ตอนที่ 221 ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ผู้ยิ่งใหญ่

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

การปรากฏตัวกะทันหันของหุ่นยนต์สองตัว เป็นสิ่งที่พวกออกัสไม่คาดคิด

แต่ไม่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไร พวกเขาล้วนแต่ไม่มีทางเลือกอื่นมาตั้งแต่แรกแล้ว ทำได้เพียงกัดฟันต่อสู้

ชิงจือรู้ว่าหุ่นยนต์ทั้งสองตัวของอันหลินไม่ธรรมดา จึงแบ่งหุ่นอรหันต์อิงคทกับวันวาสีไปต่อกรกับต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ ไม่ขอให้ชนะ เพียงตรึงพวกมันไว้ได้ก็เพียงพอแล้ว

หุ่นอีกสี่ตัวที่เหลืออ้อมผ่านพวกอันหลิน กระโจนใส่ปีศาจจอกศักดิ์สิทธิ์ทองอีกครั้ง

ออกัสก็ร่วมมือกับหุ่นอรหันต์ทั้งสี่โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิด เริ่มจู่โจมอย่างบ้าคลั่ง

สงครามปะทุอีกครั้ง

จากนั้นชิงจือก็พบว่าตัวเองทำพลาดไป แถมยังพลาดอย่างมหันต์

ความยิ่งใหญ่ของต๋าอีกับต๋าเอ้อร์เหนือความคาดหมายของเขาอย่างใหญ่หลวง

ในยามที่อรหันต์อิงคทกับวันวาสีพุ่งใส่พวกมัน จู่ๆ กันดั้มก็ดันมือทั้งสองออกมา ปล่อยดวงแสงสีม่วงครอบเป้าหมายทั้งสอง

จากนั้น แรงกดดันมหาศาลปรากฏขึ้นกลางเวหา กดทับอรหันต์ทั้งสองสู่ผิวดินประหนึ่งหมื่นขุนเขาบดเบียด

ครืน! ธรณีเริ่มแตกระแหงเสมือนว่าแบกรับพลังไม่ไหว และทรุดตัวลงไป มิหนำซ้ำยังทรุดตัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ชิงจือที่กำลังต่อสู้กับเด็กหญิง และยังคงเชื่อมต่อกับพลังของอรหันต์สะดุ้งตกใจ เบนสายตามองต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือเล็กน้อยว่า “มันคือ…แรงโน้มถ่วงหรือ”

แรงโน้มถ่วงเป็นพลังที่หยั่งรู้และใช้ยากที่สุดในบรรดาหมื่นพันวิชา หุ่นตัวหนึ่งสามารถใช้แรงโน้มถ่วงได้ เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

ความหวาดหวั่นของเขาไม่จางหาย เมื่อหุ่นอรหันต์ทั้งสองถูกแรงโน้มถ่วงที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวอย่างยิ่งกดทับ กันดั้มอีกตัวที่ยังไม่ได้สำแดงพลังแรงโน้มถ่วงพ้นเปลวไฟลุกโชนออกมาจากข้างหลัง พุ่งตัวขึ้นเหนือศีรษะของอรหันต์อิงคทด้วยความเร็วอย่างยิ่งยวด

เมื่อมันกางมือ กระบี่แสงสีน้ำเงินที่ไม่รู้ว่าก่อตัวจากอนุภาคอะไรก็ปรากฏขึ้นในมือ

ขณะเดียวกัน นัยน์ตาเหลืองทองของมันก็เริ่มตรวจสอบในเสี้ยววินาที เพ่งเล็งตำแหน่งที่ถูกกำปั้นของเด็กหญิงกระแทกจนยุบและปริแตกแล้วฟันลงไปทันใด!

อานุภาพของกระบี่ไม่รุนแรง แต่กลับหลบหลีกอาวุธของอรหันต์อิงคทด้วยองศาที่ประหลาดและกลับกลอก เริ่มจากตำแหน่งที่เปราะบางที่สุดด้วยพลังที่แจ่มชัดอย่างยิ่ง ฉีกทึ้งร่างของอรหันต์

ความจริงแล้วทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ในสายตาของผู้คนก็คือ กันดั้มพุ่งใส่อรหันต์อิงคทที่ถูกแรงโน้มถ่วงกดทับโดยพลัน จากนั้นก็ตวัดกระบี่เป็นเส้นโค้งปล่อยลำแสงสีน้ำเงินที่งดงาม ฟันอรหันต์อิงคทจนขาดเป็นสองท่อนอย่างเด็ดขาดฉับไว

อรหันต์อิงคทกลายเป็นแสงทองที่แตกสลาย

ชิงจือที่ควบคุมหุ่นถูกแว้งกัด จึงกระอักเลือดออกมา

กันดั้มได้เปรียบ จึงไม่หยุดเคลื่อนไหว มุ่งหน้าไปเงื้อกระบี่จะฟันอรหันต์วันวาสีอย่างไม่ลังเล

บัดนี้อรหันต์วันวาสีสำแดงอิทธิฤทธิ์ กระบี่สีทองที่แฝงด้วยแก่นแท้แห่งพุทธลอยออกมาจากแขนเสื้อ พุ่งไปทางกันดั้มที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม

ในระยะประชิดเช่นนี้ กันดั้มไม่สามารถหลบหลีกได้เลย

กันดั้มเองก็ไม่หลบเลี่ยง แต่เบี่ยงร่างกายเล็กน้อย ทำให้กระบี่สีทองที่พุ่งมาโจมตีตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตราย กระบี่สีน้ำเงินในมือตวัดลงไปตามวิถีที่กำหนดไว้

ทุกกระบวนท่าของมัน ราวกับคำนวณไว้ล่วงหน้าแล้ว ปราศจากคลื่นอารมณ์ ไม่ถูกก่อกวน ฉับไว แม่นยำและโหดเหี้ยม!

ตูม! แสงทองระเบิด กันดั้มถูกอรหันต์วันวาสีโจมตีจนกระเด็น ส่วนศีรษะของอรหันต์วันวาสีก็ถูกกันดั้มฟันเช่นกัน…

ชิงจือถูกแว้งกัดอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่เพียงแค่กระอักเลือดแล้ว ร่างกายของเขาเสียการทรงตัวเล็กน้อย จวนจะประคองไม่ไหวแล้ว แม้แต่อรหันต์ทั้งสี่ที่กำลังปิดล้อมปีศาจจอกศักดิ์สิทธิ์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง คล้ายว่าจะหยุดลง

เหตุการณ์นี้ทำให้เชอรีลตกใจจนใช้พลังรักษาอันแก่กล้ากับชิงจือโดยพลัน

หากชิงจือล้มตอนนี้ สถานการณ์ของพวกเขาจะกลายเป็นอันตรายทันที

ชิงจือจ้องหุ่นยนต์ที่ส่องแสงโลหะสีเงินสองตัวนั้นอย่างหวาดกลัว เห็นหุ่นยนต์ที่ปล่อยแรงโน้มถ่วงรามือแล้ว สายตาเหลือบมองหุ่นอรหันต์อีกสี่ตัวที่เหลือ

หุ่นที่ถูกหุ่นวันวาสีโจมตีจนกระเด็นออกไปก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ปัดฝุ่นตามร่างกาย ยังคงทรงพลังน่าเกรงขาม ตำแหน่งที่ถูกโจมตีทนทานเรียบเนียน ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

ชิงจือตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นฉากนี้ ตะโกนลั่นทันทีว่า “ออกัส รีบปิดศึกให้ไว พวกเราไม่มีเวลาแล้ว!”

ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาแล้ว

ความยิ่งใหญ่ของหุ่นทั้งสองตัวของอันหลิน เหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างใหญ่หลวง

หากหุ่นสองตัวนั้นเข้าร่วมสมรภูมิรบ มันจะเป็นการสังหารหมู่ พวกเขาต้องแพ้เป็นแน่!

การโจมตีของร่างเทวทูตทวีความรุนแรงขึ้น ผสานด้วยการโจมตีอันบ้าคลั่งของหุ่นอรหันต์ทั้งสี่ พลังที่น่ากลัวม้วนตัวไปทั่วสี่ทิศ ฉีกผืนปฐพี ภูเขาถล่ม

เด็กหญิงถูกพลังที่ปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องโจมตีอีกหลายครั้ง ขณะเดียวกันก็ปล่อยหมัดกระแทกศีรษะของหุ่นอรหันต์สุปิณฑที่จู่โจมอย่างไม่ลืมตัวกลัวตายจนแหลกละเอียด

สถานการณ์ดุเดือดอย่างยิ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากของเด็กหญิง ใบหน้าขาวผุดผ่องก็เริ่มเขียวช้ำ

ชิงจือที่ควบคุมอรหันต์ตัวสั่นระริก ฝืนประคองร่างกายที่จวนจะล้มลงแล้ว

อันหลินกับหลิวเชียนฮ่วนเลือกจะสังเกตการณ์อยู่นอกสมรภูมิรบ ปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่ก่อกวนอีกฝ่ายหลายกระบวนท่า แต่ไม่เข้าร่วมสงครามอย่างแท้จริง

หนึ่งเพราะป้องกันภัยคุกคามไม่ให้พวกออกัสกำจัดต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ แต่เปลี่ยนมาโจมตีอันหลินแทน สองเพราะความสามารถของพวกเขาไม่สามารถประจันหน้ากับพวกออกัสได้…

แรกเริ่มเดิมที อันหลินยังกังวลว่าด้วยปัญหาจากหุ่นยนต์ จะถูกศัตรูกระหน่ำโจมตี แต่น่าเสียดาย เมื่อพวกเขาตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของต๋าอีกับต๋าเอ้อร์ หุ่นอรหันต์สองตัวถูกทำลาย ก็ไม่สามารถปลีกตัวมาต่อกรกับอันหลินแล้ว

ในจัตุรัสฟ้าคราม ผู้ชมแทบจะทุกคนเหม่อมองหุ่นยนต์ที่ส่องแสงสีเงินระยิบระยับสองตัวนั้น

ไม่กี่ชั่วอึดใจก่อนหน้านี้ หุ่นยนต์สองตัวกำราบหุ่นอรหันต์ที่ยิ่งใหญ่สองตัวจนแพ้ราบคาบ มันล้มล้างจินตนาการของพวกเขา และผู้ที่ใช้หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นเพียงนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้นคนหนึ่งเท่านั้น

ต้องรู้ว่าหุ่นยนต์ตัวหนึ่งยิ่งใหญ่หรือไม่ เกี่ยวข้องกับแก่นแท้ของผู้ควบคุม

อีกนัยหนึ่งก็คือ ปกติแล้วยิ่งผู้ควบคุมยิ่งใหญ่มากเท่าใด หุ่นที่เขาสามารถควบคุมก็จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่หุ่นยนต์สองตัวที่อันหลินบังคับ แก่กล้าผิดธรรมดา มองจากภาพแล้ว อันหลินยังสามารถแยกสมาธิโจมตีอย่างวรยุทธ์ได้ ราวกับว่าไม่จำเป็นต้องใช้พลังชักนำหุ่นยนต์เลยอย่างสิ้นเชิง

ทำให้รู้สึกเหมือนว่า…เรียกนักพรตแปลงจิตสองคนมาช่วยเหลือ ส่วนเขานั้นไม่ต้องสนใจใยดีเลยสักนิด…

เหล่านักเรียนยังดี เพราะเป็นหุ่นของเทพอัน ไม่ว่าจะทำเรื่องที่มหัศจรรย์อะไร ล้วนสามารถรับได้

แต่ผู้ติดตามของอีกสามอิทธิพลที่เหลือ แสดงออกว่าไม่อาจรับได้เลย

นี่มันเป็นหุ่นจริงๆ หรือ คงไม่ใช่นักรบสวมชุดเกราะอะไรเทือกนั้นหรอกนะ!

สวีเสี่ยวหลานเองก็สงสัยยิ่งนัก ดูเหมือนว่าไม่ต้องบังคับหุ่นเหล่านี้เลยจริงๆ แถมรูปแบบยังพิลึกเสียเหลือเกิน

กลับเป็นซูเฉี่ยนอวิ๋นที่มีน้ำอดน้ำทนอธิบายความพิเศษในการใช้หุ่นของอันหลิน เมื่อเห็นความฉงนของนาง อย่างเช่นการบังคับอัจฉริยะ แหล่งพลังงานอะไรทำนองนั้น ทำเอาสวีเสี่ยวหลานตะลึงยิ่งนัก

สวีเสี่ยวหลานฟังคำอธิบายของซูเฉี่ยนอวิ๋น ไม่รู้ว่าความสนใจละออกจากหุ่นยนต์ตัวนั้นตั้งแต่เมื่อใด แต่แอบบ่นว่าทำไมซูเฉี่ยนอวิ๋นรู้เรื่องของอันหลินมากมายปานนั้น แต่ตนไม่รู้อะไรเลย ความรู้สึกแบบนั้นไม่ดีเอาเสียเลย

บนที่นั่งของแขกผู้มีเกียรติ สตรีคิ้วดกดำคนหนึ่งกำมือแน่น จับจ้องหุ่นยนต์บนหน้าจอผลึกหินด้วยนัยน์ตาที่ลุกวาว พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ไม่ผิดแน่ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์จักรกลของสถาบันวิจัยดาวม่วง! ไม่คิดเลยว่าอันหลินจะมีของมีค่าพรรค์นี้ด้วย…”

ในที่สุดสงครามก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว

เทวทูตและหุ่นอรหันต์ทั้งสี่เอาชนะปีศาจจอกศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ต๋าอีต๋าเอ้อร์เริ่มเข้าร่วมรบแล้ว

สีหน้าของออกัสพลันถมึงทึงเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ในที่สุดได้ตัดสินใจครั้งสำคัญแล้ว