ตอนที่ 240

เสน่ห์คมดาบ

“ราชา นางเป็นคนของเจ้าเมืองว่าน” อสูรปีศาจข้างๆ ชายหนุ่มรูปงามกระซิบข้างหูของเขา 

 

 

ชายหนุ่มรูปงามมองตราดอกกุหลาบที่อยู่ใต้คอเสื้อของชีอ้าวชวางโดยไม่พูดอะไรและหันกลับมาเตรียมจะพาทุกคนออกไป เขาไม่ได้มองแมวตัวนั้นอย่างละเอียด และคิดว่าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงที่ผู้หญิงชื่นชอบเท่านั้น 

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่ก็จำตัวตนของชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาได้ จากนั้นไป๋ตี้ก็พูดด้วยเสียงต่ำ “นั่นคือฮามส์ คิดไม่ถึงเลยว่ากองกำลังอีกฝ่ายจะเป็นเขา” 

 

 

เฮยหยู่ยิ้มเยาะอย่างดูถูก เห็นได้ชัดเลยว่าคนๆ นี้เป็นศัตรูของพวกเขาทั้งคู่ 

 

 

พอฮามส์เห็นตรากุหลาบใต้คอเสื้อของชีอ้าวชวางเขาก็เข้าใจทันทีว่ามนุษย์คนนี้เป็นคนของว่านเฟิงหลิว ดังนั้นเขาจึงไม่สร้างปัญหา ถึงอย่างไรการประลองก็อยู่ในดินแดนของว่านเฟิงหลิว ฮามส์มีเพียงประกายเย็นชาในแววตาของเข้าเท่านั้น ว่านเฟิงหลิวเป็นคนหัวดื้อไม่สนใคร เขาคิดว่าตัวเองจะจัดการได้ทุกอย่างงั้นหรือ? หึ! หลังจากชนะจนได้เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่แล้ว คนแรกที่เขาจะจัดการก็คือว่านเฟิงหลิวนี่แหละ! ตอนนี้ก็ให้ว่านเฟิงหลิวได้ใช้เวลาของเขาไปก่อน 

 

 

ฮามส์ไม่อยากขัดแย้งกับว่านเฟิงหลิวในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลีลอร่าน้องสาวผู้เอาแต่ใจของเขาจะไม่อยาก ในสายตาของลีลอร่า พี่ชายของนางกลายเป็นบุคคลสำคัญในโลกอสูรปีศาจแล้วแ ละในไม่ช้าเขาจะต้องเป็นราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองตำแหน่งสูงสุดในโลกอสูรปีศาจ แค่มนุษย์คนเดียวจะสนใจอะไรล่ะ? ว่านเฟิงหลิวเป็นเพียงแค่เจ้าเมืองของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ถึงตอนนั้นเขาก็ต้องก้มหัวให้ ตอนนี้หากจะไปเอาตัวมนุษย์ของเขามาก็ยังถือเป็นการให้เกียรติเขาด้วยซ้ำ ต่อไปถ้าอยากได้อะไรก็ให้เขาส่งมาให้ก็จบแล้ว ดินแดนแห่งนี้ในอนาคตก็ต้องเป็นของพี่ชาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นของนางด้วย การที่จะเอาอะไรมาเป็นของนางก่อนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ลองคิดดู ว่านเฟิงหลิวก็คงไม่คิดจะต่อต้านพวกนางเพื่อมนุษย์คนเดียวหรอก อีกอย่าง สิ่งที่นางอยากได้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเจ้าแมวที่อยู่ในอ้อมแขนของมนุษย์ผู้นั้นต่างหาก ลีลอร่าผู้เอาแต่ใจไม่ยอมเดินตามฮามส์ไป แต่นางเดินตรงไปข้างหน้าแล้วชี้ไปที่ชีอ้าวชวางและตะคอกเสียงดัง “เจ้ามนุษย์ผู้ต่ำต้อย ข้าขอสั่งเจ้าให้เอาแมวตัวนั้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” 

 

 

พอฮามส์ได้ยิน เขาก็ขมวดคิ้วพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก แต่เขาก็ไม่ได้ตำหนิลีลอร่า ลีลอร่าเป็นที่รักของครอบครัวมาโดยตลอด และเขาก็รักนางมาก นั่นเป็นเหตุผลที่เด็กคนนี้มีนิสัยเอาแต่ใจและต้องได้สิ่งที่ต้องการอยู่เสมอ ไม่มีทางเลือกจริงๆ ดูเหมือนว่าคงจะต้องตอบสนองความต้องการของลีลอร่าก่อนแล้วค่อยส่งคำพูดไปให้ว่านเฟิงหลิวทีหลัง คนเจ้าเล่ห์อย่างว่านเฟิงหลิวไม่มีทางยอมมีปัญหากับเขาเพื่อมนุษย์คนเดียวหรอก ส่วนไป๋ตี้และเฮยหยู่ที่อยู่ข้างกายมนุษย์ผู้นั้นก็ยิ่งไม่มีทางทำเช่นนั้นเลย เพราะสองคนนั้นเฉยชามาก คิดถึงตรงนี้แล้ว ฮามส์ก็หยุดเดินแล้วกระซิบกับคนที่อยู่ข้างๆ “ไปสิ ไปช่วยลีลอร่าเอาแมวตัวนั้นมาแล้วรีบไปจากที่นี่กัน” 

