ตอนที่ 375 แม่ทัพผู้ภักดีสิ้นชีพกลางสนามรบ ผู้เสวยลาภยศกลับเป็นคนสอพลอ
หนุ่มสาวที่อยู่ในงานไม่ชอบฟังเพลงงิ้วพวกนี้เป็นทุนเดิม ทำให้แต่ละคนเอาแต่นั่งใจลอยอยู่กับที่ของตัวเอง แต่เมื่อเห็นเจ้าของงานดูอย่างได้อรรถรสจึงไม่กล้าทำอะไรมาก
เฉินเชียนโหรวนั่งอยู่แถวหน้า สีหน้าหมดความอดทน เธอคิดว่า ท่วงท่าของละครงิ้วนี้ไม่สมเอาจริงเอาเสียเลย อ้าปากพะงาบๆ ไม่มีความสวยงามอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะเธอที่นั่งอยู่แถวหน้า เสียงดังลั่นนี้กระหึ่มจนแม้แต่หน้าอกเธอก็สะเทือนไปด้วย น่าเบื่อที่สุด
เธอหันไปทางอื่นด้วยความเบื่อหน่าย แต่กลับเห็นเฉินฝานซิงอยู่ไม่ไกลออกไปพอดี ข้างๆ ยังมีสวี่ชิงจือและอินรุ่ยเจวี๋ยอยู่ด้วย
เธอขมวดคิ้วมุ่น หลายปีมานี้ เฉินฝานซิงอาศัยบารมีของสวี่ชิงจือรู้จักกับคุณชายมหาเศรษฐีมากขนาดนั้น
ถ้าไม่มีสวี่ชิงจือแล้ว เฉินฝานซิงก็ไม่เหลืออะไรเลย
และในขณะนั้นเอง เผยอันจือและป๋อจิ่งชวนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
ทั้งสองคนนั่งลงด้านข้างเฉินฝานซิง
ด้านขวาของเฉินฝานซิงคือสวี่ชิงจือ ด้านซ้ายคือเย่ซู่ซู่ เผยอันจือมาถึงก็นั่งลงตรงที่นั่งว่างทางซ้ายมือของเย่ซู่ซู่ทันที ทั้งสองคนหันไปยิ้มให้กัน เผยอันจือก้มหน้าลงมา จากนั้นเย่ซู่ซู่ก็ประชิดเข้าไปข้างหูของเขา ไม่รู้ว่าทั้งสองคนกำลังกระซิบกระซาบอะไรกัน ใบหน้าหล่อเหลาของเผยอันจือเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความชื่นชมเอ็นดู เย่ซู่ซู่ยกมือขึ้นมาจัดปกเสื้อให้เขาอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็หันไปมองทางคุณปู่ปราดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขากำลังชมงิ้วอย่างเพลิดเพลิน ก็หันกลับมานั่งดูงิ้วต่อด้วย
สวี่ชิงจือที่นั่งอยู่ทางขวาของเฉินฝานซิง เมื่อเห็นป๋อจิ่งชวนเดินเข้า เธอก็เงยหน้าขึ้นไปมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะขยับก้นไปทางขวาเพื่อเว้นที่ว่างไว้ให้เขา
ป๋อจิ่งชวนก้มลงนั่งข้างเฉินฝานซิงอย่างไม่ขัดเขิน
ในขณะเดียวกัน สวี่ชิงจือก็ยืดตัวตรงเพื่อจะคุยกับอินรุ่ยเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ ทำให้บดบังสายตาของเฉินเชียนโหรว เธอจึงต้องละสายตากลับไปโดยปริยาย ในขณะที่คิ้วยังคงขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความข้องใจ
งิ้วดำเนินเรื่องไปถึงตอนที่ลูกของมู่กุ้ยอิงได้รับตราแม่ทัพ นายใหญ่ตระกูลเผยก็ถอนหายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากนั้น ละครก็พูดถึงตอนที่เสอไท่จวินได้รับตราแม่ทัพ น้ำเสียงแห่งความรักชาติ ต้องการจะปกป้องกองทัพ และอัดอั้นไปด้วยความขุ่นเคืองภายในใจของมู่กุ้ยอิง พูดขึ้นอย่างจนปัญญา
“น้ำตารินไหลไร้คำพูด ถึงเหล่าบรรพชนที่เคารพ หาใช่ว่าข้ากลัวต้องตายจากไปโดยไม่ทันได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพไม่ วาจาของจักพรรดิซ่งช่างหักหาญน้ำใจ ข้ากุ้ยอิง สิบปีที่ผ่านมาไม่เคยหนีห่างจากการรบ ตระกูลหยางสี่รุ่นล้วนแต่เป็นพลทหาร เหยียบย่ำอานและโกลนม้าหลายต่อหลายครั้ง สวมใส่ชุดเกราะจนยับเยินมานับครั้งไม่ถ้วน ตีข้าศึกและตั้งรับ ศึกคราใดบ้างที่คนตระกูลหยางไม่เจ็บตัว แม่ทัพผู้ภักดีสิ้นชีพกลางสนามรบ ผู้เสวยลาภยศกลับเป็นคนสอพลอ…”
เฉินฝานซิงฟังถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็ยิ้มมุมปากออกมา
แม่ทัพผู้ภักดีสิ้นชีพกลางสนามรบ ผู้เสวยลาภยศกลับเป็นคนสอพลอ!
