พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหาเหยาอบอุ่นในใจ ทว่าเธอพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อ ก่อนเอ่ยว่า
“เช่นนั้น ข้าต้องกลับต้าเซี่ยในเร็ววันนี้ใช่หรือไม่”
มีเวลาเพียงครึ่งเดือน การอภิเษกจึงค่อนข้างดูรีบร้อน
เพราะเธอเป็นองค์หญิงแห่งต้าเซี่ย เรื่องการอภิเษกทั้งหมดจึงต้องทำตามประเพณีของต้าเซี่ย
และก่อนการอภิเษก เธอจำเป็นต้องกลับไปยังแคว้นต้าเซี่ย
แม้จะต้องแยกกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงครึ่งเดือน เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกตัดใจไม่ได้อย่างยิ่ง
เพราะพวกเธอรู้สึกสนิทสนมกันมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแยกห่างกันเป็นเวลานานเช่นนั้นมาก่อน
ผู้คนต่างบอกว่าหนึ่งวันไม่เจอหน้าดุจผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง เช่นนั้นเธอไม่ได้เจอหน้าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ครึ่งเดือน จะต้องผ่านไปกี่ฤดูใบไม้ร่วงกัน!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาที่ดีใจมีความสุข ถูกความไม่เต็มใจเข้ามาแทนที่
เพราะเธอตอนนี้ไม่อยากห่างจากชายหนุ่มแม้แต่นิดเดียว แม้วันนี้จะเพิ่งแยกจากเขาเพียงตอนเช้า เธอล้วนคิดถึงเขาจนสุดชีวิต!
เล่อเหยาเหยาจึงไม่อยากจินตนาการว่าครึ่งเดือนที่เหลือนี้ ควรจะทำเช่นไรดี
พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยาดูเศร้าสลด
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น จะไม่รู้ความในใจของเล่อเหยาเหยาได้เช่นไร
ความจริงเขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้
แต่สิ่งเหล่านี้คือความจำเป็น
การอภิเษกของพวกเขาเกี่ยวพันระหว่างสองแคว้น ด้วยสถานะของพวกเขาสองคน หากจะจัดงานอภิเษก ย่อมต้องทำตามขนบธรรมเนียมประเพณี
พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยขึ้นว่า
“เพียงแค่ครึ่งเดือน เจ้าเป็นเด็กดีกลับไปรอเปิ่นหวาง อีกครึ่งเดือนเปิ่นหวางจะไปอภิเษกรับตัวเจ้ากลับมา เปิ่นหวาง อยากอภิเษกเจ้ากลับมาตามประเพณี เพื่อเป็นพระชายาของเปิ่นหวาง”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยอย่างรักใคร่ ทุกคำทุกประโยคล้วนหนักแน่น ฝังแน่นลงไปในหัวใจของเล่อเหยาเหยา
เมื่อเห็นชายหนุ่มจริงจังใส่ใจเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาแม้ในใจจะรู้สึกไม่ยินยอม แต่สุดท้ายยังพยักหน้าพร้อมยิ้มว่า
“ได้ เช่นนั้นข้าจะรอท่าน ท่านต้องจำไว้ว่าต้องไปรับตัวข้ากลับมา”
“ฮ่า ๆ แน่นอนอยู่แล้ว เหตุใดจึงอยากอภิเษกกับเปิ่นหวางมากขนาดนี้ หรือกลัวเปิ่นหวางจะไม่ต้องการเจ้า!”
สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋หรี่ดวงตาเย็นชาลง แววตาปรากฎความสนุกขึ้นหลายส่วน
เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มพลันเก้อเขิน แม้จะถูกชายหนุ่มเปิดเผยความในใจออกมา ยังแสร้งทำใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ออกมา ก่อนเอ่ยว่า
“ฮึ ผู้ใดกลัวกัน ข้าไม่ได้ไม่มีผู้ใดต้องการ ท่านไม่เห็นหรือข้ารูปร่างดี หน้าตาสวยสดงดงาม แต่งกับข้าหนึ่งคนได้เพิ่มอีกหนึ่งคนถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่า ทุกคนต่างแย่งชิงกันทั้งนั้น”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาเลิกคิ้วเข้มขึ้นชั่วขณะ ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นก็ยิ้มไม่หยุด
“เจ้าช่างเป็นสาวน้อยที่พิเศษเสียจริง คำพูดแปลกประหลาดเช่นนี้มีเพียงเจ้าที่กล้าพูดออกมา แต่งหนึ่งได้ถึงสอง นั่นคือลูกของเปิ่นหวาง เจ้ากล้าหรือ!”
