หัวใจของหนานกงเยี่ยเหมือนโดนอะไรบางอย่างกรีดแทง เขาหยุดการกระทำของตนลงกะทันหัน บรรยากาศในห้องแปรเปลี่ยนเป็นหดหู่
เมื่อก่อน เหลิ่งรั่วปิงเธอเคยคิดถึงพ่อของเธอต่อหน้าเขา เขารู้สึกสงสารเธอทุกครั้ง แต่ตอนนี้ นอกจากสงสารแล้ว มากกว่านั้นคือความละอาย เขารู้สึกติดค้างเธอมากมาย มากมายจริงๆ
หนานกงเยี่ยลุกขึ้นช้าๆ โอบกอดเหลิ่งรั่วปิงที่กำลังบอบช้ำจากด้านหลัง ”ขอโทษนะครับ ที่รัก ผม…”
เขาอยากบอกว่า เขาจะชดใช้ให้เธอ แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก เพราะเธอไม่ต้องการ เธอเคยบอกแล้ว เขาไม่อาจชดใช้ให้เธอได้ เขาไม่อาจชดใช้พ่อให้เธอได้
หลังจากเงียบไปสักพัก รั่วปิงคลี่ยิ้มบางๆ ”พวกเราไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันเถอะค่ะ”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงเดินไปด้านหน้า เดินไปยังลานไอซ์สเก็ต เธอรู้มาโดยตลอด เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ว่าโชคชะตากลั่นแกล้ง พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว เวลาครึ่งเดือนที่เหลือถือเป็นการบอกลาของเธอ
หนานกงเยี่ยเดินตามหลังเธอช้าๆ รักษาระยะห่างที่ดีที่สุดเอาไว้ แผ่นหลังของเธอดูบอบบาง แต่ก็เข้มแข็งในเวลาเดียวกัน ถึงแม้เธอจะไม่ได้โมโห และไม่ได้ห่างเหินกับเขา แต่หนานกงเยี่ยรู้ดี เมื่อกี้ หัวใจของเธอไกลออกไปจากเขาแสนไกล
คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเล็กน้อย เสียงถอนหายใจดังขึ้นในใจ เขาเริ่มสงสัย เมื่อชาติก่อนเขาทำความผิดอะไรเอาไว้หรือเปล่า ชาตินี้เขาถึงต้องโดดเดี่ยวแบบนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว วันนี้เขาเจอเธอแล้ว แต่กลับมีอุปสรรคมากมาย ความรักของเขาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว นอกจากเธอ เขาไม่อาจรักใครได้อีก ถ้าเธอดึงดันจะไป เช่นนั้นเขาก็ถูกกำหนดให้โดดเดี่ยวตลอดชีวิต
ดังนั้น เขาไม่มีวันปล่อยมือ แม้ต้องกักขังเธอไปทั้งชีวิต เขาก็ไม่มีวันปล่อยมือ เขาจะจองจำตนเองเอาไว้กับเธอ
ทักษะในการเล่นสเก็ตน้ำแข็งของเหลิ่งรั่วปิงเยี่ยมาก ในลานไอซ์สเก็ตขนาดใหญ่ เธอเหมือนนกนางแอ่นโผบิน ทุกที่ที่เธอเคลื่อนผ่าน ล้วนทิ้งโค้งที่สวยงามเอาไว้ หนานกงเยี่ยรีบตามหลังไป อยากจะจับมือของเหลิ่งรั่วปิง แต่เธอกลับหลบหลีกทุกครั้ง
ลานไอซ์สเก็ต เหมือนกับเป็นเกม เขาร้อนใจอยากจะเข้าใกล้เธอ แต่ทุกครั้งที่เขาเข้าไปใกล้เธอกลับหนีได้สำเร็จทุกครั้ง
เหมือนเส้นทางความรักของพวกเขา ทุกครั้งที่เขารู้สึกเข้าใกล้ความรัก เธอก็จะไปจากเขาทุกครั้ง
ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา การจากไปทุกครั้งของเธอล้วนเป็นความผิดของเขา หนานกงเยี่ยเอาแต่โทษตัวเอง
สองชั่วโมงผ่านไป เหลิ่งรั่วปิงเหนื่อยแล้ว เธอยืนพิงตรงระเบียงเพื่อพักหายใจ หนานกงเยี่ยเคลื่อนตัวไปใกล้เธอ แล้วโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ก้มหน้าลงมองใบหน้าเล็กๆ ที่ถูกไอเย็นพัดผ่าน ”หนาวไหมครับ”
มุมปากของเหลิ่งรั่วปิงมีรอยยิ้มตลอดเวลา เธอสวยจนเหมือนไม่ใช่ความจริง ”จะหนาวได้ยังไงคะ ออกกำลังมานานขนาดนี้ เหงื่อท่วมตัวแล้ว”
“ครับ” มือทั้งสองข้างของหนานกงเยี่ยจับแก้มเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ ”เหนื่อยก็กลับกันเถอะ ไป่หันเปิดห้องสวีทระดับห้าดาวที่อยู่ชั้นบนให้เราแล้ว ถ้าไม่ไปใช้สักหน่อยก็ดูสิ้นเปลือง
“ได้ค่ะ”
