สายตาของไป๋ตี้และเฮยหยู่ก็เย็นชาเช่นกัน
“ก็ได้ ข้าแค่ล้อเล่น แน่นอนว่าถ้าไป๋ตี้หรือเฮยหยู่ได้เป็นราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่เลวนะ พวกเราจะเป็นผู้ชมที่ดี” คามิลล์ยิ้มอย่างอ่อนโยน “อ้าวชวาง ข้าจองห้องข้างบนไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าจะไม่ไปกับข้าหรือ?”
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว นางรู้สึกไม่สบายใจมาก!
การแสดงออกของไป๋ตี้และเฮยหยู่ก็นิ่งลงเช่นกัน เฮยหยู่นิ่งและพูดอย่างเคร่งขรึม “อ้าวชวาง ผู้ชายคนนี้อันตรายมาก อย่าไปกับเขาเลย”
“พวกเจ้าน่ะรีบไปที่ที่พวกเจ้าควรไปได้แล้ว” คามิลล์ลูบแมวล่าสมบัติที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา ยังไม่ทันที่ชีอ้าวชวางจะพูดอะไรเขาก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน “เจ้าไม่อยากเจอเฟิงอี้เซวียนหรือ? เจ้าไม่อยากเจอเหลิ่งหลิงยวิ๋นหรือ?”
สีหน้าของชีอ้าวชวางเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่เข้าใจว่าที่คามิลล์พูดในตอนนี้หมายถึงอะไร
คามิลล์มองชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มและโน้มตัวไปใกล้หูของนางพร้อมกับกระซิบด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าจู่ๆ เหลิ่งหลิงยวิ๋นหายตัวไปไหน ที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นไปโดยไม่บอกลา ก็เพราะว่าเขาทำเพื่อช่วยชีวิตเจ้านะ เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่อยู่ที่ติ่งหูของเจ้าคืออะไร? เจ้าไม่อยากเจอเฟิงอี้เซวียนอีกหรือ? เฟิงอี้เซวียนก็กำลังทุกข์ทรมานเพื่อเจ้าเลยนะ”
รูม่านตาของชีอ้าวชวางหรี่ลงทันที นางหันไปมองคามิลล์ด้วยความงุนงง แต่คามิลล์ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนไม่มีอะไร
“ท่านต้องการจะทำอะไรกันแน่?” ชีอ้าวชวางเหมือนจะกัดฟันถามแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะไปกับข้าหรือไปกับหนึ่งในสองคนนี้แล้วไปมีส่วนร่วมในการแย่งชิงที่ซับซ้อนล่ะ?”คามิลล์ยิ้ม
ชีอ้าวชวางหลุบตาลงและพูดออกมา “ไปสิ”
คามิลล์อุ้มแมวล่าสมบัติแล้วพูดกับไป๋ตี้และเฮยหยู่ด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงแล้วอ้าวชวางจะปลอดภัยที่สุดหากอยู่กับข้า ข้าจะรอคอยวันที่พวกเจ้าหรือกองกำลังที่พวกเจ้าช่วยเหลือได้เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่แล้วพวกเจ้าค่อยมารับนางนะ เหอะๆ…” คามิลล์อุ้มแมวล่าสมบัติและเดินนำไปข้างหน้า
ชีอ้าวชวางมองไป๋ตี้และเฮยหยู่อย่างซับซ้อน ไม่ได้พูดอะไรและเดินตามหลังคามิลล์ไป
ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่ได้เอ่ยปากรั้งนางไว้ เพราะทั้งคู่คิดเหมือนกันว่าในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ อ้าวชวางอยู่กับคามิลล์จะปลอดภัยที่สุด แม้ว่าตัวตนของคามิลล์จะเป็นที่น่าสงสัยมาโดยตลอด แต่เขาจะไม่มีทางทำร้ายอ้าวชวาง อย่างน้อยก็ไม่ทำในตอนนี้…