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำดีไม่เคยได้ดีเลยจริงๆ
“รู้สึกว่าหรือเปล่าว่า มู่กุ้ยอิงนี่มีส่วนที่คล้ายคุณอยู่ไม่น้อยเลย”
ป๋อจิ่งชวนขยับเข้ามาก้มลงพูดข้างหูเธอ
เฉินฝานซิงพยักหน้า “ก็นิดหน่อย สู้สุดใจเพื่อชาติบ้านเมือง แต่พวกประจบสอพลอกลับยอมรับเศษบุญเศษทาน เพื่อจะได้มียศถาบรรดาศักดิ์ไปชั่วชีวิต…”
ป๋อจิ่งชวนขวดคิ้วเล็กน้อย “คุณหมายถึงซูเหิงและเฉินเชียนโหรว?”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ”
เฉินฝานซิงมองเขา
ป๋อจิ่งชวนกลับยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะโน้มเข้าไปพูดเบาๆ ข้างหูของเธอ
“ผมกำลังคิดว่า คุณเหมือนกับมู่กุ้ยอิงที่ฉลาดหลักแหลม เย็นชา ไม่ย่อท้อ แข็งแกร่ง แต่พอถึงบทที่คุณอ่อนลงมา ท่าทางแบบนั้นกลับเย้ายวนใจสุดๆ…”
เฉินฝานซิงหน้าแดงเป็นลูกตำลึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 376 ส่งมอบบทเพลง
เฉินฝานซิงหน้าแดงเป็นลูกตำลึงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“คุณ…คุณมันสุภาพบุรุษจอมปลอม”
ป๋อจิ่งชวนหัวเราะเบาๆ “ถ้าอยู่ต่อหน้าคุณ ผมอยากเป็นโจรมากกว่า”
“…”
หลังจากฟังงิ้วจบ ก็ถึงเวลาของเหล่าหนุ่มสาว
ในระหว่างนั้นเอง มีใครบ้างคนเสนอความคิดเห็นออกมา “ในเมื่อวันนี้มีคนหนุ่มสาวมากมายมาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับนายใหญ่สกุลเผย อย่างไรซะตอนนี้งานก็ยังเพิ่งเริ่ม ไม่สู้ให้เด็กรุ่นหลังมาเล่นสนุกกันก่อนสักหน่อยจะดีกว่า การแสดงงิ้วเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะไม่ถูกใจเหล่าวัยรุ่นเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้น เรามาเล่นอะไรที่โดนใจวัยรุ่นกันหน่อยดีไหม”
เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นไปดูก็พบว่าคนพูดเป็นชายวัยกลางคนแปลกหน้ารูปร่างผอม
เธอไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เวลานั้น ชายหนุ่มที่คิดว่าตัวเองยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นก็ลุกขึ้นมา เดิมทีเฉินฝานซิงไม่ได้คิดจะสนใจเขาตั้งแต่แรก แต่สายตาของผู้ชายคนนั้นกลับส่องมาที่เธอปราดหนึ่ง
สายตานั้นแฝงไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ทำให้เฉินฝานซิงแอบโมโหอยู่ลึกๆ แปลกจริงๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหนต้องเจอคนไม่ชอบหน้าเธออยู่ตลอดเลยเหรอ
เธอไปหาเรื่องอะไรใครไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ตอนนี้ ในโลกโซเชียลกำลังให้ความสนใจกับท่าทีของผู้จัดการแข่งขัน ‘โอเชี่ยนซาวด์คัพ’ อยู่เลย ผมติดตามการแข่งขัน ‘โอเชี่ยนซาวด์คัพ’ มาตลอด การแข่งขันเมื่อหกปีที่แล้ว เจ้าของรางวัลโอเชี่ยนซาวด์ใช้ความสามารถของตัวเองจริงๆ จนได้รับถ้วยรางวัลนี้ การยึดรางวัลคืนถือเป็นเรื่องที่ทำเกินไปหน่อย ผมเชื่อว่าในงานวันนี้คงจะมีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจด้านดนตรีอยู่ไม่น้อย ประกอบกับเจ้าตัวก็อยู่ในงานนี้พอดี ไม่สู้ให้เธอขึ้นมาบรรเลงบทเพลงให้ทุกท่านฟังสักเพลงจะดีกว่า ให้ทุกคนได้ลงความคิดเห็นกันว่าความสามารถของเธอเป็นยังไง”