 

 

แววตาของชีอ้าวชวางเยือกเย็นลง ดูเหมือนว่าที่โลกอสูรปีศาจเองก็มีผู้หญิงเอาแต่ใจเช่นเดียวกับที่โลกมนุษย์นะ 

 

 

ก่อนที่ชีอ้าวชวางจะพูดอะไร สีหน้าของเฮยหยู่ก็เปลี่ยนไปแล้ว จากนั้นเขาก็ตะโกนด้วยเสียงต่ำ “เจ้าพวกต่ำต้อย หากเจ้ากล้าก็พูดอีกครั้งสิ!” 

 

 

พอคำพูดของเฮยหยู่จบลงลีลอร่าก็ตะลึง ฮามส์เองก็ตะลึงไปเช่นกัน 

 

 

เฮยหยู่พูดแบบนี้กับลีลอร่าเพราะมนุษย์ผู้นั้นงั้นหรือ?! 

 

 

ไป๋ตี้เองก็พูดเสียงเบาแต่แฝงด้วยความเย็นชา “ขอโทษนะ แมวตัวนี้คงให้เจ้าไม่ได้หรอก” 

 

 

ลีลอร่าอ้าปากค้าง ในตอนแรกนางรู้สึกเหลือเชื่อ แต่หลังจากนั้นใบหน้าที่สวยงามก็แดงระเรื่อขึ้นมา นางชี้ไปที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่ ในขณะที่กำลังตัวสั่นจะอ้าปากก่นด่า เสียงทุ้มต่ำของฮามส์ก็ดังมาจากด้านหลังของนาง “ลีลอร่า กลับมา” 

 

 

ลีลอร่าหันไปมองฮามส์ ริมฝีปากของนางสั่นเล็กน้อยและในแววตาของนางก็มีความขุ่นมัวอยู่ นางไม่เคยถูกใครพูดจาเช่นนี้ใส่เลย ครอบครัวและพี่ชายดูแลนางอย่างดีมาตลอด อยากได้อะไรก็ได้ แต่ตอนนี้นางกลับมาถูกอสูรปีศาจที่ไม่รู้จักดุเช่นนี้ และที่น่าโมโหที่สุดก็คือพี่ชายที่ไม่รีบเข้ามาช่วยนาง แล้วยังเรียกให้นางไปหาเขาอีก! 

 

 

“ไป๋ตี้ เฮยหยู่ขอโทษที น้องสาวของข้านางยังเด็ก” ฮามส์เดินเข้าไปอย่างใจเย็นและพูดประโยคนั้นออกมา ทันใดนั้นดวงตาของลีลอร่าก็เบิกกว้างและหันไปมองไป๋ตี้และเฮยหยู่ทันที ชายสองคนนี้คือสองนักรบที่ทรงพลังที่สุดงั้นหรือ?! พวกเขาไม่ได้หายไปหลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่แล้วหรือ? ตอนนี้พวกเขามาปรากฏตัวที่นี่งั้นหรือ? 

 

 

“คนที่ควรขอโทษไม่ใช่เจ้า และคนที่ต้องได้รับคำขอโทษก็ไม่ใช่พวกเราด้วย” เฮยหยู่พูดอย่างไม่พอใจนัก 

 

 

ประกายเย็นชาปรากฏในแววตาของฮามส์ แต่ในใจเขาตะลึงมาก ไป๋ตี้และเฮยหยู่จะมีเรื่องกับเขาเพราะมนุษย์ผู้นี้งั้นหรือ? แถมยังมีท่าทีแน่วแน่เช่นนี้อีก ทั้งไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่มีทางที่จะไม่รู้ถึงพลังของเขาในตอนนี้ แต่ทำไมพวกเขายังคิดจะมีเรื่องกับเขาเพื่อสัตว์เลี้ยงของว่านเฟิงหลิวผู้นี้อีกล่ะ? 