คามิลล์และชีอ้าวชวางเดินขึ้นบันไดไปจนพ้นสายตาของไป๋ตี้และเฮยหยู่ เฮยหยู่ส่งเสียงเย็นชาใส่ไป๋ตี้แล้วรีบขึ้นไปชั้นบน ไป๋ตี้ก็ถอนหายใจแล้วเดินไปที่บันไดช้าๆ
คามิลล์พาชีอ้าวชวางเข้าไปในห้องที่ชั้นสอง หลังจากที่เขาสั่งให้บริกรออกไปและปิดประตูเรียบร้อย คามิลล์ก็คืนแมวล่าสมบัติให้กับชีอ้าวชวาง และเขาก็เดินไปด้านข้าง รินชาและส่งให้ชีอ้าวชวางอย่างสง่างาม
“ท่านรู้หรือว่าทำไมเหลิ่งหลิงยวิ๋นจึงจากไปโดยไม่บอกลา? ท่านรู้หรือว่าตอนนี้เฟิงอี้เซวียนอยู่ที่ไหน บอกข้ามา!” ชีอ้าวชวางไม่ได้ยื่นมือไปรับถ้วยชาจากมือของคามิลล์ แต่นางจ้องคามิลล์และถามอย่างเร่งรีบ
คามิลล์ยิ้มและวางถ้วยน้ำชาไว้บนโต๊ะตรงหน้าชีอ้าวชวาง จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างๆ ชีอ้าวชวางแล้วพูดประโยคหนึ่งออกมาอย่างช้าๆ “พวกเขาสองคนจะเข้าร่วมการประลองใหญ่ในครั้งนี้ แต่เจ้าจะจำพวกเขาได้หรือไม่ข้าก็ไม่รู้นะ”
มือของชีอ้าวชวางกระชับแน่นขึ้นจนกระทั่งแมวล่าสมบัติใช้อุ้งเท้าของมันสะกิดที่แขนของชีอ้าวชวาง นางจึงเรียกสติกลับคืนมาได้และค้นพบว่าตัวนางเหม่อลอยไป
“หมายความว่าอะไร? นี่ก็คือสิ่งที่ท่านทำอยู่เบื้องหลังงั้นหรือ?” ชีอ้าวชวางมองคามิลล์ด้วยสายตาที่ไม่ดีเอามากๆ เลย และน้ำเสียงของนางก็เย็นชามากยิ่งขึ้นด้วย
“เสี่ยวอ้าวชวางของข้า เจ้าคิดกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ?” น้ำเสียงของคามิลล์ดูเสียใจมาก แต่ไม่มีการแสดงออกใดๆ บนใบหน้าของเขาเลย เขายังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนอยู่
ชีอ้าวชวางส่งเสียงอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร
“เจ้าน่าจะรู้ว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่ใช่มนุษย์” คามิลล์ลุกขึ้นยืนรินชาให้ตัวเองและพูดช้าๆ
ชีอ้าวชวางตะลึง นางมองแผ่นหลังของคามิลล์โดยที่พูดอะไรไม่ออก
“เฟิงอี้เซวียนก็ไม่ใช่มนุษย์เช่นกัน” คามิลล์หันกลับมายิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดสิ่งที่ทำให้จิตใจของชีอ้าวชวางว่างเปล่า
“ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นยังคิดว่าเฟิงอี้เซวียนเป็นมนุษย์ธรรมดา เขาเลยยอมถอยไปก่อนเพราะว่าเขาอยากจะให้เฟิงอี้เซวียนเป็นผู้มอบความสุขให้เจ้า” คามิลล์มองชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มที่งดงาม
ชีอ้าวชวางรู้สึกเพียงว่าสมองของนางว่างเปล่าและความคิดก็หยุดลง เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่ใช่มนุษย์? เฟิงอี้เซวียนก็ไม่ใช่เหมือนกัน?!
ดูเหมือนว่าคามิลล์จะกระตุ้นชีอ้าวชวางไม่มากพอ เขาวางถ้วยน้ำชาลงและพูดพร้อมรอยยิ้ม “และต่างหูที่หูของเจ้า นั่นคือสิ่งที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นมอบให้เจ้า มันคือดวงตาข้างหนึ่งของเขา”
เหมือนมีอะไรบางอย่างระเบิดอยู่ในใจของชีอ้าวชวางตอนนี้
ดวงตา ต่างหูคริสตัลสีม่วงนี้คือดวงตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋น?! มันคือดวงตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋น!
