ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 3

ก่อนที่หยวนซื่อจะแต่งงานกับมหาเสนาบดีเซี่ย นางเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียง และมีความรู้จากการอ่านหนังสือมามากมาย แม้ไม่ถึงกับมีความรู้มากมายจนล้นฟ้า แต่นางก็เป็นหญิงสาวที่มีจิตใจงดงาม

นางมองไปยังใบหน้าของจื่ออัน ในใจทุกข์ทรมานมาก นางรู้ว่าลูกสาวของตนเองได้ตายไปแล้ว

แค้นครั้งนี้ที่ฆ่าลูกสาวนาง จะไม่ชำระได้อย่างไร?

วันที่สิบแปดเดือนห้า เซี่ยจื่ออันลูกสาวของมหาเสนาบดีเซี่ยได้แต่งงานกับท่านอ๋องเหลียง มู่หรงซิน งานแต่งใหญ่โตโอ่อ่าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ฟ้ายังไม่สว่าง จื่ออันก็ถูกปลุกขึ้นมาจากเตียง แต่งหน้าแต่งตัวทรงเครื่องพระราชทานสวยสดงดงามอย่างสง่า

ฺฮูหยินหลิงหลง และเซี่ยหว่านเอ๋อถึงกับเข้ามาดูด้วยตนเอง ตอนทีฺ่ฮูหยินหลิงหลงกำลังส่งจื่ออันออกนอกประตูไป ก็พูดเสียงต่ำว่า “ทางที่ดีที่สุดวันนี้เจ้าก็ทำตัวดี ๆ ขึ้นเกี้ยวไป มิเช่นนั้น เจ้าได้เจอดีแน่”

เซี่ยหว่านเอ๋อก็ก้าวขึ้นมา พร้อมพูดเยาะเย้ย “แม้เจ้าจะเป็นลูกสาวคนโตแล้วยังไงล่ะ? ยังไงก็ต้องแต่งกับคนพิการไม่ต่างกัน? ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเหลียงทั้งโหดร้ายและไร้ความปราณี ชอบทุบตีนางสนมเป็นพิเศษ ตำแหน่งชายาของเจ้านี้ ไม่รู้ว่าจะอยู่พ้นหนึ่งปีรึเปล่า? หากเจ้าตาย ก็น่าเสียดายจริง ๆ ที่คราวหลังจะไม่มีคนให้ข้าแกล้งแล้ว”

พูดจบก็ยิ้มพอใจอย่างเย่อหยิ่ง

ผ้าคลุมสีแดงคลุมลงมาจนถึงตาของจื่ออัน บดบังความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ไม่ประสงค์ดีไว้

ตามประเพณีแล้ว ตอนที่จื่ออันจะออกจากประตูไปต้องอำลาผู้อาวุโสในบ้าน และท่านย่าก่อน

ในวังส่งนางข้าหลวงมาพาจื่ออันขึ้นเกี้ยว และอยู่ดำเนินพิธีการจนเสร็จสิ้นพร้อมกับจื่ออัน

ฮูหยินผู้เฒ่าพยายามอย่างหนักที่จะพูดด้วยความรักว่า “ต่อไปเจ้าแต่งงานเข้าวังไปแล้ว อย่าได้ทำตัวซุกซนเหมือนก่อนแต่งงาน ในฐานะชายา ต้องระวังทุกคำพูดและกิริยาท่าทาง สง่าผ่าเผย มีน้ำใจ และอย่าเป็นเหมือนเช่นแม่เจ้าเด็ดขาด ทั้งวันเอาแต่อิจฉาหึงหวง และรู้จักสร้างแต่ปัญหา”

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ปล่อยโอกาสที่จะใส่ร้ายหยวนซื่อ แม้แต่ต่อหน้านางข้าหลวงในวังเยี่ยงนี้ เนื่องจากก่อนที่หยวนซื่อจะแต่งงานเข้ามาในสำนัก ด้วยชื่อเสียงนางที่โด่งดังจนเกินไป บวกกับพอเข้าสำนักมานางไม่มีลูกชายให้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงอยากปลดนางออกมานานแล้ว

จื่ออันกำหมัดเงียบ ๆ “หลานจะทำตามคำสั่งสอนของท่านย่าอย่างเคร่งครัด”

