ตอนที่ 658 ลูกเชี่ยนมีความลับใหญ่

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังมาจากห้องนอนเล็ก เสี่ยวเชี่ยนวางแก้วในมือแล้วเดินไปที่ห้อง เห็นเวยเวยนั่งอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่เหงื่อเต็มหัว

 

 

“พี่เหม่ยเหวยคะ! เขาอยู่ เขาอยู่ตรงนั้น!” เวยเวยชี้ไปที่มุมหนึ่งของห้องด้วยอาการตกใจกลัว

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเดินไปกอดเธอไว้แล้วตบหลังเบาๆเพื่อปลอบ

 

 

“ไม่เป็นไรนะ มันก็แค่ฝัน”

 

 

อาการในตอนนี้ของเวยเวยเรียกว่าเดจาวู หลังจากที่คนปกติถูกทำร้าย สมองก็จะปรากฏภาพตอนที่ถูกทำร้ายไประยะหนึ่งไม่หยุด ช่วงระยะนี้ไม่เพียงแต่เวยเวยจะฝันร้าย บางครั้งใครไปถูกตัวเธอก็จะกรีดร้อง ซึ่งก็เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของอาการเดจาวู

 

 

ผู้หญิงที่ถูกคุกคามโดยใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะในวัยที่ยังไม่เติบโตมากนักก็จะอยู่ในภาวะซึมเศร้าหรือชินชาเป็นเวลานาน ถ้าไม่รีบดำเนินการรักษาทางจิตเวชอย่างทันท่วงที ความโหดร้ายนี้ก็จะติดอยู่กับพวกเขาไปตลอดชีวิต

 

 

ถึงขนาดที่สามารถส่งผลต่อการมีชีวิตคู่ในอนาคต เสี่ยวเชี่ยนเคยเจอเคสคนไข้ผู้หญิงที่เป็นแบบนี้มามากมาย หลังจากที่ผู้หญิงบรรลุนิติภาวะแล้วแต่งงานไปก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลยต่อการใช้ชีวิตคู่ เห็นเพศชายเป็นศัตรู รู้สึกหวาดระแวง หรืออาจไม่สามารถเปิดใจยอมรับโลกภายนอกได้เลยด้วยซ้ำ เพราะในส่วนลึกจิตใจของพวกเขามักจะมีเสียงพูดขึ้นมาว่า โลกนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย

 

 

“พี่เหม่ยเหวยคะ หนูรู้สึกอยู่ไปก็ทรมาน แค่หลับตาก็จะเห็นเขา เขาตีหนู ทำให้ตัวหนูสกปรก…”

 

 

“เด็กน้อย นี่ไม่ใช่ความผิดของหนูเลยนะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนใช้คำว่าเด็กน้อย นี่เป็นวิธีเข้าถึงจิตใจที่จิตแพทย์ใช้กับผู้ป่วยประเภทนี้ ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนเรียกว่าเด็กน้อย ดวงตาของเวยเวยก็เริ่มแดง

 

 

“ความผิดของหนูเอง ถ้าหนูไม่เกิดมาก็คงดี ถ้าหนูถูกลุงคนอื่นรับไปเลี้ยงก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ความผิดของหนูเอง…”

 

 

ปฏิเสธการมีตัวตนของตัวเอง นี่ก็คือหนึ่งในความรู้สึกของผู้หญิงที่ถูกทำร้าย

 

 

เดิมเสี่ยวเชี่ยนคิดว่านี่ก็แค่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ใช้เกมกระบะทรายรักษาก็ได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าโรคซึมเศร้าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของภูเขาน้ำแข็ง ภายใต้ภูเขาลูกนั้นยังแฝงไว้ด้วยเรื่องอีกมากมายที่คนไม่รู้

 

 

ดูท่าจะต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นรักษาแล้ว

 

 

ตอนนี้ต้องทำให้ความหวาดกลัวของเวยเวยที่มีต่อเรื่องนี้ได้ระบายออกมา ไม่อย่างนั้นเธอจะเอามันไปทำร้ายตัวเอง ไม่เพียงแต่จะรักษาโรคซึมเศร้าไม่ได้แล้ว วันข้างหน้าอาจพัฒนากลายเป็นโรคประสาทได้อีกด้วย

 

 

พอเห็นเวยเวยอยู่ในสภาพนี้เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้มีความสงสารสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นสักนิดต่อเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

 

 

ทุกคนต่างคิดว่าทำร้ายให้ร่างกายเจ็บเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดแล้ว แต่ใครจะเข้าใจบ้างว่าการทำร้ายถึงจิตใจมันเจ็บเพียงใด?

