ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์มีต้นกำเนิดจากสองแหล่ง แหล่งที่หนึ่งคือทะเลจิตที่เสริมสร้างพลังงานวิญญาณ…ในตำนานกล่าวไว้ว่าทะเลจิตประกอบไปด้วยสามจิตและเจ็ดวิญญาณ ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมานั้นจะคอยชี้นำจิตวิญญาณแห่งทะเลจิต สามจิตที่ว่าประกอบไปด้วยจิตแห่งสวรรค์ จิตแห่งปฐพี และจิตแห่งชีวิตซึ่งก่อเกิดจิตมนุษย์ ส่วนสัญชาตญาณ สติปัญญา ปราณ ความแข็งแกร่ง กายสำคัญ จิตวิญญาณ และความกล้าหาญหล่อหลอมเป็นวิญญาณของคนผู้หนึ่ง ทว่าทักษะชีพจรวิญญาณของหลินมู่อวี่ขัดเกลาสามจิตและเจ็ดวิญญาณเพิ่มเติมทีละดวงอย่างประณีต เลยทำให้จิตของหลินมู่อวี่ในปัจจุบันแข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธ์ระดับเดียวกัน อีกทั้งฌานสัมผัสก็เฉียบคมยิ่งกว่า
อีกแหล่งพลังคือทะเลปราณ ปราณภายในที่ก่อเกิดจากผืนโลก ดวงดาว ท้องทะเล จิตวิญญาณ และสิ่งต่างๆ อีกมากมาย พลังทั้งหมดรวมกันภายในแกนกลางกำเนิดเป็นทะเลปราณ จอมยุทธ์ในผืนแผ่นดินนี้มักเสริมสร้างทะเลปราณมากกว่าทะเลจิต ซึ่งรวมทั้งจางเหว่ย เว่ยโฉว เซี่ยงอวี้ และคนอื่นๆ เนื่องจากทะเลปราณเป็นทางสายตรงสำหรับจอมยุทธ์ในการเพิ่มความแข็งแกร่ง
หลินมู่อวี่รู้สึกว่าทะเลปราณของเขาว่างเปล่า ราวกับปราณยุทธ์ทั้งหมดถูกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้ากลืนกิน น้ำเต้าสีเขียวอ่อนเลื้อยล้อมรอบร่างกายและหมุนเป็นเกลียวช้าๆ ขณะที่กำลังดูดซับจิตวิญญาณมังกรนภาอย่างดุเดือด…ก็ดูดซับปราณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ในเวลาเดียว
“เกิดอะไรขึ้นกับน้ำเต้า?”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ
ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านไปนานเพียงใด…ในที่สุดวิญญาณมังกรนภาก็ได้รับการสกัดเรียบร้อย ทันใดนั้น! ลำแสงสาดส่องจากท้องฟ้าผ่านโขดหินและตกลงบนน้ำเต้า น้ำเต้าเขียวพลันสั่นเล็กน้อยและปลดปล่อยแสงสีทองออกมาเป็นริ้ว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำเต้าสีทองอย่างสมบูรณ์!
‘โฮก โฮก…’
ชิ้นส่วนสุดท้ายของมังกรนภาภายในติ่งหลอมยักษ์คำรามก้องดิ้นรนหนีจากพันธนาการ ทว่าก็ไม่สำเร็จ ติ่งหลอมยักษ์กลายเป็นพื้นที่ปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ หลินมู่อวี่เรียกเพลิงสวรรค์ออกมาหลอมเป็นเวลาห้านาที ก่อนที่วิญญาณสัตว์ร้ายจะกายเป็นของเหลวสีทองแทรกซึมเข้าไปในน้ำเต้าอย่างเชื่องช้า
‘วิ้ง…วิ้ง…’
น้ำเต้าส่งเสียงเล็กแหลมและสั่นเล็กน้อย ชั้นนอกถูกผลัดออกเผยให้เห็นน้ำเต้าสีทองอร่าม ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่ก็รู้สึกพึงพอใจ การที่น้ำเต้าเพิ่มระดับก็หมายความว่าตัวเขาทะลุผ่านขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งแล้ว! หลังจากอยู่ระดับนี้มานาน…ในที่สุดก็ทำสำเร็จ อีกทั้งหลินมู่อวี่ก็ไล่ตามเฟิงจี้สิง ฉินเหลย ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน และคนอื่นๆ จนทัน
ลู่ลู่ในทะเลจิตพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอแสดงความยินดีกับพี่ชายที่สามารถเลื่อนระดับเจ้าค่ะ!”
