผู้ใดเลยจะยังจำองค์หญิงเพียงคนหนึ่งที่ไปแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์ได้”

 

 

เยี่ยหลีขมวดคิ้วนิ่งคิด ก่อนหยิบเครื่องประดับหยกคู่อันประณีตงดงามออกมาแยกส่งส่วนหนึ่งให้ท่านหญิงหรงหวา “องค์หญิงเก็บของสิ่งนี้ไว้ หากในอนาคตเกิดมีภัยอันถึงแก่ชีวิตองค์หญิง ตำหนักติ้งอ๋องสามารถช่วยชีวิตท่านได้ นี่เป็นของแทนคำสัญญา”

 

 

“เจ้าอยากให้ข้าทำอันใด” ท่านหญิงหรงหวามิใช่คนโง่ ก็เป็นเช่นที่เยี่ยหลีเคยพูดว่าพวกนางมิได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดที่จะให้เยี่ยหลีช่วยเหลือนางได้

 

 

เยี่ยหลีเอ่ยว่า “รับภาระหน้าที่ในการเป็นองค์หญิงที่ไปแต่งงานเพื่อสานสัมพันธ์และหน้าที่ของพระชายาของรัชทายาทแห่งเป่ยหรง พร้อมทั้งพยายามอย่างเต็มความสามารถในการช่วยเหลือรัชทายาทแก่งเป่ยหรง”

 

 

“ข้า…ช่วยเหลือรัชทายาทเป่ยหรงหรือ เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร” ท่านหญิงหรงหวารู้ถึงความสามารถของตนเป็นอย่างดี หากให้นางเป็นเพียงพระชายาธรรมดาคนหนึ่งยังพอว่า แต่จะให้ช่วยเหลือรัชทายาทแห่งแคว้น…เยี่ยหลีไม่ประเมินนางสูงเกินไปหรือ

 

 

เยี่ยหลีเอ่ยเรียบๆ ว่า “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อข้าพูดออกมาแล้ว ย่อมต้องช่วยเหลือท่าน หากท่านเชื่อใจข้า ต่อไปจะมีคนนำหยกอีกส่วนหนึ่งไปหาท่าน ท่านเพียงเชื่อใจคนผู้นั้นเป็นพอ อีกอย่าง เมื่อท่านไปถึงเป่ยหรงแล้ว สามารถเปิดเผยข่าวบางอย่างให้รัชทายาทเป่ยหรงรับรู้ ให้เขาเชื่อว่าท่านสามารถช่วยเขาได้ จะได้ไม่…ถูกเขาสังหารตั้งแต่ไปถึง เพราะรัชทายาทเป่ยหรงไม่มีทางยินดีที่จะแต่งงานกับพระชายาที่มาจากต้าฉู่”

 

 

ท่านหญิงหรงหวามองเยี่ยหลีด้วยความสับสน เมื่อเทียบกับคนที่เติบโตมาเป็นราชนิกุลอย่างตนแล้ว เยี่ยหลีอายุอ่อนกว่าตนสองสามปี แต่ตนเองกลับไม่เคยคิดอันใดมากเพียง นี่เป็นความแตกต่างระหว่างชายาติ้งอ๋องและท่านหญิงธรรมดาๆ องค์หนึ่งอย่างนั้นหรือ

 

 

“หากรัชทายาทเป่ยหรงรู้ว่าข้ามีความเกี่ยวพันธ์กับตำหนักติ้งอ๋อง จะเชื่อใจข้าได้อย่างไร” ท่านหญิงหรงหวาเอ่ยถาม

 

 

เยี่ยหลีเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “หาทางทำให้เขารู้ว่าท่านสามารถช่วยเขาต่อกรกับเยียหลี่ว์เหยี่ยได้ เมื่อถึงยามที่ม่อซิวเหยาเดินทางไปส่งท่านที่เป่ยหรง ข้าจะขอให้เขาช่วยสื่อสารกับรัชทายาทเป่ยหรงเอง อีกอย่าง…ท่านจะต้องการความเชื่อใจจากองค์รัชทายาทเป่ยหรงไปเพื่ออันใด ท่านคิดจริงๆ หรือว่าเป่ยหรงจะยอมรับมารดาแห่งแคว้นในอนาคตที่เป็นคนต้าฉู่ ถึงแม้เป่ยหรงจะเป็นดินแดนที่ไร้อารยะ แต่พวกเขากลับให้ความสำคัญกับสายเลือดยิ่งกว่าแคว้นอื่นๆ ประวัติศาสตร์หลายร้อยปีที่ผ่านมาของเป่ยหรงนั้น ไม่เคยมีอัครชายาที่เป็นคนต่างแคว้นมาก่อน และเลือดในกายเป่ยหรงอ๋องก็ไม่เคยมีสายเลือดของแคว้นอื่นนอกจากเป่ยหรงมาก่อน แน่นอนว่า หากท่านสามารถโน้มน้าวให้เยียหลี่ว์หงเปลี่ยนทุกอย่างนี้ได้ ข้าก็จะเปลี่ยนแผนช่วยท่านเช่นกัน”

 

 

เมื่อคิดถึงข่าวลือเรื่องรูปลักษณ์ที่น่ารังเกียจของคนเป่ยหรงแล้ว ท่านหญิงหรงหวาก็นึกสะอิดสะเอียนจนต้องขมวดคิ้ว ถึงแม้เยียหลี่ว์เหยี่ยผู้นั้นจะหน้าตาไม่เลวนัก แต่ก็เพียงไม่เลวเท่านั้น ในต้าฉู่หากไม่มีคนหน้าตาหล่อเหลาคมคายกว่าเขาถึงหมื่นคน ก็ต้องมีหลายพันคนเป็นอย่างน้อย ผู้ใดเลยจะรู้ว่าเยียหลี่ว์หงจะหน้าตาเป็นอย่างไร เยียหลี่ว์ผิงที่มาเมื่อคราก่อนหน้าตาก็อัปลักษณ์อย่างกับหมูเสียด้วย

 

 

ท่านหญิงหรงหวารับเครื่องประดับหยกคู่ที่เยี่ยหลีส่งมาให้อย่างไม่สบอารมณ์ “นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะขอบคุณเจ้า”

 

 

เยี่ยหลียกยิ้มน้อยๆ “ไม่ต้องขอบคุณ เพียงแต่ท่านหญิงคงรู้ว่าเรื่องบางเรื่องไม่ควรให้คนรับรู้กันมากนักกระมัง”

 

 

“ข้าไม่ได้โง่” ท่านหญิงหรงหวาเอ่ยพร้อมส่งเสียเหอะเย็นๆ นางย่อมไม่โง่ นางรู้ว่าเยี่ยหลีกำลังใช้ประโยชน์จากนาง เพียงแต่องค์หญิงที่ถูกส่งไปแต่งงานในประวัติศาสตร์ผู้ใดบ้างที่มีชีวิตที่ดี นับประสาอันใดกับสถานที่เช่นเป่ยหรง เยี่ยหลีใช้ประโยชน์จากตน แต่อย่างน้อยนางก็ได้ช่วยเหลือให้ตนมีชีวิตต่อไป พี่ชายลูกพี่ลูกน้องที่สูงส่งอยู่ในวังนั้นทำอันใดเพื่อนางบ้าง นอกจากส่งคนมาสอนธรรมเนียมที่นางเคยเรียนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเท่านั้น แม้แต่คำเอ่ยปลอบโยนสักคำก็ไม่มี ทำเหมือนนางเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่พร้อมจะสละได้ตลอดเวลากระนั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่ามาโทษที่นางช่วยเหลือตำหนักติ้งอ๋องก็แล้วกัน นางเองก็อยากมีชีวิตรอดเช่นกัน

 

 

เยี่ยหลีพยักหน้า “ยังเหลือเวลาอีกไม่น้อยกว่าท่านจะออกเดินทาง ทางที่ดีช่วงนี้องค์หญิงไปพบองค์หญิงเจาหยางและฮองเฮาบ้างจะดีกว่า”

 

 

ท่านหญิงหรงหวาเบ้ปากด้วยความไม่เข้าใจ

 

 

เยี่ยหลีจึงเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ทั้งสองท่านต่างเป็นคนฉลาด หากองค์หญิงขอให้พวกท่านชี้แนะด้วยความจริงใจ ท่านทั้งสองจะช่วยสอนองค์หญิงได้มาก ข้าไม่รู้ว่าองค์หญิงเจาเหรินสอนอันใดองค์หญิงแล้วบ้าง เพียงแต่ดูจากหลายปีมานี้เกรงว่าคงไม่จำเป็นต้องสอนแล้วกระมัง”

 

 

ท่านหญิงหรงหวามิได้โกรธที่เยี่ยหลีเอ่ยวาจาเย้ยหยันเสด็จแม่ของตนออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ แต่กลับนิ่งไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว ข้าไปล่ะ ใช่สิ…หากเจ้ามิได้มีธุระอันใดก็รีบกลับเมืองหลวงเสียเถิด ระวังติ้งอ๋องของเจ้าจะถูกคนแย่งไปเสีย”

 

 

พูดจบท่านหญิงหรงหวาก็เดินออกไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่งเช่นเดิม ทิ้งเยี่ยหลีให้นั่งนิ่งอึ้ง ใคร่ครวญว่าที่ท่านหญิงหรงหวาพูดมานั้นเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่