 

 

อย่างเช่น เดินอยู่บนถนนดีๆอยู่ๆก็ถูกคนต่อยเข้าหนึ่งหมัด บาดแผลภายนอกแบบนี้พอรักษาก็หาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนถูกทำร้ายไม่เพียงแต่จะเป็นการบอบช้ำทางกาย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการทำร้ายที่มาจากในจิตใจและการวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม การถูกทำร้ายจากสังคมนั้นมาจากโลกภายนอก แต่บาดแผลในใจกลับเหลือทิ้งไว้อยู่ที่ตัวเอง

 

 

หัวใจของคนๆหนึ่งบาดเจ็บ มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่รู้ ทำได้แค่ปล่อยให้อาการบาดเจ็บในส่วนลึกของจิตใจลุกลามจนสุดท้ายหมดทางเยียวยา เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่งได้จริงๆเหรอ?

 

 

บาดแผลบางอย่างได้ แต่บางอย่างไม่ได้ อาการบาดเจ็บของเวยเวยถ้าไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญช่วยก็ไม่มีทางดีขึ้นไปตลอดชีวิต

 

 

คนอื่นๆจะเห็นแค่ว่านี่คือคนปกติคนหนึ่ง เธอมีลักษณะภายนอกที่เหมือนคนอื่น สิบกว่าปีหรือหลายสิบปีผ่านไป หัวใจที่บอบช้ำเป็นรูพรุนของเธอไม่มีใครรับรู้ หรือถึงขนาดที่ว่าการทำร้ายจิตใจที่แสนน่ากลัวนี้อาจส่งต่อไปยังรุ่นถัดไป

 

 

ผู้หญิงที่เคยถูกใช้ความรุนแรงหลังจากที่มีลูกของตัวเองแล้ว บางส่วนจะมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายลูกโดยที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ นี่คือผลพวงมาจากการที่จิตใจไม่ได้ถูกเยียวยาจนหายดี

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเห็นเด็กผู้หญิงที่ตัวสั่นเทาคนนี้แล้วก็ยิ่งแน่วแน่ต่อแผนขจัดทุกข์ให้ประชาชนของตัวเอง ขณะเดียวกันเธอก็ได้ตัดสินใจจะเปลี่ยนวิธีรักษาเวยเวย โดยเริ่มจากทำให้ปลดล่อยอารมณ์ออกมาก่อน

 

 

อวี๋หมิงหลางพาฉิวฉิวที่หน้าตาปูดบวมกับอวี๋หลิวเหมยที่นวดแขนมาตลอดทางกลับมา

 

 

หลิวเหมยเปลี่ยนรองเท้าพลางบ่น “พี่หลาง พี่นี่ใจร้ายจริงๆ พี่กล้าทำร้ายผู้หญิงด้วย!”

 

 

“เธอเป็นผู้หญิงเหรอ? พอพี่เห็นเธอเล็งจะถีบมาตรงจุดที่ใช้สืบสกุลอารมณ์เล่นแบบลูกผู้ชายก็มาทันที!” อวี๋หมิงหลางเองก็บาดเจ็บเล็กน้อย แต่สภาพยังดีกว่าสองคนข้างตัว

 

 

ทั้งสามคนตีกันนัวอยู่ในสภาพสะบักสะบอม แต่ไฟโกรธที่อยู่ในใจได้ออกไปบ้างแล้ว

 

 

อวี๋หมิงหลางออมมือให้สองคนนี้ ไม่ได้ออกแรงอะไรมากมาย อารมณ์แบบช่วยซ้อมมวยให้ ทุกคนต่างมีอารมณ์โกรธอยู่ในใจ พอได้ระบายออกไปก็ไม่เป็นไรแล้ว

 

 

 

 

“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ เหมือนในใจฉันจะไม่ได้โกรธอะไรมากมายแล้ว พอคิดๆดูประธานเชี่ยนพูดถูก ถ้าฉันบุ่มบ่ามไปที่นั่นก็เท่ากับไปเป็นหลักฐานให้ไอ้เดรัจฉานนั่นแว้งกลับไม่ใช่เหรอ?” หลังจากที่ได้ออกแรงฉิวฉิวก็โล่งขึ้นเยอะ

 

 

เขาชกไปที่อกอวี๋หมิงหลางเล่นๆ “ขอบคุณนะพี่ชาย!”