เฉินฝานซิงได้ยินคำพูดพวกนี้ก็เข้าใจในทันที
ผู้ปกป้องเฉินเชียนโหรวนี่เอง
ดังนั้น การเป็นดาราก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน ทั่วทุกสารทิศล้วนแต่มีแฟนคลับอยู่
“อ๋อ ฉันก็เห็นเหมือนกัน ในเน็ตช่วงนี้ เฉินเชียนโหรวคนนี้…มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวเธออยู่หลายอย่างเลยแหละ”
“ผู้จัดงานโอเชี่ยนซาวด์คัพนั่น ได้ข่าวว่าทุบถ้วยรางวัลทิ้งไปแล้ว สาเหตุเพราะย่าของเธอรักเธอมากเกินไป จนยอมติดสินบนคณะกรรมการเพื่อเธอ…”
“หกปีที่แล้ว…ฉันสนใจเรื่องที่พี่สาวของเธอถูกคนใส่ร้ายว่ายั่วยวนกรรมการเรื่องนั้นมากกว่า…กรรมการคนนี้ช่างไร้คุณธรรมจริงๆ เลย…”
เฉินฝานซิงหลับตาลงสุดแรง จากนั้น สายตาเย็นชาก็จ้องไปทางชายวัยรุ่นที่กำลังพูดอยู่
ต้องการจะก่อความวุ่นวายหรือยังไงกัน นี่มันที่ไหน เขาถึงกับกล้าพูดเรื่องแบบนี้ในงานเลี้ยงวันเกิดของนายใหญ่สกุลเผยเลยเหรอ
ขณะนั้นเอง เฉินเชียนโหรวก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงเบา
“เรื่องตอนนั้น ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณย่าจะกล้าทำเรื่องแบบนั้นเพื่อฉันได้ ถึงแม้ถ้วยรางวัลจะถูกเรียกคืนไป แต่ฉันไม่เคยโทษคุณย่าเลยค่ะ ฉันรู้ว่าท่านหวังดีกับฉัน”
“ถ้วยรางวัลก็แค่เครื่องพิสูจน์เท่านั้น ต่อให้พวกเขายึดถ้วยกลับไป แต่ก็เก็บเอาความสามารถที่ฉันมีตั้งแต่แรกแล้วไปด้วยไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของนายใหญ่สกุลเผย ฉันไม่อยากให้เรื่องพวกนี้มารบกวนจิตใจของท่าน แล้วก็ไม่ขอร้องให้ทุกคนมาแสดงความคิดเห็นให้กับฉันหรอกค่ะ แต่ในเมื่อพูดถึงเปียโนแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้มีความสามารถมากมายอะไรนักหรอก ไม่อย่างนั้นจะขอถือโอกาสนี้บรรเลงสักหนึ่งบทเพลง มอบให้กับนายใหญ่สกุลเผย เพื่ออวยพรให้ท่านมีโชคลาภดุจทะเลบูรพา อายุยืนยาวเหมือนหุบเขาทักษิณ”
“เยี่ยม”
เฉินเชียนโหรวพูดจาด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้ได้รับเสียงตบมือกลับมาเกรียวกราว
นายใหญ่สกุลเผยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ก็พยักหน้าตอบตามมารยาท
เฉินเชียนโหรวพูดพลางยกกระโปรงสีแดงสดเดินขึ้นเวที ในตอนนั้นเองที่ทุกคนถึงจะเห็นว่า ด้านหลังของชุดราตรีสีแดงสะดุดตาตัวนั้น เผยโชว์แผ่นหลังขาวเขียนทั้งแผ่นหลังให้เห็นเต็มๆ ตา
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าคิ้วของนายใหญ่สกุลเฉินขมวดมุ่นเล็กน้อย
เฉินฝานซิงกลับยิ้มมุมปากออกมา
ในงานเลี้ยงวันเกิดของชายชราที่มีสมาชิกสี่ชั่วอายุคนมารวมตัวกันพร้อมหน้า เธอแต่งตัวแบบนี้ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่