ตอนที่ 178.1 เหยาเหยาถูกโจมตี (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ขบวนรถกลับต้าเซี่ยของเล่อเหยาเหยาเดินทางทางบก ระหว่างเดินทางเห็นเพียงภูเขาสวยน้ำใส ต้นไม้เขียวชอุ่ม วิวทิวทัศน์งดงามดุจภาพวาด

แม้จะเป็นฤดูร้อน ดอกไม้ป่ากลางแจ้ง กลับเบ่งบานงามสะพรั่ง ทุ่งหญ้าเขียวขจีนั้น งดงามราวกับลวดลายปักบนพรม ดอกไม้นานาพันธุ์ น่าหลงใหล!

เดิมทีเล่อเหยาเหยาที่เบื่อหน่ายเพราะต้องจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋มาครึ่งเดือน สุดท้ายหลังเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติระหว่างเดินทางนั้น อดอารมณ์ดีขึ้นบางส่วนไม่ได้

เพราะหลังเธอมาอยู่ในวังอ๋อง ก็ไม่ได้ออกไปไหน อยู่ในวังอ๋องตลอด

แม้บรรยากาศวังรุ่ยอ๋องจะงดงาม โอ่อ่าตระการตา แต่มองนานไปก็เบื่อหน่าย ดังนั้นตอนนี้เมื่อเห็นภูเขาแม่น้ำธรรมชาติที่งดงาม อารมณ์ของเล่อเหยาเหยาค่อยๆ ดีขึ้นไม่น้อย

รวมทั้ง ภายในรถม้าคันใหญ่นี้ ไม่ได้มีเพียงเธอคนเดียว ยังมีเซี่ยลี่และเซี่ยผิงสองพี่น้อง

เพราะเซี่ยลี่และเซี่ยผิงคือคนที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจหามาคอยปรนนิบัติเธอ

ภายในรถม้า จึงมีเพียงพวกเธอหญิงสาวสามคน ที่เหลือต่างเป็นองครักษ์

เล่อเหยาเหยาเวลานี้ตั้งครรภ์ ระหว่างทางจึงต้องการคนปรนนิบัติ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่วางใจ เดิมทีคิดให้หัวหน้าขันทีลี่ส่งบ่าวหญิงที่ชำนาญหลายคนมา แต่เล่อเหยาเหยาปฏิเสธ

เพราะเธอชอบอิสระ เรื่องเล็กน้อยต่างจัดการด้วยตนเอง ไม่ต้องมีคนปรนนิบัติ

เวลานี้แม้เธอจะตั้งครรภ์ แต่เธอคิดว่าข้างกายมีเซี่ยลี่และเซี่ยผิงก็เพียงพอแล้ว

สุดท้ายเหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเล่อเหยาเหยายืนยันหนักแน่น จึงไม่พูดสิ่งใด เพียงกำชับเซี่ยลี่และเซี่ยผิงอย่างเข้มงวด ต้องปรนนิบัติเธอให้ดี

พอนึกถึงสีหน้าเข้มงวดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ท่าทางตกใจหวาดกลัวของเซี่ยลี่และเซี่ยผิง เล่อเหยาเหยาอดรู้สึกน่าขันไม่ได้

เขาห่วงใยตนเกินไปแล้ว

ทว่าพอนึกถึงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ดีต่อเธอ ในใจเล่อเหยาเหยาอบอุ่น

เวลานี้เป็นเวลาเที่ยง

พระอาทิตย์ด้านนอกเจิดจ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หมื่นลี้ไร้เมฆ ท้องฟ้าสีน้ำเงินนั้น ราวกับประกายสดใสของหยกเขียว งดงามอย่างยิ่ง เมื่อมองท้องฟ้าที่งดงามนี้ ทำให้อารมณ์คนเบิกบานใจมากขึ้น

เล่อเหยาเหยานั่งรถม้าตลอดทั้งเช้า แม้ภายในรถม้าจะกว้างขวาง สามารถนอนได้ถึงสามคน และภายในมีของใช้เล็กๆ น้อยครบครัน เพราะเหลิ่งจวิ้นอวี๋ให้คนจัดเตรียมอย่างรอบคอบ

แม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อนั่งรถม้ามาเป็นเวลานาน เล่อเหยาเหยาจึงเบื่อหน่าย

เวลานี้รถม้าหยุดลงพอดี ตอนนี้คนที่รับผิดชอบนำขบวนรถคือซิง

เห็นเพียงซิงออกคำสั่งบางอย่างอยู่ด้านหน้าไม่หยุด ทำให้ทุกคนต่างหยุดลงมาพักผ่อน หลังทานอาหารจะได้รีบเดินทางอีกครั้ง

ตอนนี้เล่อเหยาเหยาให้เซี่ยลี่และเซี่ยผิงประคองลงมาจากรถม้าอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นเซี่ยลี่และเซี่ยผิงรอบคอบ ระมัดระวัง เล่อเหยาเหยาอดรู้สึกน่าขันไม่ได้

