“ใช่ครับ” หนานกงเยี่ยยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เรื่องราวความรักของพวกเขาเริ่มต้นไม่เหมือนคนอื่น ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก พวกเขาเพิ่งรักกันในตอนหลัง และไม่เคยทำในสิ่งที่คนเป็นแฟนกันควรทำ เขาหลอกเธอกลับมาจากประเทศเอ้าตู พยายามตามจีบเธอ อยากทำเรื่องโรแมนติกมากมาย แต่เธอไม่เคยให้ความร่วมมือ และนิสัยของเขาก็มักจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้
ความเป็นจริง เขาเองก็ไม่รู้ว่า คนเป็นแฟนกันควรทำอะไร
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม ”ฉันเดาว่าคุณคงไม่รู้ว่าคนเป็นแฟนกันควรทำอะไรบ้างใช่ไหมคะ”
หนานกงเยี่ยยิ้มยอมรับ เขาไม่เคยคบใครมาก่อน และไม่เคยเรียนรู้ด้านนี้มาก่อน ชีวิตของเขาไม่เคยมีคำว่ามีความรักสามคำนี้ แน่นอนว่าเขาไม่รู้
“คนเป็นแฟนกัน ทำหลายอย่างที่ดูเป็นเรื่องธรรมดา อย่างเช่นไปดูหนังด้วยกัน ไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน นั่งดูดีวิดีด้วยกัน เดินชอปปิงด้วยกัน สรุปแล้ว มีอะไรหลายอย่างให้ทำมากมายเลยค่ะ”
“ครับ” หนานกงเยี่ยพยักหน้า ”คุณอยากทำอะไรเป็นอันดับแรก ผมทำกับคุณเอง”
“ดูหนังค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงยิ้มพร้อมกับเอียงศีรษะ ”ฉันเดาว่า คุณคงไม่เคยไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์มาก่อน”
หนานกงเยี่ยยิ้มสารภาพความจริงอีกครั้ง เขาไม่เคยไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์มาก่อน อยากดูหนังสักเรื่อง นั่งดูผ่านคนเดียวอย่างดื่มด่ำได้ ไม่จำเป็นต้องไปต่อแถว แย่งตั๋วหนัง ดังนั้น เขาไม่เคยรู้ว่าการดูหนังในโรงภาพยนตร์พร้อมกับคนมากมาย มันเป็นความรู้สึกอย่างไร
“งั้นเราไปวันนี้กันเถอะค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพูด
“ครับ”
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ หนานกงเยี่ยขับรถด้วยตนเอง พาเหลิ่งรั่วปิงไปโรงภาพยนตร์ที่หรูที่สุดของเมืองหลง
ตามความต้องการของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยเข้าแถวซื้อตั๋วหนังด้วยตนเอง ทั้งยังซื้อป๊อปคอร์นและน้ำอัดลม ถึงแม้ทั้งหมดนี้เขาจะทำด้วยตนเอง แต่เขาจับมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ตลอดเวลา ไม่เคยปล่อยมือเธอแม้แต่วินาทีเดียว เขากลัวว่าถ้าเผลอแล้วเธอจะหายไป
นั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์มืดๆ ดูหนังรักน้ำเน่า หนานกงเยี่ยรู้สึกเบื่อมาก แต่ก็กลัวจะทำให้เหลิ่งรั่วปิงหงุดหงิด ดังนั้นเขาจึงฝืนตัวเอง สุดท้ายเขาก็ไม่ดูหน้าจอโปรเจคเตอร์ แต่ก้มหน้ามองคนที่อยู่ในอ้อมกอด ดูเหมือนเหลิ่งรั่วปิงจะตั้งใจดูมาก กินป๊อปคอร์นทีละชิ้นๆ อย่างเป็นจังหวะ สายตาจับจ้องจอภาพยนตร์ตลอดเวลา
เขานึกถึงสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอ ขอแค่เธออยู่ข้างกายเขา เขาจะชอบทุกอย่างที่เธอชอบ เกลียดทุกอย่างที่เธอเกลียด เขาจะต้องทำมันให้ได้ ด้วยเหตุนี้ หนานกงเยี่ยจึงเบนสายตาหันกลับไปดูหนังอีกครั้ง พยายามทำให้ตัวเองดื่มด่ำกับเนื้อเรื่อง หลังจากดูไปสักพัก เขาก็ดื่มด่ำกับเนื้อเรื่องแล้ว ตอนที่พระเอกกับนางเอกต้องเลิกกันเพราะเหตุผลบางอย่าง หนานกงเยี่ยรู้สึกทรมานไปทั้งตัว ตอนที่เขาก้มหน้าลงมองหญิงสาวในอ้อมกอด พบว่าเธอเองก็ดูเสียใจเหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกระชับอ้อมกอด ”ที่รัก พวกเรามีลูกด้วยกันสักคนดีไหมครับ” พยายามสังเกตสีหน้าของเธอ ”มีลูกด้วยกัน คุณจะได้ไม่อยากไปจากผมมากขนาดนี้อีก”
เหลิ่งรั่วปิงเงียบ ดูหนังและกินป๊อปคอร์นต่อ ถ้ามีแค่ความแค้น บางทีเธออาจจะลองมีลูกได้ ดูว่าเธอจะปล่อยวางความแค้นในใจได้ไหม เพราะถึงอย่างไรเธอก็รักเขา แต่เธอไม่ไยดีอาเธอร์ไม่ได้ ดังนั้น เธอจะไม่มีวันมีลูกกับเขา
ไม่ได้รับคำตอบ หนานกงเยี่ยก็ไม่ได้เค้นถาม ความเงียบของเธอเป็นคำตอบแล้ว เธอไม่ต้องการ
หลังจากหนังจบลง คู่รักที่นั่งด้านหน้าร้องไห้เพราะความซึ้ง หญิงสาวซบไหล่ชายหนุ่มแล้วร้องไห้ไม่หยุด ”พวกเขารักกันมากขนาดนี้ ทำไมถึงเอาชนะความยากลำบากไม่ได้ แล้วเลือกที่จะอยู่ด้วยกัน?”
ชายหนุ่มตบไหล่หญิงสาวด้วยความปวดใจ ”พอได้แล้วๆ อย่าร้องไห้เลยนะ เป็นแค่หนังเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริง”
หญิงสาวยังคงร้องไห้ไม่หยุด ”ถ้านายเป็นพระเอก นายจะเลิกกับฉันไหม”
“ไม่ แล้วเธอล่ะ”
“ฉันเองก็ไม่เหมือนกัน ในเมื่อเรารักกันแล้ว ก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยความกล้าหาญ ไม่ว่าฟ้าจะผ่าลงมาก็ไม่มีแยกจาก”
ฟังบทสนทนาของคู่รักด้านหน้า หนานกงเยี่ยมองเหลิ่งรั่วปิงอย่างใจจดใจจ่อ ”ที่รักครับ พวกเราก็พยายามเพื่อความรักของเราดีไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเองก็หวั่นไหว เธอก้มหน้าเงียบอยู่พักหนึ่ง แล้วพยักหน้าเบาๆ ”ค่ะ”
สีหน้าของหนานกงเยี่ยฉายความสุขออกมา เขากระชับอ้อมกอด ใช้แก้มถูผมของเธอ
เดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ เวลาล่วงเลยไปถึงตอนเที่ยงแล้ว ทั้งสองจึงไปกินข้าวในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
สั่งอาหาร จัดช้อนส้อมให้กับเหลิ่งรั่วปิงเสร็จ นหานกงเยี่ยเอาแต่ก้มหน้าลงดูโทรศัพท์ นิ้วเรียวยาวที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนเลื่อนหน้าจอไปมา ขมวดคิ้วเป็นครั้งคราว ส่ายหน้าเป็นครั้งคราว สีหน้าของเขาดูลำบากใจมาก
เหลิ่งรั่วปิงมองอยู่นาน สุดท้ายอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น ”คุณกำลังทำอะไรอยู่คะ”
“…” หนานกงเยี่ยลังเลพักหนึ่ง พูดด้วยความประหม่า ”เปล่า…ไม่มีอะไรครับ”
ขณะพูด หนานกงเยี่ยปิดโทรศัพท์ แต่เหลิ่งรั่วปิงคว้าโทรศัพท์ของเขามา มองดูเนื้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ เหลิ่งรั่วปิงอดหัวเราะไม่ได้ ”แค่นี้ก็ต้องเสิร์ชหาข้อมูลด้วย?”
เมื่อกี้หนานกงเยี่ยเสิร์ชอินเทอร์เน็ต หาข้อมูลเรื่องโรแมนติกที่ผู้หญิงกับผู้ชายทำเวลาเป็นแฟนกัน ผู้ชายต้องทำยังไงถึงจะทำให้ผู้หญิงมีความสุข
หนานกงเยี่ยรู้สึกขายหน้ามาก จึงแย่งโทรศัพท์กลับมา ”กินข้าวของคุณไปเลย”
เพราะเขาไม่รู้ก็เลยต้องหาข้อมูล เขาอยากจะทำให้เธอมีความสุขตลอดเวลา แต่นิสัยของทั้งสองคนต่างก็ดื้อด้าน เขามักจะควบคุมความโมโหของตนเองไม่ได้ กลัวว่าจะทำให้เธออารมณ์เสีย
เหลิ่งรั่วปิงมองหนานกงเยี่ยอย่างรู้สึกตลก ”นิสัยแย่ๆ แบบคุณ เสิร์ชไปก็ไม่มีประโยชน์”
“…” หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปม ”ทำไมต้องดูถูกผมด้วย”
“ดูโทรศัพท์คุณนิดหน่อยก็ชักสีหน้าให้ฉันแล้ว อยากจะทำให้ฉันมีความสุขไม่ใช่เหรอคะ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ชักสีหน้า แล้วจะทำให้ฉันมีความสุขได้ยังไง”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะ ”ครับๆๆ คุณพูดถูก ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง หืม?”
