ตอนที่ 220 : น้ำท่วมเหว

อสูรกายยักษ์โบราณนี่ไม่ต่างจากเครื่องจักรสังหาร มันแทบไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนที่มันจัดการไม่ได้

สกิลฉีกและสกิลทำลายของมันทำให้มันมีพลังโจมตีโดยไม่ต้องสนใจการป้องกันอะไรเลย เมื่อรวมกับขนาดตัวที่ใหญ่ของมันแล้ว มันก็เท่ากับสัตว์ประหลาดเดินได้

มังกรเกยตื้นแม้แต่กุ้งก็กล้าหยอกล้อ พยัคฆ์บนที่ราบก็ยังโดนสุนัขรังแก

อสูรกายยักษ์โบราณโดนขังไว้ในเหวที่ลึกกว่าหมื่นเมตรโดยมีกำแพงหินทั้งสองข้างก่อตัวเป็นคุกของมัน

ไม่ว่ามันจะมีความสามารถในการปีนดีแค่ไหนแต่ด้วยขนาดตัวของมันก็ทำให้มันไม่อาจจะขึ้นไปได้

ดังนั้นเดาได้ว่าทั้งชีวิตมันต้องตายอยู่ที่นี่

หวังเย่าขุดอุโมงค์หนีมาจนพบกับแม่น้ำใต้ดิน เมื่อฟังจากเสียงน้ำแล้วก็รู้ว่าแม่น้ำนี่มีขนาดใหญ่

“ ฉันไม่รู้ว่ามันจะจมน้ำตายรึเปล่า แต่ถ้าตายเพราะแบบนี้จริง ๆ ก็คงน่าสมเพช ”

หวังเย่าคำนวณว่าเขาขุดดินลงไป 500 เมตรจากนั้นก็ขุดในแนวราบอีก 20 ไมล์โดยที่ระหว่างนั้นความชันไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก จากนั้นเขาก็ขุดขึ้นไปอีก 1,100 เมตร ดังนั้นความสูงของแม่น้ำนี่น่าสูงกว่าก้นเหวประมาณ 600 เมตร

ในอีกความหมายคือหากหวังเย่าเชื่อมต่ออุโมงค์ที่เขาขุดกับแม่น้ำแล้ว น้ำในแม่น้ำจะไหลเข้าไปในเหวซึ่งจะทำให้ระดับน้ำของเหวสูงขึ้นมา 600 เมตร

ด้วยความยาวของอสูรกายยักษ์โบราณที่ยาวแค่ 100 เมตร แม้ว่าจะมีหินสูงพอให้มันยืนแต่ก็ไม่น่าจะขึ้นมาเกินความลึกของน้ำได้ ดังนั้นมันก็น่าจะจมน้ำ

“ฉันจะฆ่ามันดีรึเปล่า ? ” หวังเย่าลังเลขึ้นมา หลัก ๆ แล้วเขากังวลว่าเขาจะได้สมบัติจากมันรึไม่

ถ้าไม่นับลูกแก้ววิญญาณพลังงานและลูกแก้ววิญญาณชีวิต แค่กรงเล็บและวัตถุดิบอื่น ๆ ของมันรวมกับการที่มันสามารถมีชีวิตยืนยาวนั้น มันจะต้องปิดบังความลับบางอย่างเอาไว้ หากนำชิ้นส่วนของมันกลับไปวิจัยได้ บางทีอาจจะได้ผลลัพธ์บางอย่างกลับมา

ที่สำคัญที่สุดคือระดับสูงสุดของสัตว์อสูรที่มนุษย์ล่าได้ในตอนนี้ก็อยู่แค่ระดับสวรรค์ สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์แม้จะโดนล่าอยู่บ้าง แต่ก็มีไม่มากนัก

ดังนั้นหากหวังเย่าฆ่าอสูรกายยักษ์โบราณได้ด้วยตัวคนเดียว งั้นชื่อเสียงของเขาก็จะโด่งดังขึ้นไปอีก

แม้ว่าหวังเย่าจะโด่งดังอยู่แล้วจนถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งที่น่าทึ่ง แต่เขาก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ เขายังไม่อาจจะเข้าไปในแวดวงชั้นสูงได้ เขายังอยู่ในกำมือของคนอื่นอยู่

เขารู้สึกว่ามนุษย์นั้นต้องเตรียมรับมือกับสิ่งเลวร้ายที่สุดเอาไว้

หากมีหายนะเกิดขึ้นจริง ๆ งั้นมิติดวงจันทร์แห่งนี้ก็จะยกระดับมนุษย์ขึ้นมาได้อย่างมาก และอาจจะช่วยในการวางกลยุทธ์ครั้งสำคัญของมนุษย์ได้

อนาคตนั้นไม่มีใครคาดเดาได้ มนุษย์ในตอนนี้โดนจำกัดพื้นที่เอาไว้ จำนวนประชากรไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเลย เนื่องจากมีพี้นที่อาศัยที่น้อยนิด หากเขามีความแข็งแกร่งเพียงพอและสามารถยึดมิติดวงจันทร์แห่งนี้เอาไว้ได้ งั้นมันก็จะส่งผลต่อการเติบโตของมนุษย์อย่างมาก

หากมนุษย์เข้ามาในมิติดวงจันทร์จะต้องเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงมากมาย แต่จำนวนมนุษย์จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และยังสามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรในมิติดวงจันทร์ได้เป็นจำนวนมาก ในเวลาอันสั้นจะมีผู้ใช้อสูรกำเนิดขึ้นมามากมาย และจะทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะทวงคืนดินแดนได้

ภูมิประเทศของมิติแห่งนี้ถือว่าดีอย่างมาก มันเหมาะที่จะอยู่อาศัย

หากมนุษย์มาอาศัยอยู่ที่นี่ งั้นอนาคตของมนุษย์รึอย่างน้อยก็ความแข็งแกร่งของชาวจีนก็จะยกระดับขึ้นมาอย่างมาก

“งั้นก็ต้องจัดการมัน” หวังเย่าตัดสินใจทันที เขาเดาว่าอสูรกายยักษ์โบราณคงเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในมิติดวงจันทร์แห่งนี้

เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็ใช้ลูกแก้ววิญญาณวิญญาณดินขุดโพรงถ้ำลึกกว่า 10 เมตรขึ้นมาข้าง ๆ

ตอนที่น้ำไหลเข้ามาในอุโมงค์ น้ำจะไหลลงไปที่ต่ำและมีแรงดัน ดังนั้นเขาเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในโพรงนี้เพื่อไม่ต้องไหลไปกับน้ำ

“ลงมาแล้ว ! ” หลังจากที่ซ่อนตัวแล้ว หวังเย่าก็ได้ใช้ลูกแก้ววิญญาณดินดึงเอาดินที่อยู่เหนือหัวขึ้นไปหลายสิบเมตรออก เพื่อเปิดช่องทางให้น้ำไหลลงมาในคราวเดียว

ตอนนั้นเองเมื่อมีรูเกิดขึ้น น้ำในแม่น้ำก็ก่อตัวกลายเป็นวังวน จากนั้นน้ำจำนวนมากก็ได้ไหลลงมาตามอุโมงค์ทันที

หวังเย่าสังเกตการณ์อย่างใจเย็น ก่อนจะกระโดดไปต้านกระแสน้ำเพื่อเข้าไปในแม่น้ำ สุดท้ายเขาก็พุ่งออกมาจากวังวนและว่ายน้ำขึ้นฝั่ง ก่อนจะพักหอบหายใจ ที่ชายฝั่งที่กว้างกว่า 10 เมตร

หลังจากพักได้ไม่นาน หวังเย่าก็ล้างเนื้อล้างตัว จากนั้นเขาก็เดินเลาะไปตามแม่น้ำพร้อมกับเทดินทั้งหมดในกระเป๋ามิติลงในน้ำนั้น

ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงเขาก็สามารถขึ้นมาที่พื้นดินได้

“ครั้งนี้ไม่ง่ายเลย ”

ตอนแรกเขาคิดจะเข้าไปขโมยรังผึ้งแต่กลับเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงและเกือบตาย

เขานั่งลงกับพื้นและเอาเนื้อแห้งออกมากินเพื่อฟื้นฟูพลังงาน จากนั้นเขาก็ได้ใช้สกิลไต่เมฆากระโดดขึ้นจากพื้นไป 200-300 เมตรจนสามารถมองเห็นเหวที่ห่างออกไปกว่า 20 ไมล์ได้

จ้าวเมิ่งซีและคนอื่น ๆ ยังอยู่ที่นั่น เป็นธรรมดาที่หวังเย่าต้องไปหาพวกนั้นเพื่อให้พวกนั้นคลายความกังวล

เขาพุ่งลงไปที่พื้นก่อนจะเรียกการ์ฟิลด์ออกมา เขาขึ้นไปนั่งที่หลังของมันก่อนจะสั่งให้มันเดินทางไปที่ปากเหวทันที

“ดูนั่น หัวหน้าออกมาแล้ว”

คนกว่า 7-8 คน รวมตัวกันที่ปากเหว จ้าวเมิ่งซีเองก็อยู่ที่นั่นด้วย

“หือ เขาอยู่ไหน ?” จ้าวเมิ่งซีหันกลับมาด้วยความแปลกใจ ตาของเธอแดงก่ำ เธอคิดว่าหวังเย่าคงตกอยู่ในอันตรายและอาจจะตายได้

หลังจากที่ได้เห็นหวังเย่า เธอก็วิ่งเข้ามาหาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

หวังเย่ารู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เขารีบกระโดดลงไปหาเธอก่อนจะกอดเธอเอาไว้

จ้าวเมิ่งซีผลักเขาออกก่อนจะทุบเข้าที่อกเขา “ หวังเย่า ไอ้บ้า นาย….นายมันไม่มีหัวคิดเอาซะเลย ! ”