‘โฮก โฮก!’
สัตว์วิญญาณขนสีแดงเลือดราวกับสิงโต ทว่าส่วนหัวกลับเป็นมังกร! กรงเล็บทั้งสี่ของมันทรงพลังและยาวราวสิบเซนติเมตร นั่นเป็นเหตุผลที่สามารถตัดฮันเช่าขาดครึ่งด้วยการโจมตีครั้งเดียว ทันทีที่เห็นหลินมู่อวี่ก็พุ่งไปพร้อมคำรามกึกก้องราวกับสัตว์ร้าย
“อ๊าก!”
สัตว์วิญญาณพลันกระโจนเข้าใส่เวลาเดียวกัน พร้อมตะปบกรงเล็บแหลมหวังฟาดเข้าที่คอของหลินมู่อวี่
ทว่าหลินมู่อวี่ไม่เหมือนฮันเช่า เขามีการป้องกันถึงสี่ชั้น! ซึ่งก็คือกระดองเต่าทมิฬ ปราการเกล็ดมังกร เกราะน้ำเต้าเขียว และเกราะปราณยุทธ์! ‘เปรี้ยง!’ กรงเล็บแหลมกระแทกลงบนกระดองเต่าทมิฬจนแตกเป็นเสี่ยงๆ หลินมู่อวี่ฉวยโอกาสนี้ตวัดกระบี่ในมือทันที ทั้งใบดาบปกคลุมไปด้วยแก่นเพลิงมังกรและพลังงานอรุณ!
‘ฉัวะ!’
การโจมตีปะทะเข้าเต็มแรง ทว่าไม่สามารถทะลุร่างของมัน กระบี่วิญญาณมังกรเพียงสร้างบาดแผลสองรอยบนขาหน้าเท่านั้น เลือดสีทองสาดกระเซ็นลงบนพื้นราวกับลาวาและละลายหิมะเป็นวงกว้างทันที!
‘โฮก โฮก!’
สัตว์ร้ายพลันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนจะใช้ขาหลังเพิ่มพลังขณะพุ่งตัวอย่างรวดเร็วราวกับแสง ทันใดนั้น! มันตะปบกรงเล็บทะลวงปราการเกล็ดมังกรและเกราะน้ำเต้าเขียวพร้อมอ้าปากกว้างหวังขย้ำคอหลินมู่อวี่! สัตว์ตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป และหลินมู่อวี่ไม่สามารถสู้ได้ซึ่งๆ หน้า จึงใช้ฝีเท้าดาวตกม้วนตัวหลบทันที!
‘กร้วม!’
สัตว์ร้ายกัดลงไปที่ความว่างเปล่า มันไม่ได้หันกลับขณะที่สะบัดหางเหล็กด้านหลังอย่างรวดเร็ว! หลินมู่อวี่ไม่สามารถหลบไปไหนได้ ทันใดนั้น! หางก็กระแทกลงแผ่นหลังเต็มแรง! หลินมู่อวี่ร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด สัตว์ร้ายตัวนี้ใช้หางเพียงอย่างเดียวก็ทำลายเกราะปราณยุทธ์ของเขาได้ ทว่าก็โชคดีที่เขามีเกราะปราณยุทธ์ มิเช่นนั้นการโจมตีเมื่อครู่คงทำให้กระดูกสันหลังแตกเป็นเสี่ยงๆ และแม้แต่เซียนบนสวรรค์ก็คงไม่สามารถช่วยได้ทัน
“ช่วยท่านแม่ทัพเร็ว!”
เซี้ยโหวซางชักกระบี่พร้อมพุ่งไป ขณะที่หลินมู่อวี่กลิ้งไปตามพื้นเขาก็เรียกเถาวัลย์น้ำเต้า ฉับพลันเถาวัลย์จำนวนมากก็พวยพุ่งจากพื้นพันธนาการสัตว์ร้ายอย่างแน่นหนา หลินมู่อวี่พลันตะโกนว่า “เซี้ยโหวซางถอยไป! ห้ามใครเข้าไปใกล้! เว่ยโฉวยิ่งตามันซะ!!”
“ขอรับ!”