เธอยังคงทนรออย่างอืดอัดใจ รอการระเบิดที่จะมาถึงในอีกไม่นานอย่างใจเย็น…

เกี้ยวสีแดงอันใหญ่ประดับด้วยผ้าไหมอันล้ำค่ากำลังรออยู่หน้าประตูสำนัก สะพานโค้งประดับด้วยหินมรกต แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าสาวมีฐานะที่ร่ำรวย กองเกียรติยศยืนอยู่สองข้างทาง เสียงขลุ่ยงานมงคลดังขึ้น ประทัดแถวยาว ถูกจุดทีละเส้นทีละเส้น จนถนนทั้งสายเป็นเต็มไปด้วยเศษขยะสีแดง

ฝ่ายเจ้าบ่าวท่านอ๋องเหลียงมู่หรงซินอยู่ในชุดเจ้าบ่าวนั่งบนหลังม้าขาวอย่างสง่างาม มือจับบังเหียนไว้ และมองแม่สื่อแบกเจ้าสาวเซี่ยจื่ออันด้วยสายตาที่เย่อหยิ่งออกไป

ขณะที่อยู่บนหลังม้าขาว ท่าทางของเขาน่าเกรงขาม และไม่เห็นอาการบาดเจ็บของขาที่พิการเลย ถ้าไม่รู้มาก่อนหน้านี้ เธอยังคิดอยู่เลยว่าเขาเป็นเพียงชายหนุ่มรูปงามที่มีชีวิตร่ำรวย ไม่ได้พิการแต่อย่างใด

องค์รัชทายาทมู่หรงเฉียวก็มาด้วยเช่นกัน เพื่อแสดงความยินดีกับพี่ชายของตน เขารู้สึกมีความสุขจริง ๆ ที่เซี่ยจื่ออันแต่งงานกับพี่ชายที่ไร้ค่าคนนั้น เพื่อที่ตนเองจะได้แต่งงานกับเซี่ยหว่านเอ๋ออย่างมีความสุข แค่ได้รับการสนับสนุนจากมหาเสนาบดี ก็เหมือนได้โลกทั้งใบมาอยู่ในมือ

ทั่วทุกสารทิศเต็มไปด้วยผู้คนและทหารล้อมเอาไว้จนเสียงดังวุ่นวายไปหมด วันนี้เป็นวันที่โอรสของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันซึ่งก็คือท่านอ๋องเหลียง อภิเษกสมรสกับลูกสาวของมหาเสนาบดีเซี่ย นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น

ขณะที่กำลังจะขึ้นไปบนเกี้ยว เจ้าสาวกลับกระโดดลงมาจากหลังของแม่สื่อทันที และฉีกผ้าคลุมหัวสีแดงทิ้ง จากนั้นโยนมันลงพื้น และป่าวประกาศอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่แต่ง!”

เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารและผู้คนที่มาห้อมล้อมต่างตกใจ คุณหนูลูกมหาเสนาบดีบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ตอนนี้เกี้ยวก็มาถึงประตูแล้ว ยังจะมาเล่นแง่บอกไม่แต่งอะไรอีก?

ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นความโกรธบนใบหน้าของท่านอ๋องเหลียงมู่หรงซิน ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นช้า ๆ อย่างชัดเจน

มหาเสนาบดีเซี่ยตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาฉายแววบึ้งตึง จากนั้นรีบก้าวเท้าเข้ามา หวังจะหยิบผ้าคลุมหัวสีแดงมาคลุมให้ แต่เซี่ยจื่ออันกลับถอยหลัง และมองเขาอย่างเยือกเย็น

“อย่าก่อเรื่องเลย วันนี้เป็นวันดีที่อ๋องเหลียงบุตรชายแท้ ๆ ขององค์จักรพรรดิ์จะได้แต่งงานกับบุตรสาวของมหาเสนาบดีเซี่ยเช่นเจ้าและท่านอ๋องเหลียง อย่าทำให้วุ่นวาย” สีหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ยเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเพราะสองสามวันนี้นางก็เชื่อฟังดี แต่กลับเก็บไว้เพื่อก่อเรื่องวันนี้ เขาประมาทเกินไปจริง ๆ