หนานกงเยี่ยเบ้ปาก ไม่ได้พูดอะไร มีแขกไม่ได้รับเชิญมาสองคน ถังเฮ่าและอวี้ไป่หัน
ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันนั่งลง พวกเขามองหนานกงเยี่ยแล้วมองเหลิ่งรั่วปิง เมื่อวานพวกเขาได้ยินมู่เฉิงซีบอกว่า เหลิ่งรั่วปิงตัดสินใจที่จะหย่าแล้ว หนานกงเยี่ยเสียใจจนแทบบ้า แต่วันนี้ทั้งสองคน กลับเหมือนท้องฟ้าที่กลับมาสดใสหลังจากฝนตก ทั้งยังพูดคุยกันอย่างมีความสุข
ปากสุนัขของอวี้ไป่หัน อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น ”ดูจากท่าทางของพวกนาย ดีกันแล้ว?”
หนานกงเยี่ยไม่อยากพูดสัญญาระหว่างพวกเขาสองคนออกไปพร่ำเพรื่อ ดังนั้นเขาจึงชำเลืองมองอวี้ไป่หันด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ จากนั้นถอนสายตากลับมา ไม่สนใจอวี้ไป่หันอีก
ถึงแม้อวี้ไป่หันจะปากเสีย แต่เขาเป็นฉลาด แค่มองแววตาของหนานกงเยี่ยก็รู้ว่าทั้งสองคนไม่ได้คืนดีกันเหมือนอย่างที่เห็น ถึงแม้จะได้รับสายตาไม่พอใจจากหนานกงเยี่ย แต่เพื่อนสนิทไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง ”รั่วปิง ความแค้นของคนรุ่นก่อน พวกเราอย่าเก็บมาใส่ใจเลยดีไหม คุณจะไปหาผู้ชายที่ทั้งเก่งและรักคุณอย่างหนานกงได้จากที่ไหนอีก”
ถังเฮ่ารีบช่วยพูดโน้มน้าว ”จริงด้วย รั่วปิง พวกฉันคอยดูจนพวกเธอได้อยู่ด้วยกัน ผ่านเรื่องราวมากมายกว่าจะได้รักกัน เรื่องเก่าๆ เมื่อหลายสิบปีก่อน เราข้ามผ่านมันไปเถอะ หืม?”
เหลิ่งรั่วปิงไม่รีบร้อน กินอาหารในจานช้าๆ ”คุณหนานกงเยี่ย เวลาคุณเดทกับแฟนต้องให้เพื่อนของคุณมาช่วยด้วยเหรอคะ”
เสียงของเหลิ่งรั่วปิงไม่ดัง แต่กลับเต็มไปด้วยความประชดประชัน ทำเอาหนานกงเยี่ยรู้สึกลำบากใจ เขาหันไปมองถังเฮ่าและอวี้ไป่หัน ”เรื่องของพวกฉัน พวกฉันจัดการเองได้ ถ้าพวกแกไม่มีธุระอะไรก็ไสหัวไป”
ถูกคนขับไล่ ทว่าอวี้ไป่หันไม่มีทีท่าจะออกไป เขายิ้มแล้วพูด ”หรือว่าทั้งสองกำลังหาความรู้สึกของคนคบกัน” หัวเราะด้วยความรู้สึกตลก ”หนานกง จอมเผด็จการอย่างนาย สวีทหวานเป็นด้วยเหรอ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองอวี้ไป่หันด้วยสายตาเย็นยะเยือก ทำเอาไหล่ทั้งสองข้างของอวี้ไป่หันหดเล็กลง ขณะที่อวี้ไป่หันคิดว่าจอมเผด็จการกำลังจะระเบิดอารมณ์ หนานกงเยี่ยกลับพูดเสียงเย็นยะเยือก ”ถ้าอย่างนั้นแกก็สอนฉันหน่อยดิ”
ในสายตาของหนานกงเยี่ย อวี้ไป่หันไม่มีความสามารถด้านอื่น แต่การทำให้ผู้หญิงมีความสุขเป็นความถนัดของเขา
อวี้ไป่หันยิ้มแห้ง ”ช่างเถอะๆ วิธีของฉันใช้ได้กับผู้หญิงชั้นต่ำเท่านั้น ไม่เหมาะกับรั่วปิง” ความเป็นจริงเขาเองก็ไม่รู้ว่าการคบกันเป็นอย่างไร ตอนที่เจอกับไซ่หย่าเซวียน เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก ”แต่ว่า ฉันมีความคิดดีๆ มาเสนอ พวกแกไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันสิ”
หนานกงเยี่ยรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดี แต่เขาลังเลเล็กน้อย เพราะเหลิ่งรั่วปิงไม่ชอบอากาศหนาว