เหลิ่งรั่วปิงกำลังจะไป จู่ๆ หนานกงเยี่ยดึงตัวเธอเข้าไปกอด เขาประทับจุมพิตลงมาได้ทันเวลา ลมหายใจของเขาโอบล้อมเธอเอาไว้
จูบนี้ เหมือนเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของ เขากำลังแสดงให้เห็นว่าเขาตัดสินใจเด็ดขาดแค่ไหน ที่จะให้เธออยู่กับเขา
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็คลายจูบ จับมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้แล้วเดินออกไปจากลานไอซ์สเก็ต แล้วเปลี่ยนรองเท้า จากนั้นพนักงานก็เดินนำพวกเขาขึ้นไปบนห้องสวีทชั้นบน
เหลิ่งรั่วปิงอาบน้ำอุ่นและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว นั่งพักผ่อนบนเตียง
หนานกงเยี่ยหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าให้เธอ ”เหนื่อยมากเหรอครับ”
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงดื่มด่ำกับการดูแลของเขาเงียบๆ อนาคตจะไม่มีชีวิตแบบนี้อีกแล้ว อบอุ่นเล็กน้อยถือว่าไม่เลว
เป่าผมให้เธอจนแห้ง หนานกงเยี่ยเองก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนที่เขากลับมา เห็นเหลิ่งรั่วปิงนอนบนเตียงแล้ว เขาจึงมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม นอนอยู่ข้างๆ เธอ มือแข็งแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้
ตอนที่ตื่นขึ้นมา ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงตื่นก่อน เธอพบว่าตนเองยังถูกเขากอดแน่น เธอไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เธอรู้ดีว่าเขารู้สึกไม่ปลอดภัย
สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของคนในอ้อมกอด หนานกงเยี่ยตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ”หิวไหมครับ”
“ค่ะ หิวแล้ว”
หนานกงเยี่ยกดโทรศัพท์บนโต๊ะ สั่งให้พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ
ไม่นาน พนักงานเคาะประตูห้อง หนานกงเยี่ยเดินไปรับรถอาหารด้วยตนเอง ขณะที่กำลังจัดวางช้อนส้อมเขาก็ร้องเรียกเหลิ่งรั่วปิง ”กินข้าวได้แล้วครับ”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้ชักช้า เธอไปนั่งตรงโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกินคำโต ”คืนนี้พวกเราจะพักที่นี่เหรอคะ”
“ครับ แต่ถ้าคุณไม่ชอบพวกเรากลับไปนอนที่วิลล่าหย่าเก๋อก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปนอนที่วิลล่าหย่าเก๋อเถอะค่ะ ตอนกลางคืนพวกเราจะได้ดูดีวีดีด้วย”
“ดูดีวีดี?” หนานกงเยี่ยตกใจเล็กน้อย
“ใช่ค่ะ ดูหนังผีด้วยกันไง” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ ”ฉันเดาว่าตอนเด็กคุณคงไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน ตอนเด็กๆ ฉันกับเวินอี๋ มักจะอยู่ในห้องนอนด้วยกัน ล็อกประตูห้อง ปิดม่านให้สนิท ปิดไฟทุกดวง แล้วนั่งดูหนังผีด้วยกัน ทุกครั้งที่ดูฉันกลัวจนไม่กล้านอน จากนั้นพวกเราก็นอนเบียดกันบนเตียง ลืมตาและพูดคุยกันถึงเช้า”
หนานกงเยี่ยอดยิ้มไม่ได้ ”ในเมื่อกลัวขนาดนี้ ทำไมต้องดูด้วยครับ”
“เป็นความสุขอย่างหนึ่งค่ะ เพราะกลัว ดังนั้นพวกเราจึงใกล้ชิดกันมากขึ้น ตอนนอนต้องจับมือกันแน่น”
หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความหึงหวง ”โชคดีที่เวินอี๋เป็นผู้หญิง ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการเธอซะ”
เหลิ่งรั่วปิงกลอกตามองบนให้กับหนานกงเยี่ย ”เป็นผู้ชายแล้วยังไงคะ ตอนนั้นพวกเรายังเด็กมาก”
“แบบนั้นก็ไม่ได้!”
