เล่มที่ 9 บทที่ 255 ความรู้สึกที่มีคนทะนุถนอมช่างดีเสียจริง

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวยวี่ถูกเขามองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างกายสั่นเบาๆ ทีหนึ่งจนแทบจับสังเกตไม่ได้ เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนราวกับถูกคนจับได้ว่ากำลังกระทำผิด เพียงแต่ตอนหันตัวกลับมาก็กลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว

“นี่ก็สายแล้ว ควรตื่นได้แล้ว! ” เซียวยวี่ยกเท้ากำลังจะเดินจากไป หันกลับมาอีกครั้ง “ไปตามพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าและอาเมิ่ง ข้าเตรียมอาหารไว้ ล้างหน้าบ้วนปากแล้วมากินข้าว! ”

กล่าวจบ เซียวยวี่จึงกลับห้องไป รอให้พวกเขาล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้วกินข้าวด้วยกัน

เซียวจื่อเซวียนตื่นแล้ว สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จจึงวิ่งไปเคาะประตู “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่…”

เมื่อคืนเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้นอนดีๆ หลังเที่ยงคืนเพิ่งนอนหลับไปด้วยอาการสะลึมสะลือ พอนอนหลับไป… จนถึงตอนที่เซียวจื่อเซวียนมาตาม นางลืมตาขึ้น ด้านนอกก็สว่างแล้ว นางตื่นสาย

“หา สายถึงเพียงนี้แล้ว…” เซี่ยยวี่หลัวลุกขึ้น ยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย

ไม่ได้อดนอนมานาน พออดนอนหนึ่งหนร่างกายก็เหมือนจะย่ำแย่

เซียวจื่อเมิ่งก็ลุกขึ้น ลืมตาด้วยอาการงัวเงีย “พี่สะใภ้ใหญ่…”

“รีบลุกเถอะ เจ้าใส่เสื้อผ้าเอง พี่สะใภ้ใหญ่จะไปต้มโจ๊กก่อน” เซี่ยยวี่หลัวเลือกเสื้อผ้าให้เซียวจื่อเมิ่งหนึ่งชุด ตัวเองสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ จึงผลักเปิดประตูออกไป

เซียวจื่อเซวียนกำลังยืนล้างหน้าบ้วนปากอยู่ในลาน เห็นเซี่ยยวี่หลัวออกมา จึงรีบกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรีบล้างหน้าบ้วนปากเถอะขอรับ”

เซี่ยยวี่หลัว “ได้ ข้าจะต้มโจ๊กก่อน เจ้าพาน้องสาวไปล้างหน้าก่อน”

เซียวจื่อเซวียนบ้วนน้ำทิ้ง ก่อนกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่ต้องทำอาหารเช้าขอรับ”

“ไม่ทำอาหารเช้าแล้วตอนเช้าจะกินอะไร? ” เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะ “ตอนนี้ยังไม่ถือว่าสายมากนัก! คงกินมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงต่อกันไม่ได้กระมัง”

เซียวจื่อเซวียน “ไม่ใช่ขอรับ พี่ใหญ่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว วางอยู่บนโต๊ะ เมื่อครู่พี่ใหญ่เป็นคนปลุกข้า บอกให้พวกเราล้างหน้าบ้วนปากแล้วไปกินข้าวขอรับ! ”

ฝีเท้าของเซี่ยยวี่หลัวหยุดชะงัก เหมือนจะไม่อยากเชื่อนัก “จริงหรือ? ”

“จริงขอรับ วางอยู่ในห้องโถง หากไม่เชื่อท่านลองไปดูขอรับ! ”

เซี่ยยวี่หลัวสาวเท้าเดินไปทางห้องโถง

บนโต๊ะภายในห้องโถง มีผัดผักสดใหม่สองอย่างวางอยู่ จานหนึ่งเป็นผัดแตงกวา อีกจานหนึ่งเป็นมะเขือยาวผัดพริก ภายในถ้วยเล็กมีไข่ไก่ที่ต้มไว้แล้ว ข้างๆ ยังมีโจ๊กร้อนอีกหนึ่งหม้อ อาหารเช้าถูกตระเตรียมไว้แล้วจริงด้วย

เซี่ยยวี่หลัวมองดูอาหารเช้าบนโต๊ะ ภายในห้วงความคิดเหมือนกับโจ๊กที่ต้มเสร็จ ทั้งข้นทั้งหนืด สูญเสียความสามารถการคิดวิเคราะห์ไปแล้ว

ไม่รู้ว่าในภายหลังนางล้างหน้าบ้วนปากอย่างไร และไม่รู้ว่านางไปนั่งตรงโต๊ะอาหารเช่นไร นางเห็นเซียวยวี่เข้ามา หัวใจแทบกระโดดออกจากช่องอก

เซียวยวี่เข้ามาแล้ว “กินข้าวเถอะ”

น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาและเรียบสงบ เบาหวิวประหนึ่งเมฆหมอก จับไว้ไม่ได้ แตะต้องก็ไม่ได้ กลับลอยผ่านตรงกลางใจ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่ผุดขึ้นจากก้นบึ้งจิตใจอย่างชัดเจน

โจ๊กต้มได้ไม่เลว ไม่จางไม่ข้นเกินไป มะเขือยาวผัดพริกอร่อย แตงกวาอร่อย ไข่ไก่ก็ต้มได้ดี ทำได้ดีทุกอย่าง

เซียวจื่อเมิ่งกินแตงกวาหนึ่งคำ ก่อนกล่าว “พี่ใหญ่ เหตุใดแตงกวาที่ท่านผัดถึงไม่เหมือนกับที่พี่สะใภ้ใหญ่ผัดเจ้าคะ? ”

เซียวยวี่เงยหน้า “หืม ไม่เหมือนอย่างไร? ”

เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้สึกถึงความต่าง “เหมือนกันไม่ใช่หรือ? ”

เซียวจื่อเซวียนมองพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยท่าทางประหลาดใจ เบิกตากว้างราวกับกำลังถามว่าพวกท่านเป็นอะไรไป “ไม่เหมือนกันชัดๆ พวกท่านไม่รู้สึกหรือขอรับ? ”

เซี่ยยวี่หลัวกินอีกหนึ่งชิ้น เครื่องปรุงรสที่ควรมีในห้องครัว นางใช้แล้ว เซียวยวี่ก็สามารถใช้ได้ ผักชนิดเดียวกัน ใช้เครื่องปรุงรสชนิดเดียวกัน ย่อมไม่อาจทำรสชาติที่แตกต่างกันได้ “เหมือนกันนี่นา! ”

เซียวยวี่ “ข้าก็รู้สึกว่าเหมือนกัน! ”

เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงดัง “พี่ใหญ่ แตงกวาที่ท่านผัดไม่ได้ปอกเปลือก แตงกวาที่พี่สะใภ้ใหญ่ผัดจะปอกเปลือก พี่สะใภ้ใหญ่ ความต่างที่ดูง่ายถึงเพียงนี้ ท่านดูไม่ออกหรือเจ้าคะ? ”

เซียวจื่อเซวียนก็กล่าวด้วยท่าทีสงสัย “จริงด้วย พี่สะใภ้ใหญ่ ความแตกต่างที่ดูง่ายถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านถึงไม่ทันสังเกตขอรับ!”

เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง ที่เซียวยวี่ทำไม่ได้ปอกเปลือก!

เมื่อเผชิญกับ ‘ข้อซักถาม’ จากเด็กสองคน เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อ่อ ไม่รู้สึกถึงความต่าง อร่อยเหมือนกัน”

เซียวจื่อเซวียน “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าขอรับ ดูท่านเหมือนไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่า”

ขณะที่เซียวยวี่แสร้งทำเป็นคีบผัก สายตาก็มองผ่านใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง

เปลือกตาเป็นสีคล้ำจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะไม่ได้นอนดีๆ

เซียวจื่อเมิ่งกล่าว “เมื่อคืนพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้นอนดีๆ เจ้าค่ะ ตอนกลางคืนระหว่างที่ข้านอนหลับ ได้ยินเสียงพี่สะใภ้ใหญ่พลิกตัว นางนอนไม่หลับเจ้าค่ะ”

มือของเซียวยวี่ที่กำลังคีบผักพลันหยุดชะงัก ผักที่คีบอยู่หล่นลงไป ยังดีที่พวกเขาต่างก็กำลังจับจ้องไปที่เซี่ยยวี่หลัว จึงไม่มีใครเห็นความผิดปกติของเขา

เขาขมวดคิ้วมุ่น ภายในใจรู้สึกกังวลยิ่งนัก นอนไม่หลับ?

เซียวจื่อเซวียนรีบเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไปขอรับ? เกิดอะไรขึ้นหรือ เหตุใดกลางคืนถึงนอนไม่หลับ จื่อเมิ่งรบกวนท่านใช่หรือไม่ขอรับ ถ้ารบกวนท่าน ก็ให้จื่อเมิ่งมานอนกับข้าขอรับ”

เซียวจื่อเมิ่งทำหน้ามุ่ย “ข้าไม่ได้รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่…”

เซี่ยยวี่หลัวกลัวเด็กสองคนจะเป็นห่วง จึงรีบกล่าว “จื่อเมิ่งเป็นเด็กดีมาก บางทีอาจเพราะตอนกลางวันข้าเหนื่อยเกินไป จึงนอนไม่หลับ ในภายหลังข้าก็นอนหลับแล้วไม่ใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ตอนเช้าข้าตื่นสายถึงเพียงนี้ ก็ถือว่านอนชดเชยเมื่อคืนแล้ว ข้าไม่เป็นอะไร! ”

“เช่นนั้นกินข้าวเสร็จเจ้าก็พักผ่อนต่อ อาหารเที่ยงข้าจะทำเอง” เซียวยวี่ขมวดคิ้วพร้อมกล่าว

ท่านราชบัณฑิตน้อยจะทำอาหารอีก?

เซี่ยยวี่หลัวรีบโบกมือพร้อมกล่าว “คือ ข้าไม่…”

“อาเซวียน กินอาหารเช้าเสร็จไปซักเสื้อผ้ากับข้า” เซียวยวี่กล่าว เซียวจื่อเซวียนรีบพยักหน้า “ได้ขอรับ พี่ใหญ่”

“คือ เจ้าอ่านตำราเถอะ ข้าไม่เป็นอะไร…” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างเร่งรีบ

ให้ท่านราชบัณฑิตน้อยไปซักเสื้อผ้าที่ริมแม่น้ำ?

แค่ทำอาหารก็น่าตกตะลึงมากพอแล้ว ยังจะให้ท่านราชบัณฑิตน้อยไปซักเสื้อผ้า แค่คิดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไป

แค่อดนอนครึ่งค่อนคืนไม่ใช่หรือ นางไม่ใช่คนอ่อนแอจนทนอะไรไม่ได้เสียหน่อย บอบบางถึงเพียงนั้นที่ไหนกัน

“กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเย็นหมด” เซียวยวี่พูดขัดเซี่ยยวี่หลัว จากนั้นก็ไม่กล่าวอะไรอีก

เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ก้มหน้ากินข้าว หลังจากกินข้าวแล้วก็โดนเซียวจื่อเมิ่งพากลับห้อง ‘เฝ้าจับตาดู’ นางนอนหลับ

ถึงแม้จะนอนอยู่บนเตียง แต่เซี่ยยวี่หลัวคอยฟังเสียงด้านนอกอยู่ตลอด เซียวยวี่ไปซักเสื้อผ้าที่ริมแม่น้ำกับเซียวจื่อเซวียนจริงๆ

“จื่อเมิ่ง ข้ากับพี่ใหญ่ไปซักเสื้อผ้าที่ริมแม่น้ำก่อน เดี๋ยวจะกลับมา! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวเสียงเบาตรงหน้าประตู เซียวจื่อเมิ่งก็ขานตอบเสียงเบา “เจ้าค่ะ”

“พี่สะใภ้ใหญ่หลับหรือยัง? ” เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถาม

“พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้พลิกตัวนานแล้ว น่าจะหลับไปแล้วเจ้าค่ะ” เซียวจื่อเมิ่งส่งเสียงชู่ว์เบาๆ

“เช่นนั้นเจ้าดูแลพี่สะใภ้ใหญ่ดีๆ ประเดี๋ยวข้ากับพี่ใหญ่ก็จะกลับมา”

“ได้ ท่านไปเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะดูแลพี่สะใภ้ใหญ่เอง! ” ถึงแม้เซียวจื่อเมิ่งจะกล่าวเสียงใส แต่กลับทำท่าทางราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยก็มิปาน

ประตูห้องถูกปิดเบาๆ ก่อนค่อยๆ ขึ้นเตียง นอนลงข้างกายเซี่ยยวี่หลัว

เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ลืมตา ภายในใจรู้สึกดีใจจนแทบอยากกระโดดโลดเต้นโห่ร้องยินดี

เด็กสองคนเป็นห่วงนาง ไม่เสียแรงที่นางเอ็นดูพวกเขา! ท่าทีที่เซียวยวี่มีต่อนางก็ไม่เลว ถึงกับบอกให้นางไปพักผ่อน ไม่เลวไม่เลว ดูท่าดูแลเด็กสองคนดีๆ เซียวยวี่ก็พึงพอใจเป็นอย่างมาก เขาพึงพอใจ อนาคตของนางก็จะดีตาม!

เซี่ยยวี่หลัวคิดแล้วก็รู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร เกิดรู้สึกง่วงนอนขึ้นมา ในภายหลังจึงหลับไป