“เห็นท่าทางระมัดระวังของพวกเจ้าแล้ว ข้าไม่ได้หน้าท้องใหญ่ พวกเจ้าต้องระวังถึงเพียงนั้นหรือ”

เล่อเหยาเหยายิ้มให้กับเซี่ยลี่และเซี่ยผิง

เซี่ยลี่และเซี่ยผิงได้ยิน อดมองหน้ากันไม่ได้ จากนั้นเอ่ยพร้อมกันขึ้น

“ปรนนิบัติองค์หญิงคือหน้าที่ของพวกเรา พวกเราจะไม่ระวังได้เช่นไร”

ไม่เสียแรงที่เป็นคู่แฝด กระทั่งพูดจาก็มีสัญญาลับเช่นนี้

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดหัวเราะไม่ได้

ประจวบกับซิงที่แก้ไขขบวนรถเสร็จเรียบร้อยเดินเข้ามา เห็นพวกเธอสามคนต่างหัวเราะยิ้มแย้ม อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้

“แม่นางคนงามทั้งสาม กำลังคุยสิ่งใดกันจึงดูเบิกบานเช่นนี้”

“ฮ่า ๆ ไม่มีสิ่งใด ซิง จัดการเรื่องทางนั้นเสร็จแล้วหรือ”

เมื่อเห็นซิงเดินเข้ามา เล่อเหยาเหยาหยุดหัวเราะ ก่อนเอ่ยถามซิง

เมื่อได้ยินคำพูดเล่อเหยาเหยา ซิงพยักหน้า ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“ถูกต้อง มา พวกท่านคงหิวแล้วกระมัง ทางนั้นมีเนื้อย่าง ไม่นานจะย่างเสร็จแล้ว ไปนั่งกันก่อนเถิด”

“ฮ่า ๆ ขอบคุณมากซิง”

เมื่อได้ยินคำพูดของซิง เล่อเหยาเหยาอดยิ้มให้ซิงอย่างสุภาพก่อนเอ่ยขึ้นไม่ได้

ทว่าเล่อเหยาเหยากลับไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าตนนั้น งดงามมากเพียงใด

อวัยวะบนใบหน้าทั้งห้าที่ประณีต หน้าตาดั่งหยกแกะสลัก ผิวขาวดุจหิมะ เปราะบางละเอียด คิ้วเข้มโค้งงอน ดวงตาชุ่มฉ่ำ สิ่งที่ดึงดูดใจที่สุดนั่นคือริมฝีปากแดงสดคู่นั้น เมื่อยิ้มจะเผยฟันขาวเรียงเป็นระเบียบออกมา ริมฝีปากแดงฟันขาวงดงามยิ่งนัก!

สายลมพัดเอื่อย จนเส้มผมหญิงสาวพริ้วไหว ชายเสื้อปลิวไสว

เข้ากับทิวทัศน์งดงามด้านหลังหญิงสาว ทำให้หญิงสาวดูดุจเทพธิดากลางหุบเขาที่ไร้ราคี

เห็นเช่นนั้น ใบหน้าซิงอดตะลึงงันชั่วขณะไม่ได้ แววตาปรากฎความตกตะลึงขึ้นมา

ส่วนสีหน้านี้ของเขา ตกอยู่ในสายตาของเซี่ยลี่และเซี่ยผิงพอดี สองพี่น้องนี้จึงอดเอ่ยสร้างความสนุกไม่ได้

“ฮ่า ๆ องค์หญิง ท่านอย่ายิ้มให้เขาอีกเลย ท่านดูซิงตะลึงไปแล้ว”

“ฮ่า ๆ ใช่เพคะ ข้าว่านะซิง ท่านอย่าหลงเสน่ห์องค์หญิงเลย องค์หญิงเป็นว่าที่พระชายาของท่านอ๋องนะ!”

เดิมทีเซี่ยผิงและเซี่ยลี่เพียงต้องการหยอกล้อสนุกปากเท่านั้น เพราะพวกเธอรู้ว่าซิงมีนิสัยตรงไปตรงมา สามารถพูดหยอกล้อด้วยได้

แต่หลังซิงได้ยินคำพูดของพวกเธอสองพี่น้อง พลันได้สติ แววตาปรากฎความเสียใจขึ้นมา

แต่แววตาเสียใจนี้ไม่นานพลันหายไป รวดเร็วจนคนจับไม่ได้ ก่อนเห็นซิงกลับมาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญเช่นเดิม หัวเราะพลางเอ่ยว่า

“ฮ่าๆ ช่วยไม่ได้จริงๆ พระชายาของพวกเรารูปโฉมน่าหลงใหลเกินไป”

สำหรับการหัวเราะเกินจริงของซิง เล่อเหยาเหยาอดเขินหน้าแดงไม่ได้ และไม่อยากหยอกล้อกับพวกเขาแล้ว เพียงลูบหน้าท้องตน ตั้งใจเผยท่าทางน่าสงสารออกมา ก่อนเอ่ยว่า

“เอาล่ะ หยุดเล่นสนุกกันได้แล้ว ตอนนี้ข้าหิวจนจะกินวัวได้ทั้งตัว พวกเรารีบไปทานอะไรกันเถิด”