“คุณเผด็จการเกินไปแล้ว!”
หนานกงเยี่ยยิ้มร่าเหมือนดอกไม้ ”คุณเป็นภรรยาของผมนี่ครับ นอนกับผมแค่คนเดียว”
เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก ยิ้มแล้วหลบตาลง เพื่อซ่อนความรู้สึกผิดที่ฉายออกมาผ่านแววตาคู่สวย
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งสองกลับไปที่วิลล่าหย่าเก๋อ หนานกงเยี่ยซื้อดีวีดีอย่างว่าง่าย ปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมดในห้องนอน เลิกปิดม่านจนสนิท จากนั้นทั้งสองก็นั่งอยู่บนเตียง นั่งดูดีวีดีผ่านคอมพิวเตอร์ด้วยกัน
ในห้องมีแต่แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กะพริบไปมา บรรยากาศเปี่ยมด้วยความน่ากลัว ในหนังมีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นเป็นพักๆ
ว่ากันว่าความกลัวในวัยเด็กจะอยู่กับเราตลอดชีวิต ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะเคยผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่กลัวแม้แต่ความตาย แต่กลับมาดูดีวีดีแบบนี้ใหม่อีกครั้ง เธอยังคงกลัวและขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยไม่ได้รู้สึกกลัว เขามองดูหญิงสาวที่ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของตน ภายในใจรู้สึกมีความสุขมาก ถ้ารู้แต่แรกว่าหนังผีทำให้เธอเป็นฝ่ายเข้าหาเขาแบบนี้ เช่นนั้นเขาคงทำเรื่องพิเศษแบบนี้กับเธอตั้งนานแล้ว เขาคิดว่าผู้หญิงของตนเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรมาโดยตลอด ที่แท้เธอกลับกลัวดีวีดีแผ่นเล็กๆ แค่นี้
ตอนที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ฉายภาพเล็บมือยาวเปื้อนเลือดซูมขยายใหญ่ เหลิ่งรั่วปิงตกใจจนร้องกรี๊ด ”ว๊าย” มุดตัวไปในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย เหลือแค่ตาสองดวงเท่านั้น ที่แอบเหล่มองหน้าจอคอมพิวเตอร์
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงดัง พร้อมทั้งกอดเหลิ่งรั่วปิงแน่น
เหลิ่งรั่วปิงตบหน้าเขาเบาๆ ด้วยความโมโห เพื่อหยุดการหัวเราะของเขา ”ทำไมต้องหัวเราะด้วยคะ ทำลายบรรยากาศจริงๆ”
หนานกงเยี่ยพยายามหยุดหัวเราะ ”ครับๆๆ ไม่หัวเราะแล้ว ความเป็นจริง…ผมเองก็ตกใจเหมือนกัน”
เหลิ่งรั่วปิงหยุดชะงักสองวินาที จากนั้นชำเลืองมองหน้าหนานกงเยี่ย เบะปากด้วยความโมโห เขาหลอกเธอ เธอรู้ดี เขาเห็นเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่หลอกได้ง่ายๆ หรือไง!
