กลางดึกหลินมู่อวี่ตัดสินใจพักโดยตั้งค่ายอยู่ใต้ผาหิน เว่ยโฉวก่อกองไฟขึ้นสามกองรอบบริเวณที่พักเพื่อปกป้องหลินมู่อวี่จากการลอบโจมตีของอสูรเทวา
หลังจากวิ่งไกลมาทั้งวัน ในที่สุดพวกหลินมู่อวี่ก็ออกจากป่าเจตภูตมาได้กว่าร้อยไมล์แล้ว ทว่าในใจหลินมู่อวี่ยังมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่เรื่องหนึ่ง เขาเผยใบหน้าไม่สู้ดีเมื่อมองไปยังฝั่งที่มีเมฆครึ้ม ก่อนจะเอ่ยถามเว่ยโฉว “เว่ยโฉว เจ้าเหลือคันศรสำรองอีกเท่าไร?”
“สามขอรับ มีเหตุอันใดหรือ?”
“เราจะวางกับดักกัน”
“กับดัก?” เว่ยโฉวแปลกใจ “เราหนีมาไกลกว่าร้อยไมล์แล้ว อสูรเทวายังตามเรามาอยู่หรือขอรับ?”
“มันมาแน่ เชื่อข้า”
“ขอรับ!”
เว่ยโฉวรับคำสั่ง ขณะที่เซี่ยโหวซางและคนอื่นๆ หยิบอาวุธขึ้นมาขุดหลุมกว้างสิบเมตรลึกห้าเมตรเพื่อทำเป็นกับดัก นำเศษไม้มาวางทับปากหลุมและคลุมด้วยหิมะ เว่ยโฉวติดตั้งคันศรทั้งสามพร้อมลูกธนูไว้ ทั้งหมดเล็งไปที่หลุมพร้อมยิงได้ทุกเมื่อ
แน่นอนว่านี่เป็นการวางกับดักที่ไม่แนบเนียนเอาอย่างมาก…
“กับดักนี้จะหลอกอสูรเทวาได้จริงหรือขอรับ?” เว่ยโฉวที่นั่งข้างหลินมู่อวี่เอ่ยขึ้น “อสูรเทวาไม่เหมือนกับอสูรทั่วไป มันได้รับการบรรลุทางวิญญาณแล้วย่อมมีสติปัญญาอย่างแน่นอน หากมันเล็งเป้าหมายมาที่เราโดยตรง เช่นนั้นสิ่งที่เราทำไปก็ไร้ความหมาย”
“ไม่ กับดักยังใช้การได้อยู่”
หลินมู่อวี่เงยหน้ามองหน้าผาใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหิมะยื่นออกมาคล้ายสัตว์ประหลาดกำลังอ้าปากอยู่ มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าอสูรเทวาจะมาจากทางไหน เขาทำได้เพียงรอเวลาให้มันปรากฏตัว…
“วิ้ง…”
หลินมู่อวี่แตะมือลงบนพื้นและปล่อยเถาวัลย์น้ำเต้าให้เจาะลงไปในดิน เถาวัลย์ยาวเลื้อยไปใต้พื้นผิวเป็นสองทาง จนในที่สุดหลินมู่อวี่ก็สร้างกับดักจากใต้พื้นดินด้วยความกว้างไม่ถึงห้าเมตรทว่าลึกสิบเมตร!
“จากนี้ห้ามใครเคลื่อนไหวและผูกม้าเอาไว้อย่าให้มันหลุด” หลินมู่อวี่ทำเครื่องหมายไว้บนพื้นหิมะไม่ไกลจากจุดที่พวกตนอยู่
เว่ยโฉวเมื่อเห็นดังนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าหลินมู่อวี่หมายถึงสิ่งใดก่อนจะพยักหน้ารับ “รับทราบขอรับ!”
แม้เซี่ยโหวซางและองครักษ์อีกสองคนยังสับสนอยู่ทว่าก็ยอมทำตามแต่โดยดี การถูกอสูรอายุหนึ่งหมื่นสามพันสี่ร้อยปีที่ล่องหนได้หมายหัว พร้อมถูกลอบโจมตีได้ทุกเมื่อ เป็นความกดดันที่หนักอึ้งจนเกินจะรับไหว หากเป็นทหารทั่วไปที่ฝึกฝนจิตใจไม่เพียงพอคงสติแตกไปแล้ว
“หลับเสีย หากมันปรากฏตัวข้าจะเรียกเอง” หลินมู่อวี่เอ่ยขึ้นเบาๆ
“เราจะหลับลงได้อย่างไรเล่าท่าน?” เว่ยโฉวตระหนก
หลินมู่อวี่เม้มริมฝีปากกล่าว “เจ้านี่ช่างซื่อเสียจริง ข้าหมายถึงให้แกล้งหลับ หากพวกเรายังอยู่เช่นนี้เจ้าอสูรเทวาบาดเจ็บนั่นคงไม่ออกมาง่ายๆ เป็นแน่”
“เข้าใจแล้วขอรับ…”
ว่าแล้วทุกคนก็เอนหลังพิงกับก้อนหินแล้วหลับไป แสงจากกองไฟวูบวาบสาดส่องใบหน้าชายทั้งสี่ที่กำลังเข้าสู่ภวังค์ลงอย่างสบายใจ หลินมู่อวี่ที่หลับอยู่ยังคงปล่อยฌานสัมผัสอย่างต่อเนื่องและรับรู้ได้ว่าอสูรเทวานั้นอยู่ไม่ไกล มันกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ เนื่องจากอสูรตนนี้สามารถซ่อนจิตของมันได้แม้จะใช้ทักษะชีพจรวิญญาณไปก็หาไม่เจอ ทว่ายังโชคดีที่พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยหิมะ ดังนั้นหากมันย่างเท้าเมื่อไรต่อให้เบาแค่ไหนหลินมู่อวี่ก็ได้ยิน!
สายลมยังคงพัดโหยหวนอย่างต่อเนื่อง หลินมู่อวี่จำต้องแยกเสียงลมและเสียงฝีเท้าของอสูรให้ออก เขาขมวดคิ้วและกระชับกระบี่วิญญาณมังกรไว้ในมือ แม้จะดูเหมือนกำลังหลับทว่าร่างกายและจิตของเขายังคงตื่นตัวอยู่ตลอด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่อสูรเทวาที่เป็นนักล่าตัวฉกาจกำลังทดสอบสติปัญญาและความกล้าของพวกหลินมู่อวี่อยู่ พวกเขาทำได้เพียงรออย่างอดทนเท่านั้น ต่อเมื่อบรรดาองครักษ์ส่งเสียงกรนออกมา ในที่สุดก็ได้เวลาที่อสูรเทวาเคลื่อนไหวแล้ว!
“สวบ…สวบ…”
หลินมู่อวี่ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำบนพื้นหิมะ สิ่งสำคัญคือเขาต้องกะระยะห่างของอสูรเทวาและคาดเดาว่ามันจะโจมตีมาเมื่อไร
“อย่าขยับ เตรียมตัวให้ดี…มันกำลังมา” หลินมู่อวี่กระซิบบอก
เว่ยโฉวและคนอื่นๆ เตรียมพร้อมทั้งที่ยังอยู่ในท่านอน
“สวบ…สวบ…”
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา! เมื่ออสูรเทวาอยู่ห่างราวสิบเมตร หลินมู่อวี่ก็ลืมตาและตะโกนขึ้นทันใด “มันมาแล้ว ทุกคนเตรียมตั้งรับ!”
บรรดาองครักษ์หยิบอาวุธขึ้นมาเตรียมต่อสู้!
ทันใดนั้นอสูรเทวาก็คำรามลั่นอย่างโกรธเกรี้ยวและเผยร่างพร้อมจู่โจมทันที เว่ยโฉวง้างคันศรและยิงออกไปโดยไว!
อสูรเทวากำลังจะพุ่งเข้าโจมตีจากทางขวา ทว่าก็ชะงักหยุดทันทีเมื่อมาถึงกับดักที่พวกเว่ยโฉวติดตั้งไว้ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบลูกธนูที่พุ่งมา! มันเปลี่ยนมาโจมตีจากอีกฝั่งทันที ก่อนจะยิ้มมุมปากราวกับกำลังหัวเราะเยาะความโง่เขลาของมนุษย์เบื้องหน้า!
“โฮก!”
เมื่อเข้ามาในระยะห้าเมตร อสูรเทวาก็กระโจนเข้าหาหลินมู่อวี่อย่างบ้าคลั่ง!
หลินมู่อวี่รวบรวมพลังปีศาจไว้ที่มือขวาก่อนจะใช้สองประทีปโจมตีใส่อสูรที่แข็งแกร่งที่สุด!
“เปรี้ยง!”
อสูรเทวาระเบิดเสียงคำรามลั่น แม้จะมีผิวหนังอันแข็งแกร่งทั้งยังใช้พลังวิญญาณช่วยป้องกันการโจมตีจากสองประทีป ทว่ามันก็ยังถูกซัดกระเด็น! อสูรปลิวไปถูกกับดักที่หลินมู่อวี่เตรียมไว้และร่วงลงไปทันที
หลินมู่อวี่ดึงกระบี่วิญญาณมังกรออกและกระโดดไต่ขึ้นหน้าผาสูงสิบเมตร ก่อนจะม้วนตัวฟันส่วนที่ยื่นออกมาของหน้าผา หินยักษ์ที่แตกออกมาหลายก้อนร่วงลงทับกับดัก!
“โฮก!”
อสูรเทวาที่กำลังพยายามใช้กรงเล็บปีนขึ้นถูกก้อนหินที่ร่วงมากระแทกใส่หัว ตกลงไปสู่ก้นหลุมกับดักส่งเสียงร้องโหยหวน ด้วยความลึกถึงสิบเมตรไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากจะออกมาจากกับดักลึกที่ฝังกลบด้วยหินมากมาย
“เป็นแผนที่เฉียบแหลมมากขอรับท่าน!” เว่ยโฉวร้องออกมาอย่างตื้นตัน “มันตายแล้วหรือไม่?”
“ไม่ มันยังไม่ตาย!”
อสูรเทวายังคงส่งเสียงคำรามอยู่ ฌานสัมผัสของหลินมู่อวี่รับรู้ได้ว่ามันอ่อนแอลงอย่างมาก ทว่าก็ยังไม่ถึงกับตาย กระนั้นก็ไม่แปลก…หากมันตายง่ายถึงเพียงนั้นคงไม่ถูกเรียกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์…
“ไปกันเถิด เราต้องเร่งออกจากที่นี่ภายในคืนนี้ หินพวกนั้นคงถ่วงเวลามันได้สักพัก”
“ขอรับ!”
เว่ยโฉวง้างคันศรกลืนวิญญาณและยิงลูกธนูที่เหลือใส่กรงเล็บอสูรเทวาที่โผล่ออกมาจากก้อนหินด้วยความโกรธแค้น “ไอ้อสูรชั่วบังอาจฆ่าฮันเช่า ข้าอยากจับมันแยกส่วนเป็นชิ้นเสียจริง!”
“รีบไปได้แล้ว เรื่องจัดการมันไว้วันข้างหน้าก็ยังไม่สาย”
“ขอรับ!”
พวกหลินมู่อวี่เรียงแถวควบม้าเดินทางต่อในกลางดึก หลินมู่อวี่ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เขารู้ว่าอสูรเทวาไม่ปล่อยพวกตนไปง่ายๆ เช่นนี้แน่ มันเห็นมนุษย์เป็นเพียงของเล่นฆ่าเพื่อความสะใจของมันเอง อสูรที่มีแต่ความอาฆาตนั้นหาได้ยากนัก
หลังจากควบม้ามาเกือบทั้งวัน ในที่สุดทั้งสี่คนก็มาถึงขอบป่าล่ามังกร ใช้เวลาอีกเพียงครึ่งวันก็จะถึงเมืองหลันเยี่ยนเสียที
ถึงกระนั้นม้าก็เหนื่อยเกินไปที่จะวิ่งต่อ ม้าศึกของหลินมู่อวี่เองก็เริ่มน้ำลายฟูมปากแล้ว หากยังฝืนคงได้ตายเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้จึงต้องให้พวกมันพักกินน้ำกินอาหารเสียก่อน
ทั้งสี่เลือกตัดสินใจค่ายพักแรมกันในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นถ้ำของหมีเฒ่าตาบอดอายุเจ็ดร้อยปีที่ถูกเว่ยโฉวฆ่าตายในดาบเดียว อุ้งเท้าหมีถูกนำมาต้มในน้ำเดือดเพื่อทำเป็นอาหารตรงปากถ้ำ
หลินมู่อวี่ไม่สามารถสัมผัสถึงใครได้อีกในบริเวณนี้ แสดงว่าอสูรเทวานั่นยังคงออกมาจากซากหินไม่ได้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี
ทว่าระหว่างที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับซุปอุ้งเท้าหมี หลินมู่อวี่ก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง!
“บัดซบ!”
หลินมู่อวี่สบถพลางวางถ้วยซุปลงและใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจจับทันที เขาเร่งเล็งเป้าหมายไปที่อสูรเทวาที่บัดนี้ไม่ได้ปกปิดจิตสังหารของมันอีกแล้ว ดูเหมือนมันจะบาดเจ็บสาหัสพอตัว…
อย่างไรก็ตามแม้จะบาดเจ็บเพียงไหน แต่ด้วยพลังของมันสามารถฆ่าพวกหลินมู่อวี่ได้อย่างง่ายดาย
อสูรเทวาซ่อนตัวอยู่ในป่าห่างจากพวกหลินมู่อวี่ไม่ถึงร้อยเมตร ด้วยฌานสัมผัสทำให้รู้ว่าอสูรเทวากำลังนั้นอ่อนแอลงอย่างมากจากธนูของเว่ยโฉว คันศรกลืนปีศาจหลอมมาจากวิญญาณธาตุพิษ ส่งผลให้พิษนั้นแพร่กระจายสู่ร่างของอสูรและลดพลังทำให้มันอ่อนแอลงกว่าครึ่ง
อย่างไรก็ตามหลินมู่อวี่บาดเจ็บเหลือพลังอีกไม่มาก หากต้องสู้กันจริงๆ คงถูกอสูรเทวาจับฉีกเป็นชิ้นๆ และเคี้ยวเล่นไม่ต่างจากขนมเป็นแน่
ทางด้านอสูรเทวาเองก็ระมัดระวังตัวอย่างมาก มันกำลังรอโอกาสเหมาะดังเช่นก่อนหน้านี้ แต่มันคงไม่รู้ตัวว่าทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาหลินมู่อวี่ทั้งหมด
หลินมู่อวี่ล้วงหาโอสถเทพประสานจากถุงสรรพสิ่ง ก่อนจะยื่นให้พวกเว่ยโฉวและเอ่ยขึ้น “ดื่มโอสถนี้คนละขวดเสียโดยเร็ว”
“โอสถนี้…คือสิ่งใดหรือขอรับ?” เว่ยโฉวถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“มันช่วยชีวิตเจ้าได้ รีบดื่มเสีย”
“ขอรับ!”
ทั้งสามคนเชื่อใจหลินมู่อวี่ยกดื่มโอสถโดยไว หลินมู่อวี่ดื่มในส่วนของตนก่อนจะหยิบน้ำยามอมเมาออกมาเทหน้าถ้ำให้สายลมพัดกระจายไป อสูรเทวาที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตร แม้จะระวังตัวอย่างมากก็มิอาจเลี่ยงน้ำยานี้ได้ ยิ่งนานเท่าไรน้ำยายิ่งออกฤทธิ์แรงเท่านั้น ซึ่งหลินมู่อวี่กำลังตั้งตารอให้มันสัมฤทธิผลอยู่
กระทั่งเวลาล่วงเลยไปสี่ชั่วโมง ทั้งเว่ยโฉวและคนอื่นๆ ต่างพากันง่วง เป็นจังหวะเดียวกับที่อสูรเทวาเริ่มเคลื่อนไหว มันค่อยๆ พรางตัวออกมาจากแนวป่าทว่าไม่สามารถหลบเลี่ยงฌานสัมผัสของหลินมู่อวี่ได้ “ระวัง มันเริ่มเคลื่อนไหวอีกแล้ว…”
“แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อดีขอรับ?” ดวงตาเว่ยโฉวเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
หลินมู่อวี่ยิ้ม “ครานี้ต้องสำเร็จแน่ อย่างแรกให้เจ้ายิงตาทั้งสองข้างมันให้บอดเสียแล้วข้าจะตัดหัวมังเอง”
……………………………