อวี้ไป่หัน ”ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ แกชอบเล่นสเก็ตน้ำแข็งมาก แต่คนที่บ้านไม่อนุญาตให้แกไปเล่น มีครั้งหนึ่งแกแอบหนีออกมาเล่นกับพวกฉัน หลังจากกลับไปถูกลงโทษให้คุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษตลอดทั้งคืน”
“ดีเหมือนกันค่ะ ฉันเองก็อยากเล่นสเก็ตเหมือนกัน” เหลิ่งรั่วปิงวางตะเกียบลง วัยเด็กของเขาขาดอะไร เธอจะเป็นคนเติมเต็มให้เขาเอง
หนานกงเยี่ยลังเลเล็กน้อย ”ลานไอซ์สเก็ตหนาวมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ใส่หนาๆ ก็พอแล้ว ฉันชอบเล่นสเก็ตมาก”
“ครับ กินเยอะๆ เดี๋ยวกินอิ่มแล้วพวกเราไปกัน” พูดจบ หนานกงเยี่ยหันไปพูดกับอวี้ไป่หัน ”ไปลานไอซ์สเก็ตที่แกเปิด ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เคลียร์คนออกไปให้หมด”
“ได้เลย!” อวี้ไป่หันยิ้มด้วยความขยันขันแข็ง เอาบัตรวีไอพีออกมาสองใบ ”ชั้นบนมีห้องสูทระดับห้าดาว ถ้าพวกแกเล่นสเก็ตจนเหนื่อยก็ขึ้นไปเปิดห้องชั้นบนได้เลย”
สีหน้าหนานกงเยี่ยไร้ความรู้สึก รับบัตรวีไอพีมาอย่างไม่เกรงใจ
ด้วยเหตุนี้ หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ หนานกงเยี่ยพาเหลิ่งรั่วปิงไปยังลานไอซ์สเก็ตที่หรูและใหญ่ที่สุดของเมืองหลง เป็นลานไอซ์สเก็ตภายใต้ชื่อของอวี้ไป่หัน
มาถึงลานไอซ์สเก็ต พนักงานรีบมาต้อนรับทันที เดินนำหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงไปที่ห้องเปลี่ยนชุด ซึ่งได้จัดเตรียมรองเท้าสเก็ตคู่ใหม่และเสื้อโค้ทตัวหนาเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ ทั้งหมดนี้อวี้ไป่หันเป็นคนสั่ง
“เมื่อก่อนไม่เคยเล่นมาก่อน?” หนานกงเยี่ยเปลี่ยนรองเท้า พร้อมกับถามขึ้น
“เคยเล่นสิคะ” เหลิ่งรั่วปิงดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ภายในใจของเธอกลับว้าวุ่น ความเป็นจริงเธอไม่ได้เล่นสเก็ตน้ำแข็งมานานแล้ว ความทรงจำส่วนมากของเธอหยุดเอาไว้ในตอนเด็ก ตอนนั้นพ่อของเธอมักจะพาเธอไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง พ่อบอกเธอทุกครั้งว่า แม่ของเธอชอบเล่นสเก็ตน้ำแข็งมาก ทั้งยังมักจะบอกเธอว่า เธอสวยเหมือนแม่อย่างไรบ้าง อ่อนโยนเหมือนแม่อย่างไรบ้าง
เหลิ่งรั่วปิงจำได้ดี ตอนที่พ่อหวนนึกถึงแม่ของเธอ มักจะเคล้าไปด้วยความเจ็บปวด ดูท่าพวกเขาคงจะรักกันมาก ไม่อย่างนั้นทั้งที่แม่ตายไปนานกว่าสิบปีแต่พ่อยังคงไม่ยอมแต่งงานกับใคร ตอนนี้ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว ทำไมพ่อถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกติดอย่างเจี่ยนชิว เพราะเจี่ยนชิวได้รับการฝึกมาจากหนานกงจวิ้น เหมือนแม่ทุกอย่าง ที่พ่อแต่งงานกับเจี่ยนชิวเพื่อฝากฝังความรู้สึกก็เท่านั้น
เห็นเหลิ่งรั่วปิงเหม่อลอย หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย “กำลังคิดอะไรอยู่ครับ”
“ฉันกำลังคิดถึงพ่อของฉันค่ะ”