แน่นอน หนานกงเยี่ยรู้ดีว่าผู้หญิงของตนหลอกไม่ได้ง่ายๆ เขาพยายามปรับสีหน้าของตนเอง พูดกระซิบเสียงเบา ”ที่รัก หนังเรื่องนี้น่ากลัวมากเลย”
“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ ยื่นมือไปตีแขนของหนานกงเยี่ย ”คนบ้า ทำไมคุณต้องทำตัวแบบนี้เพื่อมาหลอกฉันด้วย”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยเองก็หัวเราะ ”ครับๆ รีบดูเร็วเข้า ผีออกมาอีกแล้ว”
ดูหนังผีจบ ภายในห้องเงียบสงบ ทำให้ดูน่ากลัวมากกว่าเดิม ด้านนอกมีลมพัดผ่าน กิ่งก้านที่เพิ่งผลิใบอ่อนแกว่งไปมาตามสายลม เงาของต้นไม้ตกกระทบมาที่ผ้าม่าน ส่งเสียงอื้ออึง เหลิ่งรั่วปิงแนบตัวชิดกับหนานกงเยี่ยไม่กล้าผละออก แค่หลับตาก็รู้สึกเหมือนผีจะโผล่มา
หนานกงเยี่ยรู้สึกอิ่มเอมใจมาก สองวันนี้เขาต้องคอยดูสีหน้าของเธอมาโดยตลอด ทั้งยังเอาแต่ปฏิเสธและไม่สนใจไยดีเขา แต่ตอนนี้ แค่หนังผีเรื่องเดียว กลับทำให้เธอเข้าใกล้เขามากขนาดนี้
“พอแล้วครับ นอนกันเถอะ” หนานกงเยี่ยปิดคอมพิวเตอร์ เอาตัวเหลิ่งรั่วปิงยัดเข้าไปในผ้าห่ม จากนั้นเขาก็ล้มตัวลงนอน
เพิ่งล้มตัวลงนอน เหลิ่งรั่วปิงขยับเข้ามาใกล้ คว้าจับคอเสื้อของเขาแน่น ใบหน้าเล็กๆ ของเธอคลอเคลียซอกคอของเขา ตั้งใจสัมผัสให้ดี หัวใจของเธอเต้นเร็วมาก เธอยังคงกลัวอยู่
ท่ามกลางความมืด หนานกงเยี่ยยกมุมปาก ถ้าเขารู้จักกับเธอตั้งแต่ตอนเด็กๆ เวลาดูหนังผีกับเธอ เขาก็กอดเธอนอนได้แล้วใช่ไหม
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้น จูบริมฝีปากของเขา เพราะความกลัว ทำให้เธอสั่นเทาเล็กน้อย เหมือนต้องการจูบของเขามาปลอบโยนตนเอง
หนานกงเยี่ยไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียว เขาจูบตอบเธอทันที โอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด…
กลางคืนมีฝนตกลงมา เสียงของฝนในฤดูใบไม้ผลิกวาดความหวาดกลัวออกไป พร้อมกับนำพาความอบอุ่นคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง
วันที่สอง แสงแดดสาดส่อง นกน้อยเดินเล่นบนกิ่งไม้แต่เช้าตรู่ ขับร้องบรรเลงเพลง
เพราะนอนดึกมาก เหลิ่งรั่วปิงจึงตื่นสาย ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาก็เห็นหนานกงเยี่ยนั่งอยู่ข้างเตียง นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์
เธอดูออก เขาไม่วางใจ กลัวเธอจะหนีไป ดังนั้นเขาจึงไม่ไปทำงานที่บริษัทแล้ว แต่เอางานทั้งหมดกลับมาทำที่บ้าน เพื่อจะได้เฝ้าดูเธอตลอดเวลา
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไร สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากตื่นขึ้น ก็คือหยิบยาคุมในลิ้นชัก ถึงยังไงก็จะไปจากที่นี่แล้ว เขาไม่ยอมใส่ถุงยางอนามัย เธอเองก็ไม่บีบบังคับ จึงทำได้เพียงกินยาคุมทุกครั้งหลังจากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
มองเหลิ่งรั่วปิงกินยา หนานกงเยี่ยมองดูเงียบๆ หลายวินาที ไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าลงทำงานต่อ เขาถึงขั้นรู้สึกว่า ในท้องน้อยของเธอมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ แล้ว
หลังจากเหลิ่งรั่วปิงออกมาจากห้องน้ำ หนานกงเยี่ยปิดคอมพิวเตอร์ ยิ้มแล้วเดินไปกุมมือเธอ ”วันนี้อยากทำอะไรครับ”
เหลิ่งรั่วปิงคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว ”วันนี้ไปสวนสนุกกันเถอะค่ะ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว ”นั่นเป็นสถานที่ที่เด็กๆ ไป”
“ใช่ค่ะ แต่คุณไม่เคยไปมาก่อนนี่คะ ถือเป็นการชดเชยวัยเด็กของคุณ”
“ครับ” หนานกงเยี่ยยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เขาเลื่อนเปิดโทรศัพท์ กำลังจะโทรหาใครบางคน เขาจะเหมาสถานที่อีกแล้ว!
“เฮ้อ คุณหนานกงเยี่ย คุณอย่าใช้อำนาจของคุณเหมาสวนสนุกเด็ดขาด”
“?” ไม่เคลียร์พื้นที่แล้วเขาจะเล่นอย่างไร ให้คนเมืองหลงเห็นเขาไปสวนสนุก ถ้าอย่างนั้น…