เว่ยโฉวไม่กล้ายิงอย่างผลีผลาม จึงรั้งสายธนูและรอโอกาส
หลินมู่อวี่รีบควบแน่นกระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรอีกครั้ง ทว่ามันอ่อนแอกว่าเดิมเนื่องจากเป็นการเรียกครั้งที่สอง กระบี่วิญญาณมังกรพุ่งออกไปพร้อมแก่นเพลิงมังกรลุกโชนที่ใบดาบ ‘ฉึก!’ ใบดาบค่อยๆ ทะลวงช่องท้องของสัตว์ร้าย…นี่คงเป็นจุดอ่อนของมันใช่หรือไม่?
‘เปรี้ยง!’
เสียงระเบิดดังก้อง ขณะที่กระบี่วิญญาณมังกรทะลวงช่องท้องสัตว์ร้ายตามดังคาด! เลือดสีทองสาดกระเซ็นทั่วบริเวณทันที ‘โฮก!’ สัตว์ร้ายคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวเกิดคลื่นพลังกระแทกกระบี่วิญญาณมังกรปลิวออกไป และทำลายกำแพงทีละชั้น!
หลินมู่อวี่ยกมือขวาขึ้นควบคุมกระบี่วิญญาณมังกร ขณะที่มือซ้ายควานหามีดเสียงปีศาจ เขาพลันควบแน่นปราณยุทธ์ก่อนจะขว้างมีดใส่สัตว์ร้ายพร้อมเสียงหวีดหวิวแหลมคม
‘โฮก!!’
สัตว์ร้ายมิยอมถอยแม้มีดเสียงปีศาจจะพุ่งมาที่หัว มันสะบัดอย่างรวดเร็ว ‘เคร้ง!’ มีเพียงขนกระจุกหนึ่งถูกตัดออก หัวของมันแข็งมาก!
หลินมู่อวี่ไม่ยอมหลบขระที่สัตว์ร้ายพุ่งตรงเข้ามา เขาพลันยกมือขวาพร้อมใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว จู่ๆ พื้นที่โดยรอบก็เริ่มบิดเบี้ยว ภาพมายาปีศาจและทวยเทพรวมตัวกันรอบกำปั้นหลินมู่อวี่ ทันใดนั้น! เขาก็ปล่อยหมัดใส่สัตว์ร้ายเต็มแรง!
สี่ประทีปเทพมารโศกา!
‘ตูม!’
คลื่นปราณยุทธ์ปะทุขึ้นพัดหิมะโดยรอบปลิวไปหลายเมตร ขณะที่หลินมู่อวี่เองถูกคลื่นพลังกระแทกถอยหลัง และแขนขวาชาไปทั้งแขน
สัตว์ร้ายยังคงต้านพลังสี่ประทีปได้โดยไม่ตาย ร่างกายของมันบิดงอเล็กน้อยก่อนจะกระโจนขึ้นบนฟ้าอีกครั้ง พร้อมอ้าปากเปื้อนเลือดตรงไปที่คอของหลินมู่อวี่อย่างรวดเร็ว!
หลินมู่อวี่ไม่สามารถปล่อยให้มันลงมือได้ มิเช่นนั้นเขาต้องตายแน่!
ทว่าเขากำลังทรมานจากเงื่อนไขของการใช้สี่ประทีป เช่นนั้นจะหลบการโจมตีได้อย่างไร…หลินมู่อวี่ทำได้เพียงขยับเล็กน้อย ส่งผลให้อสูรร้ายร่วงลงกระแทกไหล่เต็มแรง ‘กร้วม!’ เขี้ยวแหลมคมเจาะทะลุเกราะ ก่อนที่เลือดจะไหลทะลักออกมา เขี้ยวคู่นั้นค่อยๆ เจาะลึกลงไปถึงเนื้อ สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้แก่ร่างกายและจิตวิญญาณ
หลินมู่อวี่พยายามเอื้อมมือคว้ากระบี่วิญญาณมังกรอย่างยากเย็น ก่อนจะแทงเข้าไปที่ท้องของสัตว์ร้าย ‘ฉึก!’ เขาออกแรงดันกระบี่เข้าไปจนมิดด้าม!