วันนี้เพื่อนร่วมงานอก็อยู่กันเต็มไปหมด ช่างขายหน้าจริง ๆ

จื่ออันแบกรอยแผลไว้ทั่วตัว เธอถอดเฟิ่งกวานมงกุฏแต่งงานออก แล้วเดินกะโผลกกะเผลกไปยืนข้างหน้าม้า คุกเข่าลงต่อหน้าท่านอ๋องเหลียง เชยคางขึ้นด้วยท่าทางดื้อดึง “ท่านอ๋องเหลียงเพคะ วันนี้หม่อมฉันไม่ได้มีเจตนาทำให้พระองค์เสียหน้า ที่หม่อมฉันต้องล้มงานอภิเษกก็เพราะไม่มีทางเลือก ท่านพ่อและองค์รัชทายาทใช้ไม้กระบองบังคับขู่เข็ญหม่อมฉัน และยังตั้งข้อหากุเรื่องว่าแม่ของหม่อมฉันคบชู้และจะปลดนางออก จึงบังคับให้หม่อมฉันอภิเษกกับพระองค์ เพื่อที่ว่าน้องสาวหม่อมฉัน เซี่ยหว่านเอ๋อจะได้แต่งงานเป็นสนมขององค์รัชทายาท หม่อมฉันไม่อยากให้พระองค์ถูกคนพวกนั้นใช้เป็นเครื่องมือ จึงออกมาประกาศล้มเลิกงานอภิเษกวันนี้เพคะ หม่อมฉันก็ยินดีรับโทษจากท่านอ๋องเหลียงและฮองเฮา ต่อให้ตายพันครั้งก็จะไม่ว่าอะไรเพคะ!”

ท่านอ๋องเหลียงเห็นตอนที่จื่ออันเดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา ความโกรธก็พุ่งขึ้นมา เขาเงยหน้าด้วยสายตาที่มืดมน จ้องไปยังมหาเสนาบดีเซี่ย และตอบอย่างเย็นชา “ ดีมาก ดีมาก นับว่าข้าได้เห็นวิธีการอุบายของท่านแล้วท่านมหาเสนาบดี”

มู่หรงเฉียวคิดไม่ถึงว่าเซี่ยจื่ออันจะปฏิเสธที่จะขึ้นเกี้ยวต่อหน้าเชื้อพระวงศ์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ พลเรือนประชาชีและเหล่าทหาร ซ้ำยังเอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานออกมาพูด เขาโกรธจนถึงขีดสุด ก้าวขึ้นมาถีบจื่ออันจนล้ม “นังแพศยา เจ้าพูดเรื่องไรสาระอะไรกัน?”

มหาเสนาบดีเซี่ยเองแสดงอาการเจ็บใจออกมาทางสีหน้า และกล่าวด้วยความโกรธว่า “นังปีศาจ ที่เจ้าได้แต่งงานกับท่านอ๋อง ก็เพราะเจ้าข้อร้องอ้อนวอนมาเอง ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ยอม เจ้าพยายามจะเป็นจะตายให้ได้เข้าไปเป็นสนมในวัง ที่เจ้าโต้เถียงร้อนรนอยู่ตอนนี้ ใครเป็นคนสอนเจ้ากันแน่!!! ใช่แม่ของเจ้าหรือเปล่าที่โหยหาอยากจะให้เจ้าแต่งงานกับองค์รัชทายาท เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้เป็นเป็นใหญ่เป็นโต! พ่อเคยบอกเจ้าแต่แรกแล้ว ว่าอย่าได้โลภเช่นนี้ การได้รับความโปรดปราณจากิท่านอ๋องเหลียง ก็เป็นบุญที่เจ้าสร้างสมมาสามชาติแล้ว!”

ผู้คนที่ได้ฟังดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองเซี่ยจื่ออันอย่างคลางแคลงใจ แม้ว่ามหาเสนาบดีเป็นคนไม่ซื่อตรงต่อคนเท่าไหร่ แต่ในฐานะพ่อคนหนึ่งก็ไม่น่าจะทำเรื่องที่ใช้กำลังบีบบังคับลูก เป็นไปได้ไหมที่จะมีเรื่องภายในที่ใครก็ไม่รู้จริง ๆ ?

คิด ๆ ดูว่าแม่ของเซี่ยจื่ออันนั้นก็เคยเป็นหญิงที่หวังสูงมาก่อน เป็นไปได้ไหมว่านางคิดที่อยากจะให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับองค์รัชทายาทเพื่อที่วันข้างหน้า นางจะได้ทะยานสู่ตำแหน่งอันสูงส่งต่อไป?