 

 

“เดี๋ยวดื่มกันหน่อย วันนี้ฉันไม่ต้องกลับหน่วย”

 

 

“ได้เลย ให้ประธานเชี่ยนทำกับแกล้มสักสองอย่าง พวกเรามาดื่มกัน” มิตรภาพของผู้ชายนั้นมาจากการได้ออกแรงสู้กัน หลังจากที่ฉิวฉิวถูกอวี๋หมิงหลางซัดไปหนึ่งยกก็พบว่าอวี๋หมิงหลางเป็นคนน่าคบหา

 

 

“อย่าเลย เขาทำกับข้าวไม่เป็นให้เผาครัวยังง่ายกว่า ไปเถอะลูกเชี่ยน พาเวยเวยไปกินข้าวกัน!” อวี๋หมิงหลางเห็นเสี่ยวเชี่ยนยังไม่ออกมาจึงตะโกนเรียก

 

 

ภายในห้องไม่มีคนอยู่ ขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนไปไหน ทันใดนั้นประตูห้องฝั่งตรงข้ามก็เปิดออก

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเดินออกมาจากห้องเย่เสียวอวี่ ในมือถือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ปากทำท่าบอกให้เงียบ

 

 

ทำอะไรน่ะ?

 

 

พวกอวี๋หมิงหลางสามคนเดินไป เสี่ยวเชี่ยนพูดเสียงเบา “พวกนายกลับเข้าบ้านไป อย่าส่งเสียง ห้ามขัดจังหวะการรักษาของฉันด้วย”

 

 

รักษา? อวี๋หลิวเหมยเดินไปที่กระบะทรายที่อยู่ในห้องรับแขกโดยอัตโนมัติ กระบะทรายก็ยังอยู่นี่นา

 

 

“พี่สะใภ้ ไม่พาเวยเวยเล่นทรายแล้วเหรอ?”

 

 

“ตอนนี้วิธีนั้นใช้ไม่ได้ผลแล้ว ตอนนี้ลองใช้เทคนิคเก้าอี้ว่างเปล่า”

 

 

“เก้าอี้ว่างเปล่า?” มันคืออะไร?

 

 

“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้พวกนายมีอะไรทำก็ไปทำ อย่ารบกวนฉัน เดี๋ยวถ้าได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามมาดูทั้งนั้น”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่มีเวลาอธิบาย เธอส่งสัญญาณให้อวี๋หมิงหลางพาทุกคนกลับเข้าบ้าน จากนั้นก็ปิดประตูแล้วทำการรักษาต่อ

 

 

อวี๋หมิงหลางแทบจะฟังทุกคำสั่งของเสี่ยวเชี่ยน เมียบอกว่ารักษางั้นก็รักษา พอเข้าบ้านขณะที่กำลังจะชวนอวี๋หลิวเหมยกับฉิวฉิวเล่นไพ่ ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ถูกกระบะทรายในห้องรับแขกดึงดูด

 

 

เซ้นส์และความจำของอวี๋หมิงหลางดีกว่าคนทั่วไปมาก สิ่งไหนที่เคยผ่านตาเขา เขาก็จะจำได้ เขาจำได้ว่าตอนพาพวกฉิวฉิวออกไปกระบะทรายยังว่างอยู่เลย

 

 

ของพวกนี้ถูกจับวางตอนที่เขาอยู่ข้างล่าง

 

 

อวี๋หมิงหลางเดินไปยังห้องที่เวยเวยกับหลิวเหมยใช้ร่วมกัน เขายื่นมือไปลูบผ้าห่ม ในนั้นยังอุ่นๆอยู่

 

 

นั่นก็หมายความว่าเวยเวยเพิ่งตื่นได้ไม่นาน แสดงว่าของที่อยู่ในกระบะทรายที่ดูต้องใช้เวลาทำนานเป็นฝีมือของลูกเชี่ยน

 

 

นี่เป็นการกระทำที่ส่งมาจากจิตใต้สำนึก สัญชาตญาณบอกเขาว่า กระบะทรายนี้แฝงไว้ซึ่งความลับของลูกเชี่ยน