บทที่ 150
แต่เฉินโม่ไม่อยากโจมตีอาณาเขตใหญ่ รวบรวมพลังทิพย์กระบี่ ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือ สามารถเคลื่อนที่ไปไกลพันเมตร และฆ่าศัตรูได้
ซังซังสีหน้าตกตะลึง มองเฉินโม่ด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ
เฉินซงจื่อมีสีหน้าเลื่อมใส หมอบลงบนพื้น ตะโกนเสียงสูงว่า “พลังของอาจารย์ เป็นหนึ่งในใต้หล้า!”
ฉู่เหวินสงและคนอื่น รีบก้มตัวคำนับ “เฉินไต้ซือ เป็นหนึ่งในใต้หล้า! พวกเราเลื่อมใส!”
พวกผู้มีอิทธิพล ที่ยอมจำนนต่อตระกูลหลิน ต่างมีสีหน้าตกตะลึง รีบหมอบลงบนพื้นอย่างตระหนก ตะโกนเสียงสูงตามไปด้วย “พลังของเฉินไต้ซือ ไร้เทียมทาน พวกเรายอมจำนน!”
ทันใดนั้น ทุกคนบนจุดชมวิว พากันหมอบลงบนพื้น บูชาเฉินโม่เป็นเทพ
มีเพียงเอียนชิงเฉิงกับซังซัง ยืนนิ่งอยู่อีกด้าน มองแผ่นหลังหนึ่งในใต้หล้าของเฉินโม่ ในใจเอียนชิงเฉิงตกใจเป็นอย่างมาก
ถ้าพูดว่าในหอรวมทรัพย์ของเจี่ยจิ้งอานเมื่อครั้งก่อน เอียนชิงเฉิงโดนพลานุภาพแข็งแกร่ง ของเฉินโม่พูดตัดสินเป็นตาย จนจิตวิญญาณสั่นสะเทือน งั้นครั้งนี้ฆ่าศัตรูที่ไกลออกไปพันลี้ ด้วยกระบี่เดียว คนเดียวกดดันให้ผู้มีอิทธิพลเกือบครึ่งในฮ่านหยาง หมอบลงบนพื้น ทำให้เอียนชิงเฉิงเริ่มรู้สึกเลื่อมใสเฉินโม่
ถึงขนาดความคิดที่เอียนชิงเฉิง ลังเลในใจอยู่นาน ตัดสินได้ในพริบตา
เฉินโม่มองพวกลูกน้องตระกูลหลิน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ใช้น้ำเสียงราบเรียบของหลินเจี้ยนเฟิงพูดว่า “พวกนายจะยอมจำนน หรือตาย!”
พวกลูกน้องตระกูลหลินสิบกว่าคน รีบคุกเข่าลง พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเรายอมจำนน!”
“ในเมื่อยอมจำนนแล้ว งั้นพาฉันไปตระกูลหลิน!”
ลูกน้องตระกูลหลินสิบกว่าคนตกตะลึง แต่เห็นท่าทีเฉยชาของเฉินโม่ ไม่มีใครกล้าคัดค้านสักคน
ในบรรดานั้น ลูกน้องที่เป็นหัวหน้า พูดอย่างตัวสั่นงันงก “เฉิน เฉินไต้ซือ ผลการฝึกตนของผู้นำตระกูลหลิน แข็งแกร่งกว่าหลินเจี้ยนเฟิงมาก ถ้าเรากลับไป ต้องรอดกลับมายากแน่นอน!”
เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบ “ไม่เป็นไร พวกนายสนใจแค่นำทางไปก็พอ”
เมื่อฉู่เหวินสงและคนอื่นได้ยิน สีหน้าตกตะลึงอีกครั้ง ในใจของพวกเขา มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาพร้อมกัน “เฉินโม่จะใช้เลือดล้างตระกูลหลินจริงเหรอ”
แค่มีความคิดนี้ขึ้นมา ฉู่เหวินสงก็เลือดพลุ่งพล่านแล้ว
“เฉินไต้ซือ จะให้ผมไปเรียกรวมคนไหมครับ” ฉู่เหวินสงถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น
เฉินโม่ส่ายหน้า พูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่ต้อง ทำลายตระกูลหลิน แค่ฉันคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
พวกผู้มีอิทธิพลตกใจมาก ทำลายตระกูลหลิน แค่ฉันคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!
กลัวว่าทั้งโลกคงไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้ ยกเว้นเฉินโม่!
นี่มันความเกรี้ยวกราดระดับไหนกัน! นี่มันความมั่นใจระดับไหนกัน!
สายตาที่ทุกคนมองเฉินโม่ ยิ่งเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันเคารพเฉินไต้ซือเหมือนเทพ!”
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาพร้อมกันในใจของทุกคน
เฉินโม่มองพวกลูกน้องตระกูลหลิน แล้วพูดอย่างราบเรียบ “นำทางสิ!”
“ครับ!” ลูกน้องตระกูลหลินขึ้นรถ พาพวกเฉินโม่ทั้ง 4 คน มุ่งหน้าไปยังฐานใหญ่ของตระกูลหลิน
ฐานใหญ่ของตระกูลหลิน ที่หลินโจว
ตระกูลหลินมีฉายาว่าตระกูลอันดับหนึ่งของหลินโจว แม้ไม่ค่อยสนใจการต่อสู้ด้านอำนาจทางโลก แต่พละกำลังของตระกูลหลินในหลินโจว ยังคงไม่เป็นสองรองใคร
แม้ผู้ว่าการหลินโจว เจอผู้นำตระกูลหลิน ยังต้องให้ความเคารพ
แม้ตระกูลหลินเป็นตระกูลบู๊ แต่สืบทอดต่อกันมาได้เพียงไม่นาน ยังเป็นตระกูลใหม่ที่เติบโตขึ้นมาเมื่อร้อยปีก่อน เทียบกับตระกูลบู๊โบราณที่สืบทอดกันมาหลายร้อยจนเกือบพันปีพวกนั้น เบื้องลึกของตระกูลหลินยังอ่อนแอมาก
ว่ากันว่าตอนนั้น หลินเทียนหมิง เหล่าจู่ของตระกูลหลิน ได้รับวิชาบู๊มาเล่มหนึ่ง หลินเทียนหมิงมีความเข้าใจเป็นเลิศ หลังผ่านไป 30 ปี กลายเป็นปรมาจารย์บู๊ ด้วยเหตุนี้ จึงสร้างตระกูลหลินอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
ถ้าตอนนั้นหลินเทียนหมิง ทำงานด้านการเมือง ตอนนี้คงไปไกลกว่าอำนาจของตระกูลจินมาก น่าเสียดายหลินเทียนหมิง ไม่สนใจความเจริญก้าวหน้าทางตำแหน่งราชการ หลงใหลในวิถีบู๊ เมื่อมีชื่อเสียง จึงกลับมาตั้งรกรากที่หลินโจวบ้านเกิด จึงมีตระกูลหลินในทุกวันนี้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไม ตระกูลหลินถึงเอาแต่หดหัวอยู่ในหลินโจว เพราะคำสอนของบรรพบุรุษตระกูลหลินคือ ลูกหลานตระกูลหลินทุกคน ต้องยึดถือการฝึกบู๊เป็นสำคัญ