เอ่ยจบเหลิ่งจวิ้นอวี้ตั้งใจหรี่ดวงตาเย็นชาลง เผยท่าทางโหดเหี้ยมออกมา แต่เล่อเหยาเหยาไม่กลัวเขา และยังตั้งใจยืดหน้าท้องที่ยังมองเห็นไม่ชัดออกมา ก่อนเอ่ยอย่างภูมิใจว่า
“ฮึๆ ท่านดูว่าข้ากล้าหรือไม่กล้า!”
“พอเถิด ดูสิว่าเปิ่นหวางจะรังแกเจ้าเช่นไรดี”
“หึ น่าชังนัก ไม่เอา…”
เอ่ยจบภายในห้องที่มีเสียงหัวเราะค่อยๆ เงียบสงัดลง ก่อนคล้ายมีเสียงหายใจติดขัดที่ทำให้คนหน้าแดงใจเต้นดังออกมา
ด้านนอกพระอาทิตย์คล้อยต่ำตกดิน ยามค่ำคืนค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
พระจันทร์ขาวกระจ่างลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้ากว้างใหญ่ ตามมาด้วยหมู่ดาวนับไม่ถ้วนส่องแสงระยิบระยับ คล้ายกำลังเปิดปากแอบยิ้ม
…
สามวันให้หลัง เล่อเหยาเหยาภายใต้การจัดเตรียมของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ และการคุ้มครองขององครักษ์กลุ่มใหญ่ ค่อยๆ ออกเดินทางสู่แคว้นต้าเซี่ย
หากเดินทางจากเมืองหลวงสู่แคว้นต้าเซี่ย ด้วยม้าเร็วใช้เวลาสี่วันสามคืน แต่หากด้วยความเร็วของรถม้าที่เล่อเหยาเหยานั่ง อย่างน้อยใช้เวลาสิบวัน
เพราะเวลานี้เล่อเหยาเหยาตั้งครรภ์ ความเร็วของรถม้าจึงเร็วเกินไปไม่ได้
ความจริงเหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดไปส่งเล่อเหยาเหยาที่ชายแดนระหว่างแคว้นต้าเซี่ยและเทียนหยวน แต่เล่อเหยาเหยากลับปฏิเสธ
เพราะเธอทราบดี เหลิ่งจวิ้นอวี๋เป็นคนที่มีงานรัดตัว ปกติเพราะเรื่องในราชสำนักยุ่งจนถึงตีสาม ตอนนี้ยังต้องจัดการเรื่องอภิเษกภายในระยะเวลาที่กระชั้นชิดเช่นนี้
เล่อเหยาเหยาจึงกลัวเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะเหนื่อยล้าเกินไป ดังนั้นในวันที่แยกจากกันนั้น จึงทำตัวราวกับยายแก่เอ่ยกำชับเรื่องรักษาสุขภาพกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่หยุด แม้จะบ่นพึมพำไปหลายชั่วยาม แต่ยังคงทำใจจากไปไม่ได้
เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เล่อเหยาเหยายังอดโผล่ศีรษะออกมาทางหน้าต่าง เอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ด้วยน้ำตาไม่ได้ว่า
“ท่านห้ามลืมเด็ดขาด อีกครึ่งเดือนให้หลัง ต้องไปรับตัวข้ากลับมา ข้าจะรอท่าน!”
“เปิ่นหวางไปแน่นอน เจ้ารอเปิ่นหวางเถิด!”
สำหรับความอาลัยอาวรณ์ของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน
คำพูดที่เอ่ยออกมาหนักแน่น และเป็นดั่งคำมั่นสัญญา
ชั่วชีวิตนี้ เขาจะอภิเษกกับเธอเพียงผู้เดียว และไม่เสียใจเด็ดขาด!
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋คิดในใจอย่างแน่วแน่ กลับไม่สังเกตว่าในมุมที่ห่างออกจากพวกเขาไปไม่ไกล มีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา
เห็นเพียงหญิงสาวผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเลือดเย็น
เมื่อรวมเข้ากับรอยยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก จึงทำให้เธอดูดุร้าย
“ฮ่า ๆ คิดอภิเษกกับพี่อวี๋ เจ้าไปลงนรกเสียเถิด!”