ในขณะนี้ จู่ๆ ประตูก็เปิดออก
ใบหน้าเย้ยหยันของลีลอร่าปรากฏที่หน้าประตู ดวงตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ลีลอร่าไม่ได้สนใจคามิลล์เลย สายตาของนางจับจ้องไปที่ชีอ้าวชวางเท่านั้น นางยิ้มเย็นชาและสะบัดมือเบาๆ แล้วห้องทั้งห้องถูกปิดด้วยเขตกั้นแยกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง นางรู้ว่าในขณะนี้ไป๋ตี้และเฮยหยู่ต่างก็แยกกันไปพบกับคู่แข่งของพี่ชายนางแล้ว พวกเขาก็วางเขตกั้นไว้เช่นกัน ไม่มีเวลามาดูแลทางนี้หรอก ดังนั้นนางจึงจะใช้โอกาสนี้ในการแย่งชิงแมวที่น่ารัก และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนางจะสั่งสอนบทเรียนบางอย่างให้กับมนุษย์ที่ต่ำต้อยผู้นี้ นางรู้ขอบเขตดี อย่างน้อยๆ ก็ไม่ถึงขั้นเอาชีวิตหรอก
ลีลอร่าแค่นเสียงเย็นชาและค่อยๆ เดินไปหาชีอ้าวชวาง นางต้องยอมรับว่ารูปร่างหน้าตาของชีอ้าวชวางนั้นดีมาก จัดได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ดูดีสุดๆ เลยก็ว่าได้ ไม่แปลกที่ว่านเฟิงหลิวจะชอบนาง
“มนุษย์ต่ำต้อย…” ลีลอร่ายังพูดไม่ทันจบกลับโดนพลังที่น่ากลัวปะทะเข้ามาอย่างกะทันหัน รูม่านตาของนางก็หรี่ลงและพยายามยกมือขึ้นเพื่อสกัดกั้นกำลังนี้ แต่กลับพบว่านางไม่มีแรงต่อต้านเลย ลีลอร่าส่งเสียงไม่พอใจและกระแทกประตู แต่แทนที่จะกระแทกประตูให้เปิดออก นางกลับกระแทกเข้ากับเขตกั้นที่นางเป็นคนวางไว้
เกิดเสียง ขวับ ดังขึ้น จากนั้นหน้าอกของลีลอร่าก็สะเทือนแล้วนางก็กระอักเลือดออกมา อวัยวะภายในถูกกระแทกไปหมด
ชีอ้าวชวางอุ้มแมวล่าสมบัติไว้ในอ้อมแขนและมองลีลอร่าที่น่าอายอย่างเย็นชา ทันใดนั้นรอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าและพูดเบาๆ “เจ้าต้องจำไว้นะว่าไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่เจ้าจะยั่วยุได้ เมื่อกี้อยู่ข้างนอกมันลงมือไม่สะดวก คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาถึงที่”
ดวงตาของลีลอร่าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ มนุษย์ที่อยู่ตรงหน้านี้โจมตีนางจนได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? มนุษย์ผู้นี้มีพลังที่เหนือกว่านางหรือ? พอเห็นรอยยิ้มที่สดใสของชีอ้าวชวาง ลีลอร่าก็ใจสั่น ไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ความรู้สึกหนาวสั่นในหัวใจของนางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็ขยายตัวออกไปจนแทบจะเป็นทั้งตัวของนางแล้ว ทำไมถึงรู้สึกได้ว่ามนุษย์ที่อยู่ตรงหน้านี้อันตรายมากเลยนะ?