 

 

ไป๋ตี้เงียบ ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของเขา 

 

 

ฮามส์ชั่งน้ำหนักมันในใจอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มันไม่เหมาะที่จะเผชิญหน้ากับว่านเฟิงหลิวพร้อมกับไป๋ตี้และเฮยหยู่ในเวลาเดียวกัน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามนุษย์ผู้นี้มีความสามารถอะไรที่จะทำให้ไป๋ตี้และเฮยหยู่ยอมมีเรื่องกับเขาเพื่อนางได้ แต่ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว การถอยหลังก้าวหนึ่งน่าจะดีกว่า 

 

 

“ลีลอร่า มานี่ มาขอโทษหญิงสาวผู้นี้ซะ” ฮามส์รู้ถึงความเอาแต่ใจและความหยิ่งผยองของลีลอร่า การให้นางขอโทษมนุษย์ที่ต่ำต้อยถือเป็นการดูถูกนางมากๆ เขาทำได้เพียงชดใช้ให้นางหลังจากจบเรื่องเท่านั้น ฮามส์ส่งสัญญาณให้ลีลอร่า จากนั้นลีลอร่าก็เรียกสติกลับมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธและอับอาย 

 

 

ล้อเล่นหรือ?! ขอโทษมนุษย์เนี่ยนะ? มนุษย์ต่ำต้อยที่เป็นเพียงของเล่นของเผ่าอสูรปีศาจน่ะหรือ ขณะที่ลีลอร่ากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ดวงตาของฮามส์ก็ดูแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าลีลอร่าจะหยิ่งยโส แต่นางก็เข้าใจถึงความสำคัญในสถานการณ์นี้ นางจึงหลับตาและหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นวิ่งไปตรงหน้าชีอ้าวชวางและรีบพูด “ข้าขอโทษ” หลังจากนั้นนางก็รีบวิ่งไปที่ชั้นสองของโรงแรมโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย 

 

 

ฮามส์มองไป๋ตี้และเฮยหยู่อย่างเย็นชาและพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าขอโทษสำหรับความมุทะลุของน้องสาวข้าอีกครั้ง” พูดเสร็จฮามส์ก็จากไปด้วยใบหน้าเย็นชา 

 

 

เฮยหยู่ส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความรังเกียจ ไป๋ตี้เหลือบมองแผ่นหลังของฮามส์ คนๆ นี้มีวิธีการเช่นนี้และความอดกลั้นเช่นนี้ได้…เขาอันตรายมาก 

 

 

ชีอ้าวชวางลูบแมวล่าสมบัติในอ้อมแขนของนางเบาๆ เรื่องพวกนี้จบลงโดยที่นางไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยตั้งแต่ต้นจนจบ พอเรื่องนั้นจบไปแล้วก็ต้องกลับไปที่หัวข้อที่คุยกันเมื่อกี้ ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและหลับตาลง 

 

 

เฮยหยู่จ้องไปที่ไป๋ตี้จากนั้นก็มองชีอ้าวชวางและพูด “อ้าวชวาง ไปกับข้าเถอะ” 

 

 

“นางจะไม่ไปกับใครทั้งนั้น” ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาถึงหูของพวกเขาทั้งสามคน 

 

 

ชีอ้าวชวางหันไปมองคนที่ปรากฏตัวข้างหลังด้วยความประหลาดใจ 

 

 

เขาคือคามิลล์! 

 

 

ใบหน้าของคามิลล์ยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาแต่งกายด้วยชุดสีขาวงดงาม ผมสีทองของเขายังคงสลวยและดวงตาสีฟ้าของเขาก็ยังคงลึกล้ำและมีเสน่ห์ เขามองชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มและพูด “คิดถึงข้าใช่หรือไม่ เสี่ยวอ้าวชวาง” 

 

 

“คิดถึงบ้าอะไรล่ะ ให้คิดถึงหัวท่านหรือไง!” ชีอ้าวชวางระงับความโกรธและความประหลาดใจที่คามิลล์ส่งนางมาที่โลกอสูรปีศาจ นางต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ แต่ผู้ที่เริ่มเรื่องนี้ขึ้นมากลับยังมีท่าทียิ้มแย้มเหมือนไม่ไยดี ส่วนไป๋ตี้และเฮยหยู่ต่างก็ขมวดคิ้ว ตัวของคามิลล์มีลมหายใจอสูรปีศาจออกมาอย่างเต็มที่เลย! ดูเหมือนว่าคามิลล์จะปลอมตัวเป็นอสูรปีศาจนะ 

 

 

“คิดถึงหัวข้าก็ดีสิ ข้าก็คิดมาตลอดเลยนะว่าหัวของข้าสมบูรณ์แบบที่สุดเลย” คามิลล์ไม่ได้หวั่นไหวกับท่าทีไม่พอใจของชีอ้าวชวางเลย แถมยังพูดกับชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มอีก 

 

 

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เฮยหยู่มองคามิลล์อย่างอันตราย ดูเหมือนว่าหากคำตอบของคามิลล์ไม่ถูกใจเขา เขาก็อาจจะลงมือทันที ทั้งไป๋ตี้และเฮยหยู่ขมวดคิ้วมองคามิลล์ ความระมัดระวังและความเป็นศัตรูในสายตาของพวกเขาไม่อาจปกปิดได้เลย ตัวตนของคามิลล์เป็นปริศนาในสายตาของพวกเขามาโดยตลอด แถมคราวนี้เขายังมาปรากฏตัวในโลกอสูรปีศาจอย่างกะทันหันอีก ยิ่งทำให้พวกเขาต้องระวังเรื่องความแข็งแกร่งของคามิลล์ 

 

 

“ดูเหมือนที่นี่จะไม่ใช่ที่สำหรับการพูดคุยนะ” คามิลล์ยิ้มและเลี่ยงคำถามของพวกเขา 

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่มองหน้ากันและพวกเงียบลง เพราะสถานที่ที่พวกเขาจะไปนั้นแตกต่างกัน และชีอ้าวชวางก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปกับใคร ดังนั้นทั้งคู่จึงไม่ได้ก้าวไปไหน 

 

 

หลังจากเห็นสิ่งนี้คามิลล์ก็เลิกคิ้วและยิ้มเบาๆ จากนั้นก็พูด “ข้าแนะนำให้พวกเจ้าเข้าร่วมการประลองครั้งนี้” 

 

 

รูม่านตาของไป๋ตี้และเฮยหยู่หรี่ลงและมองคามิลล์อย่างเย็นชา “เจ้ารู้อะไรมา?” 

 

 

“ในการประลองครั้งนี้ ไม่ว่าใครชนะก็จะกลายเป็นราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ของโลกอสูรปีศาจและนำโลกอสูรปีศาจเข้าร่วมในสงครามศักดิ์สิทธิ์ได้ ใช่หรือไม่?” คามิลล์เหลือบมองและถามพร้อมรอยยิ้ม 

 

 

ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่ได้พูดอะไร พวกเขายอมรับคำถามของคามิลล์ 

 

 

“เช่นนั้น ถ้าผู้ชนะครั้งนี้คือโลกภูตปีศาจหรือโลกเทพเจ้าล่ะ?” คามิลล์ยิ้มและถามไปเช่นนี้ 

 

 

“เป็นไปไม่ได้! พวกภูตปีศาจไม่มีทางเข้ามาในโลกอสูรปีศาจได้หรอก พวกเทพเจ้าก็ไม่ได้เช่นกัน พวกเขาไม่มีทางปลอมตัวเป็นอสูรปีศาจได้!” เฮยหยู่แย้งขึ้นมาทันที แต่แล้วการแสดงออกของเฮยหยู่และไป๋ตี้ก็เปลี่ยนไปทันที 

 

 

“ข้าเข้ามาได้แล้วทำไมคนอื่นถึงจะเข้ามาไม่ได้” คามิลล์พูดด้วยรอยยิ้มและเอาแมวล่าสมบัติจากชีอ้าวชวางมาอุ้มแล้วลูบที่หูมันเบาๆ 

 

 

การแสดงออกของไป๋ตี้และเฮยหยู่เปลี่ยนไปทันที พวกเขามองหน้ากันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา หากการประลองครั้งนี้มีพวกภูตปีศาจหรือเทพเจ้าเข้ามาปะปน ผลที่จะตามมาคือหายนะแน่นอน คนคนนั้นจะกลายเป็นราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่และนำโลกอสูรปีศาจเข้าร่วมในสงครามศักดิ์สิทธิ์ โลกอสูรปีศาจเป็นกุญแจสำคัญในผลลัพธ์ของสงครามศักดิ์สิทธิ์ และถือเป็นพลังที่ช่วยฝ่ายหนึ่งและกำจัดอีกฝ่ายหนึ่งได้เลย ถ้าหากไปช่วยโลกภูตปีศาจเอาชนะโลกเทพเจ้าล่ะก็… 

 

 

“นั่นคือเหตุผลที่ท่านส่งข้ามาที่โลกอสูรปีศาจงั้นหรือ?” ทันใดนั้นเสียงอันเยือกเย็นของชีอ้าวชวางก็พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา 

 

 

“การเป็นราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกอสูรปีศาจไม่ดูสนุกดีหรอกหรือ?” คามิลล์มองชีอ้าวชวางและมีรอยยิ้มจากหางตาของเขา 

 

 

“เรื่องตลกเรื่องนี้ของท่านไม่ตลกเลยสักนิด” เสียงของชีอ้าวชวางเย็นชายิ่งขึ้น