“ได้ เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด”

รู้ว่าเล่อเหยาเหยาตั้งครรภ์ จึงทานปริมาณมาก ทุกคนจึงหยอกล้อกันอีก พาเล่อเหยาเหยาเดินไปสถานที่ย่างเนื้อ

เห็นเพียงเวลานี้ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงเทียมฟ้า พวกเล่อเหยาเหยาทุกคนต่างหยุดพักผ่อนอยู่ที่นี่

ใต้ต้นไม้ใหญ่มีชั้นวางขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ด้านบนเวลานี้กำลังย่างหมูป่าตัวหนึ่งอยู่

หมูป่าตัวนี้ เมื่อครู่ขณะผ่านป่า ซิงเป็นคนล่ามันมาด้วยตนเอง!

เวลานี้หมูป่าถูกควักเครื่องในออกไป ก่อนถูกเสียบด้วยท่อนไม้ย่างอยู่ด้านบนชั้นวาง

กลิ่นย่างเนื้อนั้นลอยออกมา ดึงดูดทุกคนรอบด้านต่างท้องร้องด้วยความหิว

หมูป่าตัวนี้มีน้ำหนักกว่าห้าสิบกิโลกรัม ถือว่าเพียงพอให้คนสิบกว่าคนทาน

ครั้งนี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ส่งองครักษ์มากว่าสามสิบคนเพื่อคุ้มครองเล่อเหยาเหยาเดินทางกลับต้าเซี่ย องครักษ์เหล่านี้ ต่างได้รับการฝึกฝนจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ดังนั้นไม่เพียงวรยุทธ์หรือวินัยต่างเยี่ยมยอด

ทว่าสิ่งเดียวที่ไม่ดีคือพวกเขานิ่งเงียบอย่างยิ่ง แม้พวกเขาสามสิบคนจะรวมตัวอยู่ด้วยกัน ขณะพูดจาเสียงเบาอย่างยิ่ง พยายามลดความรู้สึกการมีตัวตนของตนเองลงไป

ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขา ซิงคือคนแปลกประหลาด

หลังพาเล่อเหยาเหยาเข้ามา ซิงมองหมูป่าที่กำลังย่างนั้น ประจวบเหมาะกับหมูป่าตัวนั้นเพิ่งย่างสุกพอดี หนังมันถูกย่างจนเป็นสีเหลืองทอง ไขมันนั้นส่งเสียง ‘เพี๊ยะๆ’ ออกมาสู่ด้านบน จากนั้นตามมาด้วยกลิ่นหอมของเนื้อย่าง เล่อเหยาเหยาเพียงเดินเข้าไปเห็นเข้า พลันแทบน้ำลายไหลออกมา

“ดูแล้วน่าอร่อยยิ่งนัก กลิ่นหอมเสียจริง”

เล่อเหยาเหยาสูดน้ำลาย สายตาอยู่ที่หมูป่าย่างตัวนั้นโดยไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว

ส่วนบนใบหน้าของเธอ เวลานี้ปรากฎอักษรออกมาว่า ‘เธออยากกิน’

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาไม่ขยับไหวติง และน้ำลายลอ ไม่เพียงเซี่ยผิงและเซี่ยลี่ด้านข้างที่แอบปิดปากหัวเราะ กระทั่ง ซิงยังอดหัวเราะอยู่ด้านข้างไม่ได้

จากนั้น เห็นเพียงซิงหยิบมีดคมกริบออกมาจากเอว เพียงมือสะบัดลงครั้งเดียว เนื้อหมูป่าย่างที่หอมฉุยก็ตกอยู่บนจานในมือเขา

“มา เมื่อหิวก็รีบทานเถิด”

นำจานในมือส่งให้แก่เล่อเหยาเหยา ซิงยิ้มมุมปากพลางเอ่ยขึ้น

“ฮ่า ๆ ขอบคุณ พวกเจ้าก็ทานเถิด”

เมื่อรับจานจากซิงมาอย่างไม่เกรงใจ เล่อเหยาเหยายิ้มพลางเอ่ยกับทุกคน หลังเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาหาที่นั่ง ก่อนนั่งลงกินอย่างเอร็ดอร่อย

ทว่าสายตาเธอกลับไม่ละไปจากซิง

เห็นเพียงมือของซิงเคลื่อนไหวอยู่บนตัวหมูป่าย่างนั้นไม่หยุด

เห็นเพียงซิงสะบัดมีดรวดเร็วปานลมกรด เล่อเหยาเหยาแทบไม่เห็นว่ามือเขาเคลื่อนไหวเช่นไร รู้สึกเพียงแสงมีดสะบัดไปมา ทันใดนั้น เนื้อทั่วร่างหมูป่าย่างตัวนั้น ถูกเขาเฉือนออกมาอย่างเป็นระเบียบครบถ้วน หนึ่งคนหนึ่งชิ้น รวมทั้งจานในมือเธอ เป็นจำนวนสามสิบสามชิ้นพอดี