“คุณหนูคนสวย เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” คามิลล์ที่อยู่ด้านข้างค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนและสง่างามบนใบหน้า เขายื่นมือออกไปเพื่อพยุงลีลอร่าและถามเบาๆ
ลีลอร่าตะลึงและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคามิลล์ ดวงตาสีฟ้าบนใบหน้าหล่อเหลานี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนจนแทบจะละลายไปเลย ตอนนี้ลีลอร่าพูดอะไรออกมาไม่ได้เลย นางได้แต่จ้องมองใบหน้าที่มีเสน่ห์ตรงหน้าอย่างว่างเปล่า
“คุณหนูคนสวย” รอยยิ้มที่อ่อนโยนของคามิลล์ทำให้หัวใจของลีลอร่าอบอุ่นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ และน้ำเสียงที่อ่อนโยนก็ทำให้ลีลอร่าสูญเสียความรู้สึกนึกคิดไป
“หือ?” ลีลอร่าเรียกสติคืนมาแล้วก็มองคามิลล์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วตอบช้าๆ “ข้าไม่เป็นไร”
“เช่นนั้นก็ดีเลย” คามิลล์ยิ้มเล็กน้อยและชักมือกลับมา เขามองลีลอร่าแล้วพูดเบาๆ “คุณหนูคนสวย เพื่อนของข้าอารมณ์ไม่ดีนัก ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ถือสานะ”
ตอนนี้ลีลอร่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น มีเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาของคามิลล์และรอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของนาง นางรีบพยักหน้าแต่ไม่รู้เลยว่าคามิลล์กำลังพูดถึงอะไร
“แมวตัวนั้นเพื่อนของข้าห่วงใยมันมาก ดังนั้นคุณหนูอย่าบังคับให้คนอื่นต้องทำอะไรที่ลำบากใจเลยได้หรือไม่ครับ?” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของคามิลล์พูดเบาๆ ดูมีเสน่ห์
“อืม ได้” ลีลอร่าพยักหน้าอย่างหลงใหลและจ้องมองใบหน้าของคามิลล์โดยไม่คลาดสายตา
“ถ้าอย่างนั้น คุณหนูครับ ประตูอยู่ทางนั้น” รอยยิ้มอันอ่อนโยนบนใบหน้าของคามิลล์ทำให้ลีลอร่าใจสั่น
“อืม” ลีลอร่าเดินไปที่ประตูอย่างเชื่อฟังและเดินออกจากประตูไปพร้อมกับหันกลับมามองคามิลล์แล้วกระซิบ “ข้าขอทราบชื่อของท่านได้หรือไม่? เราจะได้พบกันอีกหรือไม่?”
มุมปากของชีอ้าวชวางกระตุก สิ่งนี้คืออะไร? นางรู้ถึงเจตนาของคามิลล์ เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นการฉลาดที่จะมีปัญหาขัดแย้งกับผู้หญิงคนนี้ในโลกอสูรปีศาจ เพราะนี่คือโลกอสูรปีศาจ หากมีเผ่าอสูรปีศาจได้รับบาดเจ็บจากมนุษย์จะได้หรือ? จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปล่ะ? เดี๋ยวคามิลล์ก็จะบอกชื่อกับนางไปอย่างอ่อนโยนและคงพูดประมาณว่าจะได้พบกันอีกใช่หรือไม่? จากนั้นปัญหานี้ก็จะจบลงเช่นนี้สินะ?
ชีอ้าวชวางคิดไว้เช่นนี้แต่สีหน้าของคามิลล์กลับเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาสีฟ้ากลายเป็นเย็นชาในทันที และความรุนแรงที่มองไม่เห็นก็ปรากฏในดวงตาของเขา คามิลล์เดินไปหาลีลอร่าเงียบๆ และยื่นมือไปบีบคอของลีลอร่าทันที
ดวงตาของลีลอร่าเบิกกว้าง นางรู้สึกถึงมือเย็นเฉียบที่คอของนางและความกลัวก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายในพริบตา ใบหน้าเย็นชาของคามิลล์ถูกบันทึกในดวงตาของนาง นางไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่อ่อนโยนเมื่อครู่นี้ถึงได้เย็นชาและน่ากลัวมากในตอนนี้
ชีอ้าวชวางก็ตะลึงเช่นกัน นางไม่เข้าใจว่าทำไมท่าทีของคามิลล์จึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เมื่อครู่เขายังยิ้มอ่อนโยนน่ารักอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนผีกระหายเลือดไปแล้ว