ตอนที่ 222 อัคคีสวรรค์แห่งการพิพากษา

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

เมื่อกันดั้มสองตัวเข้าร่วมสมรภูมิรบ แรงกดดันของพวกออกัสก็เพิ่มขึ้นในบัดดล

กันดั้มตัวหนึ่งพ่นเปลวไฟสีม่วง มันแฝงด้วยกลิ่นอายอันเย็นเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู เกือบจะทำให้การเชื่อมพลังของค่ายกลเทวทูตปัญจธาตุพังทลาย

“พระเจ้า หุ่นตัวนี้พ้นไฟมังกรเวหาหาวได้ด้วยงั้นหรือ!”

ออกัสถูกเปลวไฟสีม่วงบีบคั้นจนถอยกรูด กล่าวด้วยใบหน้าตกตะลึง

ลมหายใจแห่งมังกรแบบนี้ เป็นพรสวรรค์เฉพาะตัวของเผ่าพันธุ์มังกรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่วิชาใดจะเลียนแบบได้ แต่เหมือนว่าหุ่นยนต์ที่ส่องแสงโลหะพราวระยับจะทำลายความรู้ความเข้าใจของมวลชน

ฉากนี้แม้แต่ยอดฝีมือระดับหวนสู่ความว่างเปล่าไม่กี่ชีวิตในจัตุรัสฟ้าครามก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าฉายความตะลึง

หลังความกดดันของเด็กหญิงลดลง ก็เริ่มกระโจนตอบโต้โดยพลัน หมัดที่ปราศจากการพลิกแพลง กลับแฝงด้วยอานุภาพทำลายล้างพลังวิเศษทั้งปวง สะเทือนทรวงอกของอรหันต์ปักถะโลจนฉีกขาด

ชิงจือกระอักเลือด แม้จะมีเชอรีลคอยใช้พลังรักษา ฟื้นฟูอาการของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่พลังแว้งกัดครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเขาก็ต้านทานไม่ไหว เริ่มทรุดตัวคุกเข่ากับพื้น

เมื่อคงสภาพพลังไว้ไม่ได้ หุ่นอรหันต์ทั้งหลายก็แตกสลาย

เด็กหญิงไล่กวดต่อไป หมัดระเบิด โจมตีร่างของเทวทูตที่ถูกปกคลุมด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์

พลังหมัดที่ยิ่งใหญ่ไม่มีสิ่งใดเทียบทำให้ปฐพีแตกละเอียด ร่างเทวทูตถูกหมัดโจมตีเข้าเต็มเปา ร่างพลันวูบวาบขึ้นมาทันที แทบจะแหลกสลาย

พวกออกัสกระอักเลือดถอยร่น ฝืนกระตุ้นค่ายกลให้คงอยู่ต่อไป

หุ่นอรหันต์ถูกทำลาย ค่ายกลเทวทูตปัญจธาตุเสียหายอย่างแสนสาหัส ทุกสิ่งเหล่านี้บ่งบอกว่าพวกออกัสแพ้พ่ายแล้ว ถึงทางตันแล้วอย่างแท้จริง

“ต้องขออภัยทุกท่าน ครั้งนี้ให้ข้าได้เอาแต่ใจกับการสู้ครั้งสุดท้ายนี้ด้วยเถอะ…”

ออกัสมองสี่คนที่อยู่ข้างหลังด้วยใบหน้ามีความรู้สึกผิดและเด็ดเดี่ยว โพล่งออกมาดังลั่นว่า

“บูชายัญ อัคคีสวรรค์แห่งการพิพากษา!”

เด็กหญิงยังคิดจะพุ่งใส่ออกัส แต่ทันใดนั้น รัศมีสีขาวที่ยิ่งใหญ่อย่างมหันต์ก็ถาโถมเข้ามา บีบคั้นนางจนถอยหลัง

นางปาดเลือดตรงมุมปากทิ้ง ปรับพลังของตนเอง ก้าวเข้าไปหาออกัสด้วยความฮึกเหิมทรงพลัง

หลังศึกใหญ่ผ่านไป นางบาดเจ็บไม่น้อย แต่พลังที่สำแดงออกมากลับไม่ลดน้อยลงเลย

สำหรับพลังที่ออกัสกำลังใช้อยู่นั้น นางไม่กลัวเกรง แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่า ไม่ปล่อยให้เขาสำแดงเดชดั่งใจหวังต่างหากที่เป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง

ร่างสีขาวสองร่างแซงเด็กหญิง ชิงกระโจนใส่ออกัสก่อน

เทวทูตกลายเป็นแสงเริ่มโคจรรอบค่ายกล ลำแสงสีขาวสองเส้น พุ่งทะลุออกจากค่ายกลด้วยความเร็วเหนือคำบรรยาย ทะลวงร่างของต๋าอีและต๋าเอ้อร์

“เริ่มการบูชายัญ”

เสียงของออกัสเริ่มเย็นเยือกขึ้นมา เชอรีลเองก็จ้องแผ่นหลังของชายตรงหน้าด้วยสีหน้าสับสน สุดท้ายก็หลับตาลง เลือกที่จะยอมรับ

ตงเยี่ยน ชิงจือและชิงซินกลับทำหน้างุนงง กระทั่งค่ายกลสูบพลังปราณจากร่างกายพวกเขา พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ใช่แล้ว ค่ายกลเทวทูตปัญจธาตุสว่างโชติช่วง เริ่มดูดพลังปราณของทุกคนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นฝ่ายถ่ายโอนพลังปราณภายในร่างกายด้วยตัวเอง บัดนี้ค่ายกลกลับสลับแขกเป็นเจ้าบ้าน[1]เขมือบอย่างตะกละตะกลาม เป็นฝ่ายช่วงชิงพลังปราณของพวกเขาอย่างไม่มีบันยะบันยัง

“นี่! เลิกสูบได้แล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้แต่พลังขั้นพื้นฐานข้าก็ทำไม่ได้แล้ว!” ตงเยี่ยนพุ่งไปยังริมค่ายกล ตะโกนลั่นพยายามจะหลุดพ้นจากพลังลูกนี้

มันตั้งใจว่าจะเก็บแรงไว้บางส่วน ใช้มาชิงจอกศักดิ์สิทธิ์หลังเด็กหญิงพ่ายแพ้ ไม่คาดคิดว่าบัดนี้พลังจะหลั่งไหลอย่างรวดเร็ว ร่างกายแปรเปลี่ยนโรยแรงอย่างยิ่ง

โครม! มันชนกับค่ายกล ถูกพลังแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ขัดขวาง

“อมิตาพุทธ ออกัส นี่เจ้าทำอะไรอีก…” ชิงจือมองออกัสอย่างไม่เข้าใจ

ออกัสที่เป็นตาค่ายกล กลับเป็นผู้ที่ทุ่มเทใหญ่หลวงที่สุด ไม่เพียงแค่พลังปราณลดฮวบ แม้แต่พลังงานและจิตก็ตกต่ำลงเช่นกัน กลิ่นอายเบาบางจนเป็นเหมือนแสงเทียนต้องลม

ค่ายกลดูดพลังอย่างไร้ขีดจำกัด

ขนนกสีขาวที่แฝงพลังอันพิศวงเริ่มลอยขึ้นฟ้าและรวมตัวกัน

ตูม! เด็กหญิงพุ่งมา แต่ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์โจมตีจนร่นถอย

ทั้งห้าคนภายในค่ายกลล้มลง พวกเขาไม่มีแม้แต่แรงจะยืนแล้ว แต่พลังแห่งการบูชายัญยังคงสูบไม่หยุด…

บนนภา ขนนกก่อตัวเป็นกระแสลมที่หมุนวนอย่างเชื่องช้า กระแสวนลอยอยู่เหนือเวหา แผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง ลุกลามขึ้นสูงพันเมตร แทบจะบดบังผืนนภาลัย

มีเปลวไฟสีทองตรงใจกลาง ราวกับพลังอันน่าสะพรึงที่แฝงเร้นจะเขมือบทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง

อันหลินจ้องกระแสวนที่ชวนให้หยุดหายใจบนท้องฟ้า ตกใจจนรีบเรียกต๋าอีกับต๋าเอ้อร์มาคุ้มกันตน

“นายท่าน เพราะเซลล์ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เปิดการซ่อมบำรุงเครื่องจักรอัตโนมัติแล้ว ตอนนี้พลังงานไม่เพียงพอ…”

ต๋าอีกับต๋าเอ้อร์พูดอย่างพร้อมเพรียงกัน ตำแหน่งของร่างกายที่ถูกลำแสงทะลวง บัดนี้ฟื้นฟูแล้ว แต่แสงสว่างในดวงตากลับเริ่มหม่นหมองลงช้าๆ

มุมปากของอันหลินกระตุก ค่อยซ่อมไม่ได้หรือไง ซ่อมแซมอัตโนมัติในสมรภูมิรบมันเรื่องบ้าอะไรกัน!

“อัคคีสวรรค์แห่งการพิพากษา ไป” ออกัสตวัดมือแล้ววาดลง

เด็กหญิงกำหมัดแน่น ยื่นขาแล้วย่อตัวลงอย่างน่ารัก เงยหน้าขึ้นมองกระแสวน อากัปกิริยาบนใบหน้าเริ่มขึงขังขึ้น

ใจกลางของกระแสวน มีเปลวไฟสีทองลอยลงมาพร้อมกับเจตจำนงแห่งการแผดเผาทุกสิ่ง ชะล้างฟ้าดินอันท่วมท้น แผ่คลุมภูเขาทั้งลูก

เมื่อมองไกลๆ มันเป็นเหมือนเสาแสงสีทองขนาดมหึมาที่คำยันฟ้าดิน เปลวไฟส่องค่ำคืนอันมืดมืดให้สว่าง แลดูโอ่อ่าตระการตา ชวนให้รู้สึกยำเกรง

อันหลินแหงนหน้ามองกระบวนท่าแห่งการทำลายล้างฟ้าดิน ทันแค่ล้วงก้อนอิฐสีดำของเขาออกมาบังตรงหน้า ไม่รู้ว่าม่านแสงครอบเขาไว้ตั้งแต่เมื่อใด

จากนั้นแสงและความร้อนมหาศาลก็ถาโถมเข้ามา…

เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นเริ่มก้องไปทั่วผืนแผ่นดินนี้

ณ จัตุรัสฟ้าคราม หน้าจอผลึกหินถูกแสงทองยึดจออีกครั้ง

ผู้ชมหลายหมื่นชีวิตตกตะลึงก่อน สะเทือนกับความยิ่งใหญ่ในการโจมตีครั้งสุดท้ายของออกัส แต่ไม่นานก็ตื่นจากภวังค์ของการโจมตีอันสะท้านฟ้า

ไม่มีเสียงประกาศอีก ที่นี่เงียบอย่างผิดปกติ

ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจจดจ้องหน้าจอ รอคอยผลลัพธ์สุดท้าย

ลำแสงจางหายไป กระแสวนบนท้องฟ้าก็มลายไปเช่นกัน

ภูเขาสูงที่เคยตั้งตระหง่าน บัดนี้ถล่มจนสิ้น ขุนเขามโหฬารกลายเป็นเศษหินกระจายเต็มพื้น ก้อนหินบางส่วนบัดนี้ยังคงแดงฉาน ควันดำผุดออกมาเป็นระยะๆ แสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของอัคคีสวรรค์ก่อนหน้านี้

ม่านคุ้มกันสีทองส่องแสงออกจากช่องว่างระหว่างเศษหินเป็นระลอกๆ

ตงเยี่ยน ชิงจือ ชิงซิน ออกัส หลิวเชียนฮ่วนและเชอรีล…

พวกเขาต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากไม่มีม่านคุ้มกันสีทอง เกรงว่าคงจะฝังร่างในกองไฟสวรรค์ที่น่ากลัวนั่นแล้ว

ตงเยี่ยน ชิงซินและพวกหลิวเชียนฮ่วนมีบางคนสลบไสลไปแล้ว บางคนเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก ออกัสกับเชอรีลกางปีกเป็นรูปครึ่งวงกลมห่อหุ้มร่างกาย แต่น่าเสียดายที่ยังคงไม่รอด

ทุกคนในจัตุรัสฟ้าครามมองเหตุการณ์ตรงหน้าอึ้งๆ ในใจสับสนวุ่นวาย

อัคคีสวรรค์แห่งการพิพากษายิ่งใหญ่เกินจินตนาการ ตัวแทนทั้งหมดพินาศย่อยยับก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“เรียกได้ว่าตอนนี้ออกัสปล่อยสุดยอดท่าไม้ตาย ระเบิดศัตรูและเพื่อนร่วมกลุ่มตายกันหมดเลยงั้นหรือ”

“ไม่รู้เพราะเหตุใด ข้านึกถึงหมัดปรมาณูอัสนีของเทพอัน”

“เหลวไหล! หมัดปรมาณูอัสนีของเทพอันระเบิดแค่เพื่อนร่วมกลุ่มต่างหากเล่า”

“เพื่อชิงจอกศักดิ์สิทธิ์ ออกัสสู้สุดชีวิตแล้วจริงๆ น่าเสียดายที่รุนแรงเกินไป จนแม้แต่ตัวเองก็ไม่รอด”

“เขาคงอยากพิสูจน์ตัวเองด้วยวิธีนี้กระมัง อดพูดไม่ได้ว่า กระบวนท่าสุดท้ายนั้นน่านับถือจริงๆ!”

รองผู้อำนวยการอวี้หัวทอดถอนใจ เริ่มประกาศเสียงดังว่า

“ชิงจือ ชิงซินจากเมืองพุทธตกรอบ”

“ออกัส เชอรีลจากสวนเอเดนตกรอบ”

“ตงเยี่ยนจากหอสร้างโลกตกรอบ”

“ส่วนสรวงสวรรค์ หลิวเชียนฮ่วน อัน…”

จู่ๆ อวี้หัวก็หยุดชะงัก กวาดสายตามองหน้าจอด้วยความฉงน

มวลชนในจัตุรัสก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ เริ่มแตกตื่นกันขึ้นมา

“เอ๊ะ เหมือนจะไม่เห็นเงาของเทพอันนะ”

“ก่อนหน้านี้ตกใจกับไฟสวรรค์จนลืมตัว ตอนนี้เพิ่งรู้ตัว”

“จะฝังอยู่ใต้ดินหรือไม่”

“เทพอันเก่งฉกาจปานนั้น น่าจะรอดมาได้!”

นักเรียนโดยรอบลุ้นระทึกขึ้นเรื่อยๆ สายตาวนเวียนอยู่บนหน้าจอ มองหาคนคนนั้นอย่างกระวนกระวาย

รองผู้อำนวยการอวี้หัวก็กระตุ้นหน้าจอผลึกหิน ค้นหาทุกซอกทุกมุมเช่นกัน

สุดท้ายพวกเขาก็เจออิฐดำก้อนใหญ่

อิฐดำก้อนนี้สั่นระริก มีเสียงเจ็บปวดอ่อนแรงของผู้ชายแว่วมาจากข้างล่าง

“ช่วยด้วย…”

“ใครก็ได้ช่วยข้าที…”

……………..

[1] สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน คือ เปลี่ยนจากฝ่ายถูกกระทำไปเป็นฝ่ายกระทำ