“ขอบคุณนะลู่ลู่”
หลินมู่อวี่เผยยิ้มขณะที่สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่น้ำเต้าทองส่งมาซึ่งคล้ายกับปราณยุทธ์ พลังนี้เข้มข้นและบริสุทธิ์กว่าก่อนที่น้ำเต้าจะดูดซับเข้าไป ขณะเดียวกันปราณยุทธ์สีขาวลอยควบแน่นรอบตัวหลินมู่อวี่ราวกับชุดเกราะ
เกราะปราณยุทธ์!
ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็สามารถเปลี่ยนปราณยุทธ์เป็นเกราะ! รวมกับการป้องกันของวิญญาณยุทธ์น้ำเต้า ทำให้หลินมู่อวี่เปรียบเสมือนกำแพงเหล็กเคลื่อนไหวได้! และผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าเท่านั้นที่จะสามารถทำลายการป้องกันของอาอวี่
ลู่ลู่ยิ้มและพูดว่า “พี่ชาย ทักษะของมังกรนภาได้รับการหลอมด้วยเช่นกัน มันเป็นท่าโจมตีชื่อว่า ‘สาดแสง’ เป็นทักษะที่ใช้ในการโจมตี หรือปลดปล่อยแสงจ้าชั่วขณะเพื่อทำให้ศัตรูตาบอดทันที ขึ้นอยู่กับพี่ชายว่าจะใช้อย่างไร”
“อืม”
หลินมู่อวี่ยิ้มรับ มีพลังงานอรุณหลอมรวมอยู่ทั้งเจ็ดชั้นของน้ำเต้า เขาพลันผายฝ่ามือปลดปล่อยพลังงาน ทันใดนั้น! ปราณยุทธ์หมุนคว้างสาดแสงสีทองล้อมรอบนิ้วมือก่อนที่วิญญาณยุทธ์จะปรากฏขึ้น มันพุ่งตรงเข้าไปยังกระบี่วิญญาณมังกรที่ถืออยู่ จู่ๆ กระบี่วิญญาณมังกรส่งเสียงแหลมคมราวกับพึงพอใจกับพลังอรุณอันทรงพลังนี้
เกรงว่าต่อไปการตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียวของอาอวี่…อาจแตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง!
…
ขณะเดียวกันเซี้ยโหวซางเดินเข้ามาในถ้ำ ก่อนจะเห็นว่าน้ำเต้าเขียวของหลินมู่อวี่กลายเป็นน้ำเต้าทอง อีกทั้งยังก่อตัวเป็นรูปทรงน้ำเต้าที่แตกต่างออกไป เซี้ยโหวซางพลันประสานมือด้วยความปีติ “ขอแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพขอรับ! น้ำเต้าของท่านเพิ่มระดับ และไม่ได้เป็นน้ำเต้าระดับสิบอีกต่อไป!”
“โอ้?”
หลินมู่อวี่ตะลึง “นี่มันเรื่องอะไรหรือ? ข้ารู้เพียงว่าขณะนี้น้ำเต้ามีเจ็ดชั้น แต่ไม่ทราบว่าคือระดับใด”
เซี้ยโหวซางจึงอธิบาย “ท่านแม่ทัพคงไม่ทราบ วิญญาณยุทธ์เป็นสิ่งที่มั่นคง มีผู้ที่มีวิญญาณยุทธ์ระดับต่ำมาตั้งแต่กำเนิดมากมาย ทว่าหากเกิดความบังเอิญหรือฝึกฝนอย่างหนัก วิญญาณยุทธ์ระดับแปดก็สามารถเปลี่ยนเป็นระดับเจ็ดได้ขอรับ ข้าคิดว่าในเมื่อน้ำเต้าของท่านเปลี่ยนเป็นสีทอง มันก็ไม่ควรจะเป็นระดับสิบอีกต่อไป หากท่านแม่ทัพกลับไปที่เมืองหลันเยี่ยน ควรแสดงให้ใต้เท้าเหล่ยหงเห็น ดวงตาของเขาสามารถบอกระดับวิญญาณยุทธ์ได้ขอรับ”
“ฮ่า ยอดเยี่ยม!”