ฝ่ายหนึ่งก็เป็นสมาชิกตำแหน่งสูงสุดของยุคสมัยนี้ อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นหญิงสาวและหญิงแต่งงานแล้วที่เอาแต่เก็บตัว มองตามความเป็นจริง แน่นอนว่าคนต้องยอมเชื่อมหาเสนาบดีมากกว่า

จื่ออันเห็นผู้คนที่มองมาด้วยสายตาดูถูก แต่สีหน้าเธอก็ยังคงเดิม เธอหยิบใบหย่าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ใบหย่าใบนี้เป็นสิ่งที่ท่านพ่อทิ้งไว้เมื่อวาน ท่านพ่อพูดว่า หากข้ายอมขึ้นเกี้ยว ใบหย่าใบนี้ก็จะถูกทำลาย หากไม่ขึ้นก็จะเอาใบหย่านี้มาป่าวประกาศให้โลกรู้ และพิจารณาถึงความผิดแม่ข้า”

แค่ท่านอ๋องเหลียงยกมือขึ้น ก็มีคนก้าวมารับใบหย่าจากมือเธอไปส่งให้ท่านอ๋องเหลียงทันที

ท่านอ๋องเหลียงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยื่นมือออกไปและทิ้งใบหย่าลงบนพื้นอย่างง่ายดาย คนที่มุงอยู่ตาแหลม ก็รีบอ่านเนื้อหาในใบหย่าทันที

ทุกคนอยู่ในความตกใจ ตัวอักษรแต่ละตัวในใบหย่านี้ดูไร้หัวใจ สิ่งที่เซี่ยจื่ออันพูดมาทั้งหมดดูเหมือนจะจริง

สีหน้ามหาเสนาบดีเซี่ยเดี๋ยวดำเดี๋ยวขาว เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเซี่ยจื่ออันจะกล้าเอาใบหย่านี้ออกมาประกาศให้โลกรู้จริง ๆ ที่เมื่อวานทิ้งใบหย่านี้ไว้ ก็เพื่อที่ตนจะใช้กดดันนาง ทำให้นางเชื่อฟัง แต่วันนี้กลับกลายเป็นข้อผูกมัดเสียแล้ว

ใบหน้าของท่านอ๋องเหลียงมองเซื่ยจื่ออันอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าปฏิเสธที่จะขึ้นเกี้ยวและล้มงานอภิเษก เรื่องนี้ฮองเฮาจะเป็นจัดการ เจ้ารอไปก่อน”

พูดจบเขามององค์รัชทายาทมู่หรงเฉียวอย่างเฉยเมย กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ของมงคลจากเจ้าและมหาเสนาบดี ข้าได้รับและจะจำใส่ใจเอาไว้เสมอ!”

ทั้งมู่หรงเฉียว และมหาเสนาบดีต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

ตรงระเบียงฝั่งตรงข้ามสำนัก มีบุรุษสวมชุดคลุมจิ่นผาวสีดำยืนอยู่ มีใบหน้าเย็นชา คิ้วโก่งดั่งคันศร นัยน์ตาราวกับทะเลลึก เขาหันหน้ายืนรับลม ท่าทางสูงส่งน่าเกรงขาม กำลังมองพิจารณาทุกสิ่งอย่างตรงหน้า

“ท่านอ๋อง ท่านอยากลงไปช่วยท่านอ๋องเหลียงสักหน่อยรึไม่พะย่ะค่ะ ? น่าอับอายเช่นนี้ ข้าเกรงว่าตอนนี้ท่านอ๋องเหลียงคงใกล้จะเป็นบ้าตายแล้ว”ทหารองค์รักษ์สวมชุดสีดำกล่าว

บุรุษผู้นั้นส่ายหัวช้า ๆ มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น “มองดูคึกครื้นดี ไม่ใช่เรื่องใหญ่!”

คนที่กล้าต่อว่าองค์รัชทายาทมีอยู่ไม่กี่คน สาวน้อยคนนี้ช่างซื่อตรง แต่น่าเสียดายที่คนซื่อตรง มักจะตาอย่างอนาถเสมอ…