ขณะเดียวกันก็มีเสียงลูกศรพุ่งตรงมา ‘ฟิ้ว!’ สัตว์ร้ายตัวนั้นตัวสั่นเทิ้มก่อนจะปล่อยไหล่ของหลินมู่อวี่ออกและส่งเสียงครวญคราง ลูกศรอาบยาพิษของเว่ยโฉวปักเข้าที่ตาของมัน!
‘โฮก โฮก…’
สัตว์วิญญาณพลันดึงกระบี่วิญญาณมังกรออกจากท้องและวิ่งหนีเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเว่ยโฉวเตรียมเล็งยิงอีกครั้ง สัตว์ร้ายก็กระโจนหายไปในอากาศพร้อมแสงสีทองสว่างวาบ เหลือเพียงรอยเลือดบนหิมะ…
…
“อ๊าก…”
หลินมู่อวี่ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมล้มลงบนพื้นหิมะด้วยใบหน้าซีดเซียว หัวไหล่ของเขาปวดร้าวรุนแรง ทว่าก็ยังโชคดีที่ปากอสูรร้ายมิได้ใหญ่ไปมากกว่านี้ มิเช่นนั้นคมเขี้ยวคงเจาะลึกไปถึงเส้นเลือดและทำให้ถึงแก่ชีวิตเป็นแน่
“ท่านแม่ทัพ!”
เซี้ยโหวซางรีบเข้ามาช่วยหลินมู่อวี่และมองไปบริเวณโดยรอบพร้อมตะโกนว่า “ระวังตัวด้วย!”
องครักษ์อวี้หลินทั้งสองนายต่างตื่นตกใจ พวกเขาไม่เคยเห็นฉากต่อสู้เช่นนี้มาก่อน นี่คงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดระหว่างมนุษย์และสัตว์วิญญาณใช่หรือไม่?
หลินมู่อวี่หยิบยาสมานแผลออกมาสองขวดแล้วราดลงบนบาดแผลอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ถอดชุดเกราะออก และกล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว “นั่นมันอะไร? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย…”
ในความเป็นจริงหลินมู่อวี่พิชิตพื้นที่ต่างๆ มาตลอดหลายปี ทว่าไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้ที่ใดมาก่อน
เว่ยโฉวขมวดคิ้ว “มันคืออสูรเทวา…นักล่าในตำนาน…”
“อสูรเทวา?” เซี้ยโหวซางตะลึง
เว่ยโฉวพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าเคยเห็นในตำราหมื่นสัตว์ร้าย และอสูรเทวาเป็นหนึ่งในสัตว์ร้ายอันดับต้นๆ ซึ่งอาจเทียบได้กับมังกร ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดคือการใช้พลังงานแสงทำให้ศัตรูตาบอด และนั่นคือสิ่งที่เราเพิ่งเห็น อีกทั้งยังสามารถซ่อนรัศมีพลังเพื่อซุ่มโจมตี ตั้งแต่อดีตกาลไม่มีใครทราบว่ามีจอมยุทธ์จำนวนมากเท่าใดแล้วที่ถูกอสูรเทวาซุ่มโจมตี แม้กระทั่งขอบเขตปราชญ์ก็ไม่รอด…ดังนั้นอสูรเทวาจึงได้อีกชื่อว่า ‘นักล่า’ การโดนอสูรเทวาไล่ล่านับว่าโชคร้ายอย่างแท้จริงขอรับ…”
หลินมู่อวี่ตกตะลึง “ตอนนี้มันหนีไปแล้ว เพราะมันได้รับบาดเจ็บหรือ?”