วิญญาณยุทธ์ระดับสิบเป็นสิ่งที่หลินมู่อวี่เจ็บใจมาตลอด ผู้ที่ทำลายโลกอย่างเขากลับมีวิญญาณยุทธ์ต่ำต้อยเช่นนี้ มันช่างไม่สมเหตุสมผล! ทว่าจากที่เซี้ยโหวซางพูด…ดูเหมือนว่าความพยายามของหลินมู่อวี่จะสัมฤทธิผลในที่สุด!
จากนั้นเซี้ยโหวซางก็พูดต่อ “ท่านแม่ทัพขอรับ นี่เกือบจะรุ่งสางแล้ว ข้าว่าเราควรกลับรังอินทรี หากอยู่นานกว่านี้เกรงว่าท่านแม่ทัพจะไปไม่ทันการประลองยุทธ์ขอรับ”
“เกือบรุ่งสางแล้ว…”
หลินมู่อวี่ตกตะลึงเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจะฝึกยุทธ์นานถึงเพียงนี้ การยกระดับของน้ำเต้าใช้เวลานานพอสมควร “อืม กลับรังอินทรีกัน!”
…
เมื่อหลินมู่อวี่ก้าวออกจากถ้ำก็พบว่าพวกเว่ยโฉวตัวสั่นเทา พวกเขาอาการไม่ค่อยดีหลังจากที่ต้องอยู่ด้านนอกตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้นอน ทว่ามันคือโชคชะตาที่ต้องเผชิญ! หน่วยองครักษ์อินทรีใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากกว่ามากเมื่อเทียบกับองครักษ์มังกร!
เว่ยโฉวสังเกตเห็นพลังของหลินมู่อวี่ที่แตกต่างออกไปก็กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับการเลื่อนระดับขอรับท่านแม่ทัพ!”
หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “ขอบคุณมาก”
องครักษ์อีกนายนามว่า ‘ฮันเช่า’ มีสีหน้าประหลาดใจ “ท่านแม่ทัพก้าวเข้าสู่ขอบเขตนภาชั้นที่สองแล้วหรือขอรับ?”
“ใช่ รีบออกเดินทางกลับรังอินทรีกันเถิด”
“ขอรับ!”
จากนั้นทุกคนก็เดินไปยังม้าศึกที่ผูกไว้ไม่ไกล หลังจากให้อาหารม้าก็เริ่มออกเดินทาง เป็นเรื่องดีที่ม้าศึกเหล่านี้เป็นม้าพันธุ์ดี มิเช่นนั้นคงไม่สามารถฝ่าฟันการเดินทางครานี้เป็นแน่ ทว่าหลังจากกลับไปม้าศึกอาจน้ำหนักลดไปหลายชั่ง…ซึ่งมันเป็นความฝันของเหล่าเด็กสาว!
หลินมู่อวี่นั่งลงบนหลังม้าพร้อมหลับตาลง เว่ยโฉวนำทุกคนในฐานะทัพหน้า
ทว่าในหัวใจหลินมู่อวี่รู้สึกกระวนกระวายราวกับว่า…มีบางสิ่งกำลังสอดแนม! กระนั้นเมื่อปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณก็ไม่พบผู้มีพลังแข็งแกร่งนอกเหนือจากกลุ่มเขา ซึ่งทำให้หลินมู่อวี่คลางแคลงใจมาก
จากนั้นหลินมู่อวี่จึงค่อยๆ เอื้อมไปจับดาบที่อยู่ด้านหลังมาวางไว้ที่เอวเพื่อความสะดวกในการใช้ ดวงตาหลินมู่อวี่ฉายความเย็นชาขณะที่กล่าวว่า “ทุกคนระวังตัวด้วย ที่นี่ไม่ปลอดภัย”
ทหารทุกนายพยักหน้ารับก่อนที่เซี้ยโหวซางจะชักดาบออกมา “ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ เราจะไปถึงทางสายหลักในอีกสิบนาที อีกทั้งม้าศึกของเราวิ่งได้เร็ว สัตว์วิญญาณทั่วไปไม่อาจไล่เราทัน แทบไม่ต้องพูดถึงการที่ท่านแม่ทัพเข้าสู่ขอบเขตนภาชั้นที่สอง เป็นจอมยุทธ์ราชันสวรรค์ สัตว์ร้ายทั้งหลายคงไม่กล้าเข้ามาใกล้เราขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นหรือ?”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ถึงกระนั้นก็ต้องระวังตัว”
“รับทราบขอรับ!”
เว่ยโฉวคว้าคันศรจากด้านหลังมาวางไว้ที่เอวเช่นกัน อีกทั้งหยิบลูกธนูมาไว้ใกล้ๆ เพื่อที่จะสามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ
…
หลินมู่อวี่หลับตาพร้อมปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณอีกครั้ง เขาค้นหาอย่างระมัดระวังขณะที่หูก็ฟังเสียงรอบตัว นอกจากเสียงกีบม้าที่เหยียบย่ำลงบนพื้นหิมะและเสียงลมพัดผ่านเสื้อคลุม ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก
จู่ๆ หลินมู่อวี่ก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงแปลกประหลาด ‘สวบ สวบ’ มันดังคล้ายกับกรงเล็บที่ย่ำลงบนหิมะ กระนั้น…เมื่อหลินมู่อวี่ลืมตาก็ไม่พบสัตว์ร้ายแม้แต่ตัวเดียว
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลินมู่อวี่กัดฟันแน่นอย่างนึกสงสัย ว่าทักษะชีพจรวิญญาณจับเสียงแปลกๆ นี้ได้จากที่ใด?
เมื่อเขามองกลับไปด้านหลังก็ต้องตกใจที่เห็นรอยเท้าของสัตว์ร้ายปรากฏขึ้นบนพื้น ทว่ากลับมองไม่เห็นร่างของมัน! หลินมู่อวี่มั่นใจแล้วว่ามีบางสิ่งกำลังติดตามกองทัพอยู่ ดูเหมือนว่าฌานสัมผัสและลางสังหรณ์ของเขาจะไม่ได้ผิดพลาด!
“ระวัง! มันอยู่ข้างหลังเรา!”
หลินมู่อวี่พลันหันกลับและพุ่งออกไปพร้อมกระบี่วิญญาณมังกร
ท้ายขบวนคือองครักษ์อวี้หลินฮันเช่า…ปราชญ์สงครามระดับห้าสิบสี่ เขาหันไปรอบๆ ด้วยความงุนงงและมองไปที่พื้นหิมะด้านหลัง “ท่านแม่ทัพ ตรงนี้ไม่เห็นมีอะไรเลยขอรับ!?”
“ฮันเช่า! ระวัง!!” หลินมู่อวี่ตะโกนเสียงดังลั่น
ทันใดนั้น! ราวกับอากาศเบื้องหน้าถูกบิดเบือน สัตว์ร้ายสีแดงเลือดคำรามก้องปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฮันเช่า! พร้อมตะปบกรงเล็บแหลมอย่างรวดเร็ว!
‘ฉัวะ!’
ร่างฮันเช่าบนหลังม้าร่วงหล่นทันที! ชุดเกราะตั้งแต่คอลงมาถึงท้องแยกออกจากกันราวกับถูกใบมีดตัดออกจนขาดครึ่ง! เลือดสาดกระเซ็นพร้อมอวัยวะภายในกระจายเกลื่อน แม้แต่ม้าที่เขาขี่ก็ถูกกรงเล็บสัตว์วิญญาณตัดครึ่ง! ร่างไร้วิญญาณของฮันเช่าพลันกระแทกลงพื้นเสียงดัง…
“ฆ่าทันที…”
เสียงของหลินมู่อวี่สั่นเล็กน้อยด้วยความโกรธ ขณะที่ร่างกายนั้นสั่นเทิ้ม
การตายอย่างกะทันหันของฮันเช่าช่างน่าหดหู่…นี่มันสัตว์วิญญาณอะไรกัน!?
……………………