“พักการสอบสวนไม่ใช่ปล่อยไปโดยไร้ความผิดเสียหน่อย ก็แค่ปล่อยตัวออกมาชั่วคราว คดีก็ยังสืบสวนอยู่ไม่ใช่เหรอ?” คำอธิบายของอวี๋หมิงหลางไม่ได้ทำให้ทั้งสองคนใจเย็นลง แต่กลับยิ่งทำให้อยากไปรุมกระทืบมากกว่าเดิม
“สืบสวนกับผีสิ เพื่อนผมบอกว่า จากหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้มากสุดก็ฟ้องได้แค่ข้อหาทำร้ายร่างกาย ถึงตอนนั้นมันก็แสร้งทำเป็นให้การว่าสั่งสอนลูก โดนลงโทษก็คงสามปี รอลงอาญาสองปี แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร!!!”
ตอนนี้ฉิวฉิวคิดแค่อยากไปอัดคนสารเลวนั่น สัตว์เดรัจฉานตัวนั้นน่ารังเกียจที่สุด!
“ใช่! ถ้าพี่หลางกลัวมีปัญหาก็หลบไป พวกเราสองคนไปเอง พวกเราจะปิดหน้าแล้วไปดักรอทางที่มันต้องผ่าน จากนั้นก็เอากระสอบทรายคลุมแล้วรุมกระทืบมัน เอาให้ทุพพลภาพไปเลย!” หลิวเหมยเองก็โมโหไม่แพ้กัน
ตั้งแต่เช้าที่ยัยป้านั่นมาหาเรื่องถึงบ้านหลิวเหมยก็เก็บความโกรธไว้ในใจ ตอนนี้ได้ยินแบบนี้ก็พร้อมระเบิดเต็มที่
โลกนี้มันเป็นอะไรกัน คนเลวไม่ได้รับผลกรรม คนดีเป็นโรคซึมเศร้า?
“เธอไปซ้อมเขาให้ทุพพลภาพ พวกเธอสองคนก็ต้องไปรับโทษเพราะเรื่องนี้อยู่ดี คิดว่ามันคุ้มกันแล้วเหรอ?” อวี๋หมิงหลางไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
เรื่องนี้มันน่าโมโหก็จริง แต่ถ้าสองคนนี้บุ่มบ่ามออกไปทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายจนพิการ ก็หนีไม่พ้นต้องรับผิดชอบอยู่ดี
“อีกอย่างพวกเธอออกไปทำร้ายร่างกายเขา ต้องทำร้ายถึงระดับไหนถึงจะแก้แค้นให้เวยเวยได้? ทำเบาไป จะพอชดเชยความรู้สึกของเด็กคนนี้ได้หรือเปล่า? ทำหนักไปจนถึงขั้นพิการพวกเธอสองคนก็ต้องติดคุก! หนีไม่พ้นโทษอยู่ดี!” ไม่ใช่ว่าอวี๋หมิงหลางไม่โกรธ เพียงแต่เขากับเสี่ยวเชี่ยนจะปล่อยให้คนอารมณ์ร้อนสองคนนี้ไปแก้แค้นในทางที่ผิดไม่ได้
การทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะแก้แค้นคนผิดที่แท้จริงไม่ได้ ยังจะทำให้ตัวเองเสียหายไปด้วย
“แม่งเอ๊ย!” ฉิวฉิวโมโหถีบกำแพง ไฟโกรธในใจไม่มีที่ระบาย
“โลกนี้นี่มันอะไรกัน? มันทำผิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แค่ใช้เส้นสายก็ทำให้หลักฐานไม่เพียงพอได้แล้ว พวกเราจะไปถามหาความยุติธรรม ถูกจับก็ไม่เป็นไร!”
“กฎหมายไม่ได้ดูเจตนาของเธอหรอกนะว่าดีหรือร้าย ดูแค่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เธออยากจะจัดการมันก็ต้องมีหลักฐานที่เพียงพอ แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีหลักฐาน” พูดออกไปก็น่าโมโห แต่นี่คือเรื่องจริง
ไม่มีเรื่องไหนที่น่าอึดอัดเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว!
“ตอนนี้อีกฝ่ายอยากให้พวกเธอตามไปหาเรื่องถึงที่มาก ยิ่งพวกเธอทำให้เป็นเรื่องก็จะยิ่งไม่ดีกับเวยเวยเข้าใจไหม? ที่ยัยป้านั่นเอาสีจะมาสาดเราถึงที่ก็เพราะอยากให้พวกเราตามไปหาเรื่องกลับยังไงล่ะ พวกเธออย่าไปหลงกลสิ แล้วก็อย่าทำให้เรื่องมันแย่ลงกว่านี้ด้วย!” เสี่ยวเชี่ยนพูด
ตอนนี้ทุกคนในบ้านต่างคับแค้นใจ แต่เธอกับอวี๋หมิงหลางยังถือว่ามีสติดี ไม่ได้หัวร้อนจนขาดสติ
ยังไม่มีคำตัดสินอย่างเป็นทางการ หลักฐานก็ไม่เพียงพอ ถ้าเกิดไปหาเรื่องขึ้นมาก็จะถูกแว้งกัด ไม่ดีต่อเวยเวย
พยานที่เห็นหลุ่ยจือเอาสีมาสาดก็มีแค่คนของเรา แต่ถ้าฉิวฉิวกับหลิวเหมยไปหาเรื่อง เสี่ยวเชี่ยนพนันเลยว่าอีกฝ่ายหาคนมาเป็นพยานไว้เยอะแยะแล้ว ไม่แน่อาจมีพวกสื่อด้วย
“อ๊าก!!!” อวี๋หลิวเหมยโมโหจนร้องตะโกนออกมา “ตอนเด็กๆอาจารย์บอกฉันว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่พอฉันโตมาใช้ชีวิตในสังคม คำพูดนี้มันหลอกกันชัดๆ! ไม่ใช่เรื่องจริงเลย!”
“การระบายอารมณ์เป็นเรื่องดี แต่ถ้ามากเกินไปเธอจะเป็นโรคจิตเวชได้ พวกเธอจะยอมแลกกับคนพวกนั้นมันคุ้มกันแล้วเหรอ?” ตอนแรกที่เสี่ยวเชี่ยนรู้ก็โมโหพอๆกับพวกอวี๋หลิวเหมย
แต่เธอก็ใจเย็นลงได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
ในบ้านนี้ต้องมีคนที่ใจเย็น ถ้าหัวร้อนกันไปหมด ไม่เพียงแต่จะแก้ปัญหาไม่ได้แล้วยังจะทำร้ายตัวเองจนอีกฝ่ายได้ใจ ตอนนี้ทางนั้นวางกับดักให้พวกเราเดินไปติด เจ้าเล่ห์มาก
“ก็ฉันหงุดหงิดนี่นา!” หลิวเหมยเลียนแบบฉิวฉิว เตะกำแพงอย่างแรง
เสี่ยวเชี่ยนโบกปัดมือไปทางอวี๋หมิงหลาง “เอาตัวสองคนนี้ออกไปสู้กับนายสักพักให้ได้ปลดปล่อยอารมณ์หน่อย”
“พะย่ะค่ะ~”อวี๋หมิงหลางลากตัวสองคนนั้นออกไป
“ประธานเชี่ยน! ฉันมองเธอผิดไป! เธอมันขี้ขลาด! พวกมันจะมาขี่หัวพวกเราอยู่แล้วเธอยังจะให้พวกเราอดทนอยู่อีก!” ฉิวฉิวชี้หน้าเสี่ยวเชี่ยนพลางพูดด้วยความโมโห
อวี๋หมิงหลางเอานิ้วฉิวฉิวที่ชี้หน้าเสี่ยวเชี่ยนแหย่เข้าไปในรูจมูกฉิวฉิว “แฟนฉันรู้ว่าต้องทำไง ห้ามชี้หน้าเธอนะ!”
อวี๋หลิวเหมยเองก็ไม่แพ้กัน “ฉันรู้ว่าพี่สะใภ้อ่อนโยน แต่เวลานี้ความอ่อนโยนของพี่จะทำให้คนชั่วลอยนวล!”
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า “ใช่ พี่เป็นคนอ่อนโยน พี่เป็นคนขี้ขลาด”
ตอนที่อวี๋หมิงหลางได้ยินหลิวเหมยบอกว่าเสี่ยวเชี่ยนอ่อนโยนมุมปากเขาก็กระตุก ถ้าเมียเขาอ่อนโยน ขี้ขลาด ก็คงเป็นคนขี้ขลาดตาดำ กัดคนทีนึงถึงตายได้เลยทีเดียว
“ไปๆๆ ไปสู้กันสักตั้งที่สนาม ฉันให้สองรุมหนึ่งเลยเอ้า!” อวี๋หมิงหลางถีบคนใจร้อนเข้าลิฟท์ จากนั้นก็ขยิบตาให้เสี่ยวเชี่ยน “เมียขี้ขลาดที่แสนอ่อนโยน ไปก่อนนะจ๊ะ!”
เสี่ยวเชี่ยนทำมือไล่เขา มุมปากเธอถูกยกขึ้นเล็กน้อย
อวี๋หมิงหลางก็ยังเข้าใจเธอ
ความโกรธนี้จะปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆได้ยังไง!
พอกลับเข้าไปในบ้าน เสี่ยวเชี่ยนก็เอากระบะทรายกับแผนที่เมืองนี้ออกมาหาบ้านครอบครัวเย่ จากนั้นก็เริ่มทำบางอย่างกับกระบะทรายด้วยสายตาที่แน่วแน่
ในใจกลับคิดถึงคำพูดของอวี๋หลิวเหมย
ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วงั้นเหรอ?
ได้ ประธานเชี่ยนตัดสินใจแล้วว่าจะเล่นให้ใหญ่ไปเลย!
อวี๋หมิงหลางพาคนเลือดร้อนทั้งสองคนลงลิฟท์ไป ฉิวฉิวพอออกจากลิฟท์ได้ก็เดินหนี แต่ถูกอวี๋หมิงหลางลากกลับมา เมียสั่งไว้แล้วว่าห้ามปล่อยสองคนนี้ออกไป!
“อวี๋หมิงหลาง!ที่ฉันให้เกียรตินายก็เพราะนายเป็นลูกผู้ชายดี อย่ามาขวางฉัน! วันนี้ฉันไม่ควรมาที่นี่เลย น่าจะตรงไปฆ่าพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด!” ฉิวฉิวจะไปทวงคือความยุติธรรมแต่ถูกห้ามไว้ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ
ระหว่างทางที่เธอจะมาชวนประธานเชี่ยนกินข้าวเพื่อนก็โทรมาพอดี เลยถือโอกาสมาบอกเรื่องนี้ด้วย ถ้ารู้ว่าประธานเชี่ยนจะห้ามเขา เขาก็ไม่มาให้เสียเวลาหรอก
“เป็นลูกชายไม่ได้หมายความว่าจะโง่ คำพูดของแฟนฉันนายไม่ฟังแล้วเหรอ?”
“ไม่ฟัง!” ฉิวฉิวรู้แค่ว่าตอนนี้คนเลวกำลังได้ใจ น่าโมโห!
“อ่อ ไม่ฟังใช่ไหม—” ทันใดนั้นอวี๋หมิงหลางก็งอเข่าแล้วอัดเข้าไปที่ท้องฉิวฉิว ถึงเขาจะคุมแรงแล้ว แต่ฉิวฉิวก็ยังเจ็บจนงอตัวแล้วชี้หน้าอวี๋หมิงหลางด้วยความโกรธ
“นาย…เอาจริงนี่หว่า!”
อวี๋หมิงหลางเอี้ยวตัวหลบแข้งของอวี๋หลิวเหมย มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าแล้วสู้กับสองคนนี้แบบสบายๆ “ก็ฉันเห็นนายไม่ฟังก็เลยช่วยกระตุ้นสมอง!”
หลิวเหมยกับฉิวฉิวมองหน้ากัน ทั้งสองคนเข้าหาอวี๋หมิงหลางกันคนละข้าง ทั้งสามคนสู้กันนัวเนีย
เสี่ยวเชี่ยนชงกาแฟ ยืนริมหน้าต่างมองทั้งสามคนทะเลาะกัน ภายในกระบะทรายที่อยู่ด้านหลังเธอ บนโมเดลตึกได้มีอุปกรณ์พิเศษวางอยู่
ทุกอย่างเตรียมพร้อม