ดวงตาเว่ยโฉวฉายแววหวาดกลัว “ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่แบบนั้น อสูรเทวามีความพยาบาทโดยกำเนิด หากถูกหมายหัวก็จะมีแต่ต้องตายเท่านั้น…มันต้องกลับมาอย่างแน่นอนหากได้รับบาดเจ็บ ระ…เราควรรีบออกจากที่นี่ขอรับ! ยิ่งไกลยิ่งดี! มิเช่นนั้นเราต้องสังเวยชีวิตเพราะทำมันบาดเจ็บขอรับ…”
หลินมู่อวี่ไม่มีแรงที่จะสู้ เขาจึงพยักหน้ารับ “แล้ว…ร่างของฮันเช่า…”
“มิต้องกังวลขอรับ”
เว่ยโฉวพูดอย่างอ่อนโยน “ฮันเช่าเป็นองครักษ์อวี้หลิน เขาพร้อมจะตายทุกเมื่อ ครานี้เขาเสียชีวิตในสนามรบซึ่งเต็มไปด้วยเกียรติ เราไม่สามารถสละชีวิตตัวเองเพื่อฝังศพให้เขา แทบไม่ต้องพูดถึงท่านแม่ทัพซึ่งเป็นราชบุตรบุญธรรมขององค์จักรพรรดิ ท่านไม่สามารถมาทิ้งชีวิตในสถานที่เช่นนี้ แม้มันจะสร้างความลำบากให้เราก็ตาม…”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรารีบไปกันเถิด”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวี่ขึ้นม้าด้วยความยากลำบากก่อนจะมองไปรอบๆ อสูรเทวาเป็นนักล่าโดยกำเนิด และทักษะชีพจรวิญญาณไม่สามารถตรวจจับความสามารถในการซ่อนตัวของมันได้ เป็นดังที่เว่ยโฉวพูด…การอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่ต่างจากการรอความตาย!
เขาพลันควบม้าเคลื่อนตัวผ่านหิมะไปอย่างรวดเร็ว
ภายในหัวใจทุกคนต่างหนักอึ้ง พวกเขาคิดว่าจะจบภารกิจนี้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าไม่คาดฝันว่าจะต้องเผชิญหน้าอสูรเทวาจนต้องเสี่ยงชีวิตและพบกับความตาย
ขณะที่ควบม้าเว่ยโฉวก็กล่าวว่า “ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอสูรเทวาตัวนั้นอายุหนึ่งหมื่นสามพันสี่ร้อยปีซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ระดับศักดิ์สิทธิ์ โชคดีเพียงใดที่ทำให้มันบาดเจ็บได้ ดังนั้นจึงควรหนีไปให้ไกลที่สุด…”
“อายุกว่าหมื่นปี?” เซี้ยโหวซางตกใจ
เว่ยโฉวเผยยิ้มจางๆ “อสูรเทวาเป็นอสูรผนึกจันทรา ซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานชนิดหนึ่งที่สามารถดูดซับแสงจันทร์ได้ ที่แห่งใดมีอสูรผนึกจันทรา ที่แห่งนั้นย่อมไม่มีแสงจันทร์! เมื่ออสูรผนึกจันทรามีอายุถึงหนึ่งหมื่นปีก็จะกลายร่างเป็นอสูรเทวา และอสูรเทวาเป็นสัตว์หายากระดับต้นๆ ของตำราหมื่นสัตว์ร้าย การที่เราพบมัน…ข้าไม่แน่ใจว่าเราโชคดี หรือโชคร้ายแปดชั่วโคตรกันแน่…”
หัวใจของหลินมู่อวี่หนักอึ้งขณะที่ยังโคจรหลอมกระดูกมังกรเพื่อรักษาบาดแผล เนื่องจากขณะนี้เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก ราวกับว่าถูกจับจ้องจากบางสิ่ง ใช่แล้ว…มันเป็นความรู้สึกเดียวกับก่อนหน้าไม่มีผิด! ราวกับว่าทักษะชีพจรวิญญาณกลายเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง หลินมู่อวี่รู้สึกได้ถึงอสูรเทวาที่กำลังเฝ้ามองอยู่ แต่ไม่รู้ว่ามาจากที่แห่งใด…
และปฏิเสธไม่ได้ว่าหลินมู่อวี่มีส่วนต้องรับผิดชอบการตายของฮันเช่า
…
ในช่วงเวลานั้นหลินมู่อวี่รู้สึกถึงความหวาดกลัวอย่างแท้จริงราวกับรับรู้ได้ถึงความโอหังและมุ่งมั่นของอสูรเทวา! มันต้องการกลืนกินวิญญาณและเนื้อหนังของเขา…นั่นคือความรู้สึกที่อสูรร้ายส่งมา…
ไม่นานหลินมู่อวี่ก็หรี่ตาลงขณะที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยจิตสังหาร
หากเขาไม่ฆ่าอสูรเทวา…เช่นนั้นจะส่งวิญญาณฮันเช่าไปสู่สรวงสวรรค์ได